Languages
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เคล็ดลับในการเติมน้ำมัน (เทคนิคฉลาดเติม)  (อ่าน 12780 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BigFather
Hero Member
*****

like: 179
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5258


พงษ์ ลำลูกกา บิ๊กปาดำ940


« เมื่อ: มิถุนายน 20, 2012, 01:34:31 pm »

ไม่ทราบว่าเหล่าป๋าๆทั้งหลาย ควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง มีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่าครับ
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เขาบอกว่า

1. ควรเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็นน้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตามดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 ลิตร แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะมีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึง.. เงินมหาศาลในธุรกิจนี้  แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
 
2. ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง และสูง เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุดหากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหยและถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร

3.เคล็ดลับอีกอย่างคือ
ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง(แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอจะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้นขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน) เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อยเพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดานลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด

4. ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดินจงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน "ลงของ" สิ่งแปลกปลอม  ซึ่งปกติตกตะกอนอยู่ใต้ถัง จะถูกปั่นป่วนจนลอยตัว หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้
บันทึกการเข้า
Suriya(PaC)
อั๊ยยยย่ะ..มหานคร
Hero Member
*****

like: 598
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2506


มือถือ:๐๙๑-๗๒๙-๖๙๙๖ [สุริยา วิทยาประดิษฐ์]


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2012, 01:38:00 pm »

สวัสดีครับป๋าพงษ์
เข้ามาบวก(+) ให้กับความรู้ดีๆ
ผมเติมตอนเช้าทุกครั้งเลย เพราะบ้านเคยขายน้ำมัน
บันทึกการเข้า

พูดคุยกับป๋าซีแบบ Chat Online ได้ที่ pajerosport-lovers.com
http://www.facebook.com/suriya.pajerolovers
เลือกหยิบของฟรีที่ห้องโชว์อ๊อฟ ในหัวข้อ GiftShop ป๋าซี(PaC)
BigFather
Hero Member
*****

like: 179
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5258


พงษ์ ลำลูกกา บิ๊กปาดำ940


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 20, 2012, 01:40:03 pm »

ขอบคุณครับอาจารย์ซี..ผมก็แวะเติมตอนเช้าหลังส่งเด็กๆเข้า รร แล้วครับ
บันทึกการเข้า
nummittare
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 230


หนุ่มปาขาวบ่าวสกลนคร 1404


« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 09:54:26 am »

ขอบคุณครับป๋าที่แนะนำสิ่งดีๆๆให้ทราบครับ
 good  good good good good
บันทึกการเข้า

ปาขาวมุก 1404
Q-ONLY
Newbie
*

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 192



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 09:58:48 am »

ไม่ทราบว่าเหล่าป๋าๆทั้งหลาย ควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง มีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่าครับ
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เขาบอกว่า

1. ควรเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็นน้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตามดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 ลิตร แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะมีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึง.. เงินมหาศาลในธุรกิจนี้  แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
 
2. ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง และสูง เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุดหากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหยและถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร

3.เคล็ดลับอีกอย่างคือ
ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง(แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอจะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้นขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน) เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อยเพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดานลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด

4. ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดินจงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน "ลงของ" สิ่งแปลกปลอม  ซึ่งปกติตกตะกอนอยู่ใต้ถัง จะถูกปั่นป่วนจนลอยตัว หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้

แหล่มมากครับป๋า smile..เป็นเทคนิคทีใกล้ตัวมากเหมือนเส้นผมบังภูเขา สาธุ
บันทึกการเข้า

ทำความดีอุปมาปิดทองหลังพระแม้นไม่มีใครเห็นแต่นานวันเข้าทองมันก็ล้นออกมาเอง
thekop07
Hero Member
*****

like: 200
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8439


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 10:20:43 am »

 สาธุ สาธุ สาธุ
ขอบคุณครับป๋าพงษ์ สำหรับข้อมูลดีๆ ส่วนมากผมก็จะเติมตอนเช้า ยกเว้นฉุกเฉินจริงๆ...
บันทึกการเข้า
_TOM_
รักในหลวงที่สุด
Full Member
***

like: 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1477



« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 02:53:36 pm »

 like like like red heart
บันทึกการเข้า

Kung Bankrood(กุ้ง)
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1548


หงส์พันธ์แท้


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 07:08:07 pm »

ไม่ทราบว่าเหล่าป๋าๆทั้งหลาย ควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง มีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่าครับ
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เขาบอกว่า

1. ควรเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็นน้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตามดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 ลิตร แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะมีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึง.. เงินมหาศาลในธุรกิจนี้  แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
 
2. ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง และสูง เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุดหากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหยและถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร

3.เคล็ดลับอีกอย่างคือ
ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง(แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอจะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้นขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน) เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อยเพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดานลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด

4. ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดินจงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน "ลงของ" สิ่งแปลกปลอม  ซึ่งปกติตกตะกอนอยู่ใต้ถัง จะถูกปั่นป่วนจนลอยตัว หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้

จากการคลุกคลีอยู่ในวงการน้ำมัน ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึง
ข้อ1 ถูกต้อง
ข้อ2 ถูกต้องสำหรับน้ำมันประเภทไวไฟมากเพราะมีไอระเหย แต่สำหรับดีเซลไม่มีไอระเหยดังนั้นข้อ2จึงไม่มีผลกับดีเซล
ข้อ3 แทบไม่มีผล น้ำมันดีเซล1ถังของเรา 70ลิตร ประมาณ63 ก.ก.ถ้าเติมครึ่งถังน้ำหนักแตกต่าง30กว่ากิโลกรัม
ข้อ4 สถานีบริการน้ำมันจะมีข้อห้ามว่าขณะถ่ายน้ำมันลงถังห้ามเติมน้ำมันให้ลูกค้าเพราะจะทำให้ตะกอนซึ่อยู่ก้นถังเข้าไปจังหัวจ่าย
      ส่วนที่บอกว่าจะมีตะกอนจากก้นถังเข้าไปยังถังน้ำมันของรถนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะระบบของหัวจ่ายจะมีระบบกรองหลายชั้นมาก
      และในแต่ละชั้นนั้นกรองอย่างสุดยอด มีอย่างเดียวที่จะปลอมปนเข้าไปได้คือน้ำ เพราะธรรมชาติของดีเซลจะมีน้ำในถังเก็บน้ำมัน
      ซึ่งเกิดจากการระเหยของน้ำมันดีเซล น้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันประเภทไวไฟต่ำจึงไม่มีไอระเหย แต่มีการระเหยเมื่อระเหยกลายเป็นน้ำ
      และจับอยู่ตามขอบถังน้ำมันแล้วจะตกลงไปอยู่ก้นถังน้ำมัน แต่หัวดูดของสถานีบริการน้ำมันนั้นจะดูดไม่ถึงก้นถังทำให้น้ำไม่ปนขึ้นมากับน้ำมัน
      ดังนั้นสถานีบริการน้ำมันจึงต้องทำการดูดน้ำซึ่งอยู่ก้นถังประมาณปีละ1ครั้ง ส่วนในถังน้ำมันของรถก็เช่นเดียวกันมีน้ำปนกับน้ำมันอยู่แล้ว
      รถดีเซลจึงต้องมีกรองดักน้ำและควรถ่ายน้ำออกตามเวลาหรือตามสถานการณ์ ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะศูนย์จะเปลี่ยนให้อยู่แล้วเมื่อถึงระยะที่กำหนด
      ด้วยความเคารพ
บันทึกการเข้า

eddSLK(เอส)
สังกัดปาปทุม
Jr. Member
**

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 963



« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 08:35:12 pm »

ไม่ทราบว่าเหล่าป๋าๆทั้งหลาย ควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าน้ำมันกันยังไง มีผู้รู้สอนเคล็ดลับการเติมน้ำมันเพื่อช่วยให้ผู้ใช้รถจ่ายเงินอย่างคุ้มค่าครับ
ผู้รู้ซึ่งมีประสบการณ์ในวงการน้ำมันกว่า 31 ปี เขาบอกว่า

1. ควรเติมน้ำมันตอนเช้าขณะที่อุณหภูมิบนพื้นดินยังเย็นอยู่
อย่าลืมว่าปั๊มน้ำมันทุกแห่งมีถังน้ำมันฝั่งอยู่ใต้ดิน เมื่อพื้นดินยิ่งเย็นน้ำมันยิ่งควบแน่น เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น น้ำมันก็จะขยายตัวตามดังนั้น หากเติมน้ำมันช่วงบ่ายหรือเย็น คุณจ่ายค่าน้ำมัน 1 ลิตร แต่ได้มาไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยธุรกิจค้าน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเบนซิน ดีเซล หรือผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ อุณหภูมิและความถ่วงจำเพาะมีบทบาทสำคัญ อุณหภูมิเพิ่มขึ้นเพียง 1 องศา หมายถึง.. เงินมหาศาลในธุรกิจนี้  แต่ปั๊มน้ำมันไม่มีการชดเชยอุณหภูมิให้ลูกค้า
 
2. ขณะเติมน้ำมัน อย่าให้เด็กปั๊มตั้งหัวฉีดอยู่ในตำแหน่งไหลเร็ว
หากคุณสังเกต จะเห็นว่ากลไกเหนี่ยวมี 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง และสูง เมื่อตั้งในระดับไหลช้า จะเกิดไอระเหยของน้ำมันน้อยที่สุดหากตั้งในระดับไหลเร็ว น้ำมันบางส่วนจะกลายเป็นไอระเหยและถูกสูบย้อนกลับไปยังถังใต้ดิน นั่นหมายถึงคุณจ่ายเงินมากกว่าที่ควร

3.เคล็ดลับอีกอย่างคือ
ควรเติมน้ำมันเมื่อน้ำมันในรถเหลือครึ่งถัง(แหล่งข้อมูลบางแห่งแนะนำว่า เติมน้ำมันแค่ครึ่งถังก็พอจะได้ลดน้ำหนักบรรทุกและประหยัดน้ำมัน ทั้งนี้และทั้งนั้นขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเองก็แล้วกัน) เหตุผลคือ น้ำมันบรรจุในถังยิ่งมาก เนื้อที่ว่างสำหรับไอระเหยก็ยิ่งน้อยเพราะน้ำมันระเหยเป็นไอเร็วกว่าที่คุณคาดคิด ในคลังเก็บน้ำมันจะมีอุปกรณ์ภายในถัง ทำหน้าที่เป็นเพดานลอยขึ้นลงตามระดับน้ำมัน ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างน้ำมันกับอากาศลดไอระเหยของน้ำมันให้น้อยที่สุด

4. ข้อเตือนใจอีกข้อหนึ่ง
ขณะที่คุณขับรถเข้าปั๊มถ้าเห็นรถบรรทุกกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังเก็บใต้ดินจงอย่ารีบร้อนเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น เพราะตอน "ลงของ" สิ่งแปลกปลอม  ซึ่งปกติตกตะกอนอยู่ใต้ถัง จะถูกปั่นป่วนจนลอยตัว หากคุณเติมน้ำมันช่วงเวลานั้น อาจมีโอกาสดูดเอาสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่รถคุณได้

จากการคลุกคลีอยู่ในวงการน้ำมัน ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึง
ข้อ1 ถูกต้อง
ข้อ2 ถูกต้องสำหรับน้ำมันประเภทไวไฟมากเพราะมีไอระเหย แต่สำหรับดีเซลไม่มีไอระเหยดังนั้นข้อ2จึงไม่มีผลกับดีเซล
ข้อ3 แทบไม่มีผล น้ำมันดีเซล1ถังของเรา 70ลิตร ประมาณ63 ก.ก.ถ้าเติมครึ่งถังน้ำหนักแตกต่าง30กว่ากิโลกรัม
ข้อ4 สถานีบริการน้ำมันจะมีข้อห้ามว่าขณะถ่ายน้ำมันลงถังห้ามเติมน้ำมันให้ลูกค้าเพราะจะทำให้ตะกอนซึ่อยู่ก้นถังเข้าไปจังหัวจ่าย
      ส่วนที่บอกว่าจะมีตะกอนจากก้นถังเข้าไปยังถังน้ำมันของรถนั้นเป็นไปไม่ได้เพราะระบบของหัวจ่ายจะมีระบบกรองหลายชั้นมาก
      และในแต่ละชั้นนั้นกรองอย่างสุดยอด มีอย่างเดียวที่จะปลอมปนเข้าไปได้คือน้ำ เพราะธรรมชาติของดีเซลจะมีน้ำในถังเก็บน้ำมัน
      ซึ่งเกิดจากการระเหยของน้ำมันดีเซล น้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันประเภทไวไฟต่ำจึงไม่มีไอระเหย แต่มีการระเหยเมื่อระเหยกลายเป็นน้ำ
      และจับอยู่ตามขอบถังน้ำมันแล้วจะตกลงไปอยู่ก้นถังน้ำมัน แต่หัวดูดของสถานีบริการน้ำมันนั้นจะดูดไม่ถึงก้นถังทำให้น้ำไม่ปนขึ้นมากับน้ำมัน
      ดังนั้นสถานีบริการน้ำมันจึงต้องทำการดูดน้ำซึ่งอยู่ก้นถังประมาณปีละ1ครั้ง ส่วนในถังน้ำมันของรถก็เช่นเดียวกันมีน้ำปนกับน้ำมันอยู่แล้ว
      รถดีเซลจึงต้องมีกรองดักน้ำและควรถ่ายน้ำออกตามเวลาหรือตามสถานการณ์ ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะศูนย์จะเปลี่ยนให้อยู่แล้วเมื่อถึงระยะที่กำหนด
      ด้วยความเคารพ
like like like สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า

คำเตือน : การขับขี่ยานพาหนะทำให้ความสามารถในการดื่มสุราลดลง
stock /ต๊อก
Full Member
***

like: 45
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1264


บ้านยุอุดร เฮ็ดงานยุกรุงเทพเด้อคร้าบบบบ


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 08:45:50 pm »

นิด1ครับ ไม่ควรเติมน้ำมันเต็มถัง เเพราะหัวจ่ายสั่งตัด แต่ตู้จ่ายคิดเงิน แต่น้ำมันยังค้างใน หัวจ่าย สายจ่าย
น้ำมันที่อยู่ใน หัวจ่าย สายจ่าย จะถูกดูดกลับ เพราะระหว่างหัวจ่ายกับตู้จ่ายจะมี2ท่อ ไปและกลับ
บันทึกการเข้า

pornpai & stang
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 101

ชีวิตเป็นของเรา


« ตอบ #10 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 08:58:21 pm »

 like like like like like
บันทึกการเข้า
อิษฏ์_สุบิน ปาศาลายา ฮาเฮ..
Jr. Member
**

like: 23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 980


เกิดเจียงใหม่ มาใหญ่สุพรรณ ปัจจุบัน อยู่ศาลายา เจ้า....


« ตอบ #11 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 08:59:01 pm »

มีอีกข้อครับผมว่าสำคัญที่สุดเลย คือ เติมตอน ผบ.อารมณ์ดีครับ รับรอง  like like like like like
บันทึกการเข้า

IP 1168 ปาศาลายา ครับ
Kung Bankrood(กุ้ง)
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1548


หงส์พันธ์แท้


« ตอบ #12 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 10:13:07 pm »

นิด1ครับ ไม่ควรเติมน้ำมันเต็มถัง เเพราะหัวจ่ายสั่งตัด แต่ตู้จ่ายคิดเงิน แต่น้ำมันยังค้างใน หัวจ่าย สายจ่าย
น้ำมันที่อยู่ใน หัวจ่าย สายจ่าย จะถูกดูดกลับ เพราะระหว่างหัวจ่ายกับตู้จ่ายจะมี2ท่อ ไปและกลับ
อันนี้ขอชี้แจงว่า ไม่จริงครับเพราะ
1 จากถังมาตู้จ่ายมีท่อเดียวครับไม่มีท่อกลับ
2 น้ำมันค้างในสายเป็นเรื่องปกติครับ สายน้ำมันจากหัวจ่ายจนถึงมือจ่ายจะต้องเต็ม100%ครับ
   เมื่อเร่ิมบีบมือจ่ายมิเตอร์จะเริ่มทำงานเพราะมีน้ำมันไหลเข้ามิเตอร์และเข้าแทนที่ในสายจ่ายที่ถูกบีบออกไป
   หลักการทำงานของตู้จ่ายน้ำมันเหมือนกับปั๊มน้ำอัตโนมัติครับ
   ครับชี้แจงจากประสบการณ์เป็นเด็กปั๊ม และเป็นผู้ค้าน้ำมัน จนกระทั่งเห็นสีของน้ำมันก็จะบอกได้ว่าน้ำมันนั้นๆยี่ห้ออะไร ครับด้วยความเคารพ
   ยัมมีเรื่ิองราวของน้ำมันที่เรายังไม่รู้อีกมากมายมันเป็นความลับของระบบการค้าน้ำมันครับ เช่นผสมปาล์มเท่าไร
บันทึกการเข้า

teddyisman
Jr. Member
**

like: 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 998


« ตอบ #13 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2012, 11:17:03 am »

ผมเน้น แต่ข้อ 1
บันทึกการเข้า
benopenair (เบน)
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127


ID : 1385


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2012, 10:13:02 pm »

ขอบคุณป๋าพงษ์ และป๋าทุกท่านที่ร่วมแบ่งปันความรู้ครับ
 Satu
บันทึกการเข้า

I Like Pajerosport-Thailand
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.057 วินาที กับ 20 คำสั่ง