Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: รถยนต์ตกท่อระบายน้ำ บริษัทรับ ประกันภัยรถยนต์ ฟ้อง​ให้รับผิด  (อ่าน 2220 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
charles
merchant
Newbie
*

like: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 68


เว็บไซต์
« เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2013, 10:08:22 am »

รถยนต์ตกท่อระบายน้ำ บริษัทรับประกันภัยรถยนต์ ฟ้องหน่วยงานทางปกครองรับผิด ปล่อยปละละเลยไม่ดูแลให้ถนนอยู่ในสภาพใช้การได้โดยปลอดภัย


เหตุแห่งการฟ้องคดีนี้เกิดจากลูกจ้างของบริษัท ม. จำกัด ได้ขับรถยนต์ไปบนถนนหลวงและรถยนต์ตกท่อระบายน้ำที่มีฝาท่อระบายน้ำถูกเปิดออก ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหายหลายรายการ ผู้ฟ้องคดีในฐานะบริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ซ่อมแซมรถยนต์ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้ดังเดิม และเข้ารับช่วงสิทธิจากบริษัท ม. จำกัด เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายในการซ่อมแซมรถยนต์ โดยนำคดีมาฟ้องเพื่อขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษา ให้ผู้ถูกฟ้องคดี (กรมทางหลวง) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีต่อสู้ว่าแม้ถนนบริเวณที่เกิดเหตุจะเป็นเขตทางหลวงแผ่นดิน ที่อยู่ในความรับผิดชอบของผู้ถูกฟ้องคดี แต่ได้มอบพื้นที่ให้กรมโยธาธิการ (หรือกรมทางหลวงชนบท (ปัจจุบัน)) รับไปดูแลตามโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ ที่ขับรถด้วยความเร็วสูงและไม่ใช้ความระมัดระวัง สังเกตดูทางข้างหน้า ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าฝาท่อระบายน้ำเปิดออก และจำนวนค่าเสียหายที่เรียกร้องก็สูงเกินกว่าความเป็นจริง

คดีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ ประเด็นแรก คือ ผู้ถูกฟ้องคดีละเลยต่อหน้าที่หรือไม่ ?และการที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีหรือไม่ ? มีข้อกฎหมายสำคัญ คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 บัญญัติว่า

“ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิด จำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”

และพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 5 วรรคหนึ่ง กำหนดให้กรมทางหลวงมีภารกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างและบำรุงรักษาทางหลวงเพื่อให้ประชาชนมีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการเดินทาง โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการบำรุงรักษาทางหลวง

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ถนนบริเวณที่เกิดเหตุเป็นเขตทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีตามกฎหมาย ที่ต้องตรวจตราและดูแลรักษาถนนให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยใช้งานได้อย่างปลอดภัย เมื่อปรากฏว่าบริเวณที่เกิดเหตุ ไม่มีไฟส่องสว่างและไม่มีสัญญาณหรือเครื่องหมายใดๆ ที่แจ้งเตือนในระยะห่างพอสมควร และไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืน ทั้งไม่ปรากฏว่าลูกจ้างของบริษัท ม. จำกัด ได้ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อ จึงรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีได้ปฏิบัติหน้าที่ในการบำรุงรักษาทางหลวงและติดตั้งเครื่องหมายสัญญาณเตือนความปลอดภัย ในการขับขี่อย่างเพียงพอจึงถือได้ว่า อุบัติเหตุและความเสียหายเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 และข้อ 1 ของกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม พ.ศ.2545 อันเป็นการกระทำละเมิดต่อเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถยนต์

ผู้ถูกฟ้องคดีจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ซึ่งได้รับช่วงสิทธิมาจากบริษัท ม. จำกัด ตามมาตรา 880 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ถ้าความวินาศภัยนั้นได้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของบุคคลภายนอกไซร้ ผู้รับประกันภัยรถยนต์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปเป็นจำนวนเพียงใด ผู้รับประกันภัยรถยนต์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอา ประกันภัยรถยนต์ และของผู้รับประโยชน์ซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงนั้น) การที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้มอบพื้นที่เกิดเหตุให้แก่กรมโยธาธิการเพื่อก่อสร้างและต่อมากรมโยธาธิการได้โอนงาน และมอบพื้นที่ให้กรมทางหลวงชนบทแล้วก็เป็นเรื่องการดำเนินการภายในระหว่างหน่วยงานด้วยกัน จึงไม่อาจนำมาใช้ยันผู้ฟ้องคดีซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้

ประเด็นที่สอง ผู้ถูกฟ้องคดีจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงใด? ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การที่รถยนต์ได้รับความเสียหายหลายรายการและผู้ฟ้องคดีได้เสนอเอกสารหลักฐานตามใบเสนอราคาและใบเสร็จรับเงิน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ที่เสียหายตามความเป็นจริง ประกอบกับผู้ถูกฟ้องคดีไม่ได้แสดงให้ศาลเห็นว่า ค่าเสียหายรายการใดบ้างที่สูงเกินความจริง และค่าเสียหายที่แท้จริงควรเป็นจำนวนเท่าใด ศาลจึงกำหนดจำนวนค่าสินไหมทดแทน ให้ตามเอกสารหลักฐานที่ผู้ฟ้องคดีแสดงต่อศาล พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. 359/2555)

คดีนี้นอกจากจะเป็นอุทาหรณ์ที่ดี สำหรับหน่วยงานทางปกครองซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลและบำรุงรักษาทางสาธารณะ ทั้งที่เป็นทางบกหรือทางน้ำ ที่จะต้องหมั่นดูแลและตรวจสอบทางสาธารณะให้อยู่ในสภาพใช้งานได้โดยปลอดภัยอยู่เสมอ เพราะหากปล่อยปละละเลยไม่ทำหน้าที่ จนทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาได้รับความเสียหายในชีวิตร่างกายหรือทรัพย์สินก็จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ให้แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหาย

โดยเฉพาะคดีนี้อาจมีปัญหาข้อสงสัยว่า บริษัทผู้รับประกันภัยรถยนต์ที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไปแล้ว จะมีอำนาจฟ้องคดีต่อศาลเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่? เนื่องจากไม่ใช่ผู้ที่ได้รับความเสียหายโดยตรง ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ผู้รับประกันภัยรถยนต์ เป็นผู้ที่ได้รับช่วงสิทธิจากผู้เอา ประกันภัยรถยนต์ ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จึงเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำของกรมทางหลวงและมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองครับ


เกร็ดความรู้ดