Languages
หน้า: [1] 2 3 4 5   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ว่ากันด้วยเรื่องการถ่ายน้ำมันเครื่องที่ระยะ 1,000 km จำเป็นรึเปล่า?  (อ่าน 49589 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
timman_1987
Newbie
*

like: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 04:46:25 pm »

จั่วหัวมาแบบนี้ สมาชิก Pajero Sport-Thailand เตรียมตัวปวดหัวกันได้เลย กับคำถามของผม เริ่มมาจากเดียวนี้รถยนต์ค่ายไหนๆ ก็ไม่ได้ระบุให้ถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งแรกที่ 1,000 km กันเป็นส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งผมสงสัยว่ามันยังจำเป็นอยู่รึเปล่า?

เลยอยากจะย้อนความหลังไปยังสาเหตุที่เมื่อก่อนต้องถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 1,000 km และ แถมเรื่องการรันอิน ที่ได้ศึกษามาร่ำเรียนตั้งแต่สมัย ปวช. วิชาเครื่องยนต์พื้นฐาน กันก่อนนะครับ (ผมเรียนอิเล็กทรอนิค มาเน้อ มีวิชาเครื่องยนต์ที่ต้องเรยนตัวเดียวเลยไม่รู้ว่าลึกแล้วมันเป็นไง แต่ที่รู้มามันประมาณนี้)

= สาเหตุที่ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งแรกที่ 1,000 km เนื่องมาจากในขั้นตอนการผลิตเครื่องยนต์นั้นเป็นการนำโลหะมาดัดขึ้นรูป มีการ ตัด การเจาะ การเจียร การเชื่อม ซึ่งในขั้นตอนเหล่านี้อาจจะทำให้เหลือ เศษโลหะบางส่วนที่เหลือตกค้างในเครื่องยนต์ได้ เมื่อใช้งานรถได้ประมาณ 1000 km จึงต้องทำการถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งเพื่อเป็นการนำเอาเศษโลหะที่ตกค้างพวกนั้นออกมาจากเครื่องยนต์นั้นเองครับ

== แถมเรื่องรันอินด้วยใครๆก็บอกว่าซื้อรถใหม่มาในช่วงรันอิน 1000 km แรกนั้นอยากเพิ่งขับกันเท้าหนักนักเดียวเครื่องมันจะหลวม ผมก็เคยสงสัยว่าทำไมจึงค้นคว้า และ สอบถามอาจารย์ ที่รู้จักจึงได้คำตอบมาดังนี้ครับ : สอดคล้องกับเรื่องการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้านบนนะครับที่ในช่วง 1000 km แรกยังไม่เศษโลหะที่เหลือจากการประกอบเครื่องยนต์ตกค้างอยู่ ซึ่งถ้าในช่วงเวลาดังกล่าวมีการใช้งานเครื่องยนต์อย่างหนักจะทำให้เศษโลหะเหล่านั้นไปเสียดสีกับชิ้นส่วนต่างๆในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานได้ ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นการทำให้เครื่องยนต์หลวม หรือเกินการสึกหรอ ได้ จึงต้องขับแบบถน่อมๆรถไปจนกว่าจะพ้นรันอิน เสียก่อน นี่เองที่เป็นสาเหตุอีกอย่างที่เมื่อก่อนถ้าเราไม่เอารถเข้าเช็คระยะ 1000 km ทางผู้ผลิตจะใช้เป็นข้ออ้างในการไม่รับประกันเครื่อง อันเนื่องด้วยประการฉะนี้ แลจ้า

=== ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการรันอิน เคยมีเพื่อนผมคนหนึ่งเค้าออกรถมใหม่ป้ายแดงมา แล้วก็มีโอกาสได้ไปนั้งรถคันงานคันนั้น เป้นจังหวะที่รถเค้าวิ่งเกิน 1000 km พอดี มันเลยบอกว่ารถพ้นรันอินล่ะโชวพาวได้ แล้วก็เข้าสู่โหมดการขับอย่างบ้าเลือดซักพักผมก็ถามเค้าไปว่าตั้งแต่ชื่อรถมาเค้าเคยถ่ายน้ำมันเครื่องบ้างรึยัง ทำตอบที่ได้นั้น คือ ยัง  ผมเลยสวดไปชุดนึงว่าถ้าแบบนี้รถมันจะยิ่งพังหนักเข้าไปใหญ่นะ มันก็ไม่เชื่อบอกว่ารถวิ่งเกินพันโลแล้วพ้นรันอินแล้ว เลยท้ามันให้ลองไปถ่ายน้ำมันเครื่องดู ถ้าไม่มีอะไรออกมาผมจะออกค่าน้ำมันเครื่อง กับ กรองน้ำมันเครื่องให้มันเอง ปรากฏว่าสิ่งที่ได้ก็คือ มีเศษโลหะทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ทั้งที่ติดคาอยู่ที่กรองน้ำมันเครื่อง แล้วก็ไหลบนออกมากับน้ำมันเครื่องเยอะแยะ เจ้าของรถถึงกับหน้าจืดไปเลย ดีนะที่ยังห้าวได้ไม่ไกล ไม่งั้นอาจเสียหายหนักด้วย  สรุป รถจะพ้นรันอินได้ก็ต่อไม่เมื่อใช้งานไปซักระยะ อาจจะไม่ต้องถึง 1000 km ตามคู่มือก็ได้ ให้ทำการถ่ายน้ำมันเครื่อง ทิ้งไป พร้อมเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องซักทีนึก ส่วนที่ทาง ผู้ผลิตแนะนำว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 1000 km นั้นเพราะถ้าเปลี่ยนที่ระยะน้อยกว่านั้น เช่น ออกรถมาขับกลับถึงบ้าน แล้วถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งเลย เศษโลหะที่ตกค้างอยู่ก็อาจจะหลุดออกมายังไม่หมด และ เป็นการใช้งานน้ำมันเครื่องไม่คุ้มค่า เป็นการสิ้นเปลี่ยนเกินไป 

==== ส่วนเรื่องที่ทางผู้ผลิตรถยนต์ยกเลิกการเช็คระยะที่ 1000 km นั้นไม่ขอพูถึงนะครับ เพราะจากการใช้งานรถมาหลายคัน ร่วมถึงรถที่บอกว่าไม่ต้องถ่ายน้ำมันเครื่องที่ 1000 km ด้วย เมื่อทำการถ่ายน้ำมันเครื่องออกมาก่อนถึง 10,000 km ก็จะมีเศษ โลหะปนออกมาด้วย มากบ้าง น้อยบ้าง แตกต่างกันไป ที่นี้ก็เป็นเป็นที่ตัวท่านเจ้าของรถแล้วล่ะครับว่ารถที่ตัวเองซื้อมานั้น จะไว้ใจว่าทางโรงงานไม่เหลือวัสดุแปลกปลอมใดๆๆไว้ในเครื่องยนต์เลย  แล้วทำตามคู่มือคือเปลี่ยนครั้งแรกที่ 10,000 km หรือ จะเปลี่ยนที่ 1000 km เพื่อความสะบายใจครับ

เลยเกิดความสงสัยในใจว่ามันไม่จำเป็นแล้วจริงๆเหรอ? รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยครับ
บันทึกการเข้า
seto16(เอก)
Hero Member
*****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2190


Soil Science is my life


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 05:20:49 pm »

สำหรับผม...
ผมเปลี่ยน 1000 กิโลแรกครับ...

เพราะ
1.ไม่มั่นใจว่ามีเศษเหล็กผสมด้วยหรือไม่ ไม่ว่าเทคโนโลยี่จะผลิตได้ดีขนาดใหน ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะผลิตได้ฟิตเป๊ะ 100%
2. ไม่มั่นใจในตัวน้ำมันเครื่องว่าเปิดถังมาเติมให้เรานานเท่าไรแล้ว เป็นน้ำมันเกรดใหน ยี่ห้ออะไร ผมขอเป็นผู้กำหนดเองดีกว่า
3. เพื่อความสบายใจ 
บันทึกการเข้า

ไม่เคยคิดเอาชนะใคร แค่เอาชนะตัวเองก็พอแล้ว...
"อยากให้เกษตรกรไทย ใช้ปุ๋ยและสารเคมีอย่างถูกต้อง ไม่น้อยไปจนผลผลิตเสียหาย หรือมากไปจนผู้บริโภคอันตราย"
Mr. KUA
Flying Life..
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84


Ratchaburi


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 25, 2013, 07:33:22 pm »

สำหรับผม...
ผมเปลี่ยน 1000 กิโลแรกครับ...

เพราะ
1.ไม่มั่นใจว่ามีเศษเหล็กผสมด้วยหรือไม่ ไม่ว่าเทคโนโลยี่จะผลิตได้ดีขนาดใหน ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะผลิตได้ฟิตเป๊ะ 100%
2. ไม่มั่นใจในตัวน้ำมันเครื่องว่าเปิดถังมาเติมให้เรานานเท่าไรแล้ว เป็นน้ำมันเกรดใหน ยี่ห้ออะไร ผมขอเป็นผู้กำหนดเองดีกว่า
3. เพื่อความสบายใจ 

ผมจะห้าพันโลแล้ว..ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยครับ..จะรอไปอีกห้าพันโล หรือจะรีบไปเสียเงินเองสักรอบหนึ่งก่อน..ว่าแต่ที่ศูนย์ MMTH หรือว่า..อู่นอกดีครับ.สำหรับนอกเงือนไขบริการฟรี...เพราะกลัวขันน๊อตไม่แน่นเช่นกัน ทั้งศูนย์และไม่ศูนย์...เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

PJS . No. 3212
paooap
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 80



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 11:15:37 am »

ของผม1900โลละ ว่าจะถ่ายอยู่เหมือนกันครับ แล้วต้องเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องด้วยมั้ยครับ
บันทึกการเข้า

ID3411
thara
Sr. Member
****

like: 20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1750



« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 11:33:01 am »

ขออนุญาติ

ตอนแรกก็คิดว่าจะถ่ายเหมือนกันคับ 1000 โล
แต่ต้องใช้รถทางไกล ตอนนี้เลย 3xxx สะแล้ว
มานั่งนึกนิดนึง เศษโลหะแบบหนักๆ
นี่มันจะมาจากขั้นตอนไหนบ้าง
เพราะปัจจุบันการประกอบน่าจะ
เจาะรู คว้านเกลียว มาตั้งแต่ขั้นเป็นชิ้นส่วน
เคยเห็นมีการชุบแข็ง ชุบเคมีอะไรมากมาย
เศษฝุ่นเหล็กน่าจะไปมากแล้ว
มาขั้นตอนในห้องเผาไหม้
ยิ่งไม่น่าจะมีเศษโลหะมากจนน่ากังวล

ประกอบว่า เห็นศูนย์บริการแต่ล่ะที่ ก็มาตรฐานดี
แต่ตรวจดวงชะตากัน ก่่อนเข้าเลยทีเดียว
คิดอยากเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
อาจจะกลายต้องซ่อม ตรงอื่นเพิ่มไปสะอีก
เลยขอเอาแบบ ตามเวลาเขาว่าไปแล้วกันผม

บันทึกการเข้า

เชื่อในพลัง มั่นในสไตล์
E23FGG Stand by 144.xxx
timman_1987
Newbie
*

like: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 04:14:57 pm »

สำหรับผม...
ผมเปลี่ยน 1000 กิโลแรกครับ...

เพราะ
1.ไม่มั่นใจว่ามีเศษเหล็กผสมด้วยหรือไม่ ไม่ว่าเทคโนโลยี่จะผลิตได้ดีขนาดใหน ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะผลิตได้ฟิตเป๊ะ 100%
2. ไม่มั่นใจในตัวน้ำมันเครื่องว่าเปิดถังมาเติมให้เรานานเท่าไรแล้ว เป็นน้ำมันเกรดใหน ยี่ห้ออะไร ผมขอเป็นผู้กำหนดเองดีกว่า
3. เพื่อความสบายใจ 

ผมจะห้าพันโลแล้ว..ยังไม่ได้เปลี่ยนเลยครับ..จะรอไปอีกห้าพันโล หรือจะรีบไปเสียเงินเองสักรอบหนึ่งก่อน..ว่าแต่ที่ศูนย์ MMTH หรือว่า..อู่นอกดีครับ.สำหรับนอกเงือนไขบริการฟรี...เพราะกลัวขันน๊อตไม่แน่นเช่นกัน ทั้งศูนย์และไม่ศูนย์...เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆ

= ข้อนี้ขอตอบโดยอ้างอิง คำตอบในข้อที่ 1 ของท่าน pa seto16(เอก) ที่ว่า "1.ไม่มั่นใจว่ามีเศษเหล็กผสมด้วยหรือไม่ ไม่ว่าเทคโนโลยี่จะผลิตได้ดีขนาดใหน ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะผลิตได้ฟิตเป๊ะ 100%" เพราะในขั้นตอนการประกอบทาง โรงงานเค้าออกแบบระบบการผลิตให้มีการกำกัดวัสดุที่อาจตกค้างอยู่ในเครื่องยนต์ออกไปแล้ว แต่ถ้าเกิดมันออกไม่หมดล่ะ หรือ เกิดการผิดพลาดในขั้นตอนก่ีประกอบที่มีการใช้คนงานเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มีเศษ โลหะเข้ามาอยู่ในเครื่องล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากจะคิด เพราะ MMTH ก็มีผลงานผลิตรถออกมาแล้วมีปัญหามาจากการผลิตตั้งหลายกรณีตัวอย่าง แล้ว สามารถ หาข้อมูลได้ใน Board เลยครับ  yes!!

== ข้อต่อไปที่สมควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ 1000 km แรกก็คือ น้ำมันเครื่องที่ใช้งานโดยทั่วไป (โดยเฉพาะเกรดที่โรงงานประกอบใช้) มีอายุการใช้งานหลังจากทำการเติมลงไปใช้งานที่ประมาณ 3 เดือน หลังจากนั้นน้ำมันเครื่องจะเริ่มเสลื่อมคุณภาพลง เป็นสา้หตุทำให้เวลาไปถ่ายน้ำมันเครื่องมาแล้วทางศูนย์บริการจะให้ป้ายกระดาษเล็กที่มีเขียนระยะทางที่ต้องทำการน้ำมันเครื่องครั้งต่อไป และ อาจจะเขียนช่วงเวลาที่ควรถ่ายลงในกระดาษนั้น โดยระยะ ถ่ายเมื่อ ระยะทางที่วิ่งถึงก่อน หรือ ถึงวันกำหนดก่อนก็ได้   เชอะ

ปล... น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์จะถูกใช้งานครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่รถออกมาจาก Line ผลิตแล้วครับเพราะทาง Staff จะทำการขับรถของท่าน (ขับแบบทุดทีนกันเลยทีเดียว) จาก line ผลิตมาที่ลานจอด ซึ่งก็ไม่รู้ว่ากว่ารถจะมาถึงมือท่านๆ pa pa ทั้งหลายเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ครับ. และยิ่งบางท่านใช้รถน้อยด้วยแบบผม 1 ปีวิ่งไม่ถึง 20,000 km กว่าจะได้ถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งแรก ไม่รู้เวลาผ่านไปกี่เดือน คุณภาพน้ำมันเครื่องจะเหลืออยู่ ซักเท่าใดก็ม่ะรุ ครับผม  oop


อันนี้สำคัญเหมือนกัน การถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะทางในคู่มือควรจะไปถ่ายที่ศูนย์บริการนะครับ เพราะไม่งั้นทาง MMTH อาจจะเอาเป็นเหตุไม่รับประกันเครื่องยนต์ในภายหลังได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2013, 04:42:11 pm โดย timman_1987 » บันทึกการเข้า
timman_1987
Newbie
*

like: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 04:17:16 pm »

ของผม1900โลละ ว่าจะถ่ายอยู่เหมือนกันครับ แล้วต้องเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องด้วยมั้ยครับ

ตามปกติแล้วโรงงานจะแนะนำให้เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องในทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือ ไม่เกิน 10,000-20,000 km ตามแต่ล่ะบริษัทรถครับ แต่ในการถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งแรก ควรจะเปลี่ยนไปพร้อมกันเลยครับ เพราะ ถ้าหากมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในเครื่องยนต์เรา มันจะไปติดอยู่ในนั้นด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2013, 04:42:49 pm โดย timman_1987 » บันทึกการเข้า
timman_1987
Newbie
*

like: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 05:18:16 pm »

ขออนุญาติ

ตอนแรกก็คิดว่าจะถ่ายเหมือนกันคับ 1000 โล
แต่ต้องใช้รถทางไกล ตอนนี้เลย 3xxx สะแล้ว
มานั่งนึกนิดนึง เศษโลหะแบบหนักๆ
นี่มันจะมาจากขั้นตอนไหนบ้าง
เพราะปัจจุบันการประกอบน่าจะ
เจาะรู คว้านเกลียว มาตั้งแต่ขั้นเป็นชิ้นส่วน
เคยเห็นมีการชุบแข็ง ชุบเคมีอะไรมากมาย
เศษฝุ่นเหล็กน่าจะไปมากแล้ว
มาขั้นตอนในห้องเผาไหม้
ยิ่งไม่น่าจะมีเศษโลหะมากจนน่ากังวล

ประกอบว่า เห็นศูนย์บริการแต่ล่ะที่ ก็มาตรฐานดี
แต่ตรวจดวงชะตากัน ก่่อนเข้าเลยทีเดียว
คิดอยากเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
อาจจะกลายต้องซ่อม ตรงอื่นเพิ่มไปสะอีก
เลยขอเอาแบบ ตามเวลาเขาว่าไปแล้วกันผม



ตามปกติขั้นตอนการประกอบรถจากโรงงานจะมีควบคุมให้เหลือสิ่งแปลกปลอมในเครื่องยนต์น้อยที่สุดอยู่แล้วครับ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นสิ่งรับรองว่าจะไม่มีโลกาศที่สิ่งเหล่านั้นจะเหลือตกค้างได้ ส่วนเรื่องวัสดุตกค้างมาจากขั้นตอนไหนในการประกอบบ้างอันนี้ไม่รู้จริงๆครับ คงต้องรอผู้รู้มาตอบนะครับ

ส่วนโลหะที่บอกไว้ว่า เล็กบ้างใหญ่บ้าง ที่มีการส่งสัยว่ามันมีหน้าตาเป็นยังไงนั้นผมได้ทำการหารูปตัวอย่างมาจาก Internet นะครับ แต่ของจริงที่เคยพบในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องรถของผมเองก็ประมาณนี้ และ ครับ

รูปนี้เป็นรูปของ โลหะที่ติดอยู่ที่หัวน๊อตถ่ายน้ำมันเครื่องที่เป็นแม่เหล็กครับ ลองดูครับถึงจะดูแล้วเล็กมากแต่อย่าลืมว่าถ้า เจ้าพวกนี้หลุดเข้าไปในเครื่องยนต์อาจจะเกิดปัญหาได้ครับ เพราะช่องว่างในเครื่องยนต์ที่น้ำมันเครื่องไปเคลือบเป็น Film บางๆนั้นมันบางมากกว่าเส้นผมอีก







จากรูปด้านบนนะครับจะเห็นว่าเศษโลหะก็มีเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ถ้าอยากรู้ว่าในน้ำมันเครื่องมีเศษโลหะปนอยู่หรือไม่ (เศษโลหะที่มีไม่จำเป็นต้องเกิดจากการประกอบเสมอไปครับ อาจเกิดจากการขับขี่ที่รุณแรง อาจเกิดการซึกหล่อ อย่างรุณแรงก็เป็นได้) แต่ไม่ได้ใช้น็อยอ่างน้ำมันเครื่องที่เป็นแม่เหล็กก็สามารถดูได้ในเวลาถ่ายน้พมันเครื่องออกมา แล้วพักทิ้งไว้ซักพัก แล้วเทน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่ออกไป ถ้ามีโลหะป่นอยู่เมื่อนำมาส่องกับแสงแดด มันจะสะท้อนแสงให้เห็นชัดๆๆเลยครับ




บันทึกการเข้า
Mr. KUA
Flying Life..
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84


Ratchaburi


« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 07:59:27 pm »

เอ่อ.....เช่นนั้น...กระผมคงต้องเข้าศูนย์ เพื่อถ่ายน้ำมันเครื่องก่อนจะ 5000 กม.ซะแล้ววววววววว.... yes!! yes!!
บันทึกการเข้า

PJS . No. 3212
paooap
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 80



« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 08:32:45 pm »

อยากจะสอบถามหน่อยครับ พอดีจะไปถ่ายน้ำมันเครื่องในปั้มเชล รถคันเก่าที่ผมไปถ่ายมาเค้าใช้ระบบดูดออกมา จากก้านเช็ค ไม่ได้ขันนีอตที่อ่างครับ
แบบนี้จะถ่ายออกมาหมดมั้ยครับ กำลังจะเอาน้องปาไปถ่าย เลยมาถามเกจิก่อนว่าจะดีมั้ยครับ
บันทึกการเข้า

ID3411
pon306
Jr. Member
**

like: 5
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 580



« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 09:08:09 pm »

ของผมออกเมื่อ เมษานี้ ยังครบ 1,000โล แต่มีคูปองเช็ค 1,000โลมาให้ครบ ของผม รถ 2.5GT4W 2012 good
บันทึกการเข้า

DI3388  line ID pon306
timman_1987
Newbie
*

like: 4
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123


« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 10:02:07 pm »

อยากจะสอบถามหน่อยครับ พอดีจะไปถ่ายน้ำมันเครื่องในปั้มเชล รถคันเก่าที่ผมไปถ่ายมาเค้าใช้ระบบดูดออกมา จากก้านเช็ค ไม่ได้ขันนีอตที่อ่างครับ
แบบนี้จะถ่ายออกมาหมดมั้ยครับ กำลังจะเอาน้องปาไปถ่าย เลยมาถามเกจิก่อนว่าจะดีมั้ยครับ

การที่จะตอบว่าถ่ายน้ำมันเครื่องออกมาได้หมด หรือ ไม่ต้องขออธิบายทำความเข้าใจในเรื่องการทำงานของระบบน้ำมันเครื่องเบื้องต้นกันก่อน เพื่อการทำความเข้าใจที่ง่ายขึ้นครับ

1.ระบบหล่อลื่นทำงานอย่างไร ?
= กลไกลการหมุนเวียนของน้ำมันหล่อลื่น ภายในเครื่องยนต์





เริ่มต้นจาก อ่างน้ำมันเครื่อง เป็นแหล่งบรรจุน้ำมันเครื่องหลัก โดยน้ำมันเครื่องจะถูกดูดผ่านท่อดูดก้นอ่าง หรือที่เราเรียกว่า ฝักบัว ส่งต่อยัง Oil Pressure Pump หรือ ปั้มน้ำมันเครื่อง ที่หมุนตามการทำงานของเครื่องยนต์ น้ำมันถูกดูดมาหมุนผ่านใบพัด หรือเทอร์ไบน์ สร้างแรงดันน้ำมันให้สูงขึ้น ป้อนเข้าสู่ Oil Cooler ออยล์คูเลอร์ ทำหน้าที่ระบายความร้อนของน้ำมันเครื่องให้เย็นลง ถ้าออยล์คูเลอร์เกิดอุดตัน น้ำมันเครื่องจะไหลผ่าน Back Pressure Vale ผลักดันน้ำมันเครื่องแรงดันสูงไปกรองแยกสิ่งสกปรกออกด้วย Oil  Filter หรือ ไส้กรองน้ำมันเครื่อง และในไส้กรองจะมี  By Pass Vale อยู่ภายใน พาสน้ำมันให้ไหลผ่านโดยตรงเมื่อไส้กรองเกิดอุดตัน วัดแรงดันน้ำมันด้วย Oil Sensor หรือ Oil Sw. สวิทย์น้ำมันเครื่อง แสดงเป็นไฟเตือนเข้าหน้าปัด หรือแสดงเป็นเข็มวัดแรงดัน และเป็นเซนเซอร์ป้อนเข้าสู่กล่องคอมพิวเตอร์  น้ำมันเครื่องแรงดันสูงส่งผ่านต่อ เข้าสู่ระบบต่างๆของเครื่อง ผ่านรูน้ำมันในเสื้อสูบ ฝาสูบ ไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนเช่น ข้อเหวี่ยง  ก้านสูบ ฉีดน้ำมันเครื่องแรงดันสูงเข้าไประบายความร้อนของลูกสูบ และแหวนสูบด้วย Oil Jet Spay หัวฉีดน้ำมันเครื่อง  เพิ่มแรงดันน้ำมันเครื่องด้วย Check Vale หรือ วาล์วเพิ่มแรงดัน  แบบที่รถแรงๆนิยมนำมากลึงกันใหม่ เพิ่มแรงดันน้ำมันเครื่องให้รุนแรงขึ้น อัดฉีดแรงดันสู่ระบบ ไฮโดรลิกวาล์ว กลไกลการตั้งระห่างวาล์วด้วยแรงดันน้ำมัน หรือระบบ ไฮโดรลิกแคมชาร์ป  แบบ Vtec หล่อเลี้ยงแคมชาร์ป หลอดวาล์ว วาล์วไอดี และวาล์วไอเสีย ป้อนเข้าสู่อุปกรณ์ภายนอกพวก แกนเทอร์โบ, ปั้มลม, ปั้มแรงดันน้ำมัน  ไหลกลับมาหล่อลื่นระบบ โซ่ลาวลิ้น, เฟืองขับต่างๆ ไหลหล่นลงมาตามช่องรูต่างๆใกล้ๆกับระบบน้ำหล่อเย็น เพื่อระบายความร้อน จนลงมาสู่อ่างน้ำมันเครื่องอีกครั้ง

2. จากข้อที่ 1 จะเห็นได้ว่าเครื่องยนต์จะมีน้ำมันเครื่องหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน หรือ หยุดการทำงานอยู่  สาเหตุเพราะคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องที่ดีประการ นึงคือ ต้องยึดเกาะอยู่กับชิ้นส่วนเครื่องยนต์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นไม่ว่าการถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยวิธีใดยอมต้องเหลือน้ำมันเครื่องเก่าตกค้างอยู่ในเครื่องยนต์อยู่แล้วประมาณ 5-10% โดย เฉพาะที่อยู่ใน เครื่องยนต์ ในกรองน้ำมันเครื่อง และ ใน Inter Cooler ครับ

3.ที่นี้มาถึงคำถามที่ว่า ใช้ระบบดูดออกมา จากก้านเช็ค จะดูดออกมาได้หมดมั้ยนั้น ต้องดูในหลายๆองคืประกอบครับ เริ่มจากลักษณะของอ่างน้ำมันเครื่องที่โดยทั่วๆไปแล้ว รถยนต์แทบทุกคันจะถูกออกแบบมาให้มีอ่่างน้ำมันเครื่องอยู่ต่ำที่สุก หรือ มีลักษณะเป็นกรวย แหลมลงด้านล่าง โดยมีรูถ่ายน้ำมันเครื่องอยู่ต่ำที่สุด เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และ เพื่อให้สามารถถ่ายน้ำมันเครื่องเก่าออกมาให้มากที่สุดครับ   เชอะ







แต่ถ้าเป็นการดูดน้ำมันเครื่องออกทางก้านเช็คโดยการใช้ท่อยางนั้นถ้าสามารถทำการสอดท่อยางไปจนถึงบริเวณจุดต่ำสุดของก้นอ่างได้ก็สามารถดูดน้ำมันเครื่องออกไปได้ใกล้เคียงกับวิธีการขันน็อต อ่างน้ำมันเครื่องครับ แต่สิ่งแปลกปลอมจะออกไปด้วยหมดเปล่าไม่รู้นะอิอิ  ยอดเยี่ยม

สาเหตุเพราะรถแต่ละรุ่นนั้นอาจจะไม่ได้ทำช่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องไว้ในจุดต่ำสุดของก้นอ่าง และ ถ้าในการใส่ท่อยางลงไปในท่อเช็ดแล้วท่อยากไปชนก้นอ่างทำให้ท่อดูดงอ ไม่ลงไปถึงจุดต่ำสุดของอ่างล่ะ มันก็คงออกไปได้ไม่เท่าวิธีการเปิด ก้นอ่างแน่ๆ 

เขียนจากความรู้เท่าหางอึ่งนะครับ จากการเรียนช่างยนต์เบื้องต้นสมัย ปวช. มาถึงครอส และ การค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ผิดถูกประการใด ท่านผู้รู้ก็ช่วยแนะนำด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า
Tee_Kb
Global Mod
Hero Member
*

like: 107
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14140



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 26, 2013, 10:03:46 pm »

ขอบคุณสำหรับความรู้นะคับ สาธุ สาธุ สาธุ good
บันทึกการเข้า

มีปาพาไปหามิตร....มิตรภาพดีๆหาได้ที่นี่
www.Pajerosport-thailand.com
TAYONG
Full Member
***

like: 57
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1218


ปาเจโร่โซนตะวันตก ป๋าโย่ง คอนถมทีม 082-350-23สามห้า


« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 27, 2013, 01:42:44 am »

สำหรับผม...
ผมเปลี่ยน 1000 กิโลแรกครับ...

เพราะ
1.ไม่มั่นใจว่ามีเศษเหล็กผสมด้วยหรือไม่ ไม่ว่าเทคโนโลยี่จะผลิตได้ดีขนาดใหน ผมก็ยังไม่เชื่อว่าจะผลิตได้ฟิตเป๊ะ 100%
2. ไม่มั่นใจในตัวน้ำมันเครื่องว่าเปิดถังมาเติมให้เรานานเท่าไรแล้ว เป็นน้ำมันเกรดใหน ยี่ห้ออะไร ผมขอเป็นผู้กำหนดเองดีกว่า
3. เพื่อความสบายใจ 
good ผมก็ตามป๋าเอกแหละครับ   ให้ศูนย์เปลี่ยนครั้งแรกที่ระยะ 1000 โลเพราะอยากจะใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100
บันทึกการเข้า
chatchaiwat
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17


« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 27, 2013, 05:24:54 am »

ของผมห้าพันกว่าจะต้องรีบไปถ่ายแล้ว คิดว่าจะถ่ายนอกศูนย์ ครบหมื่นโลหรือ6เดือนอันไหนถึงก่อนก็ให้เข้าศูนย์เดี๋ยวผิดสัญญาประกัน
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 5   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.052 วินาที กับ 20 คำสั่ง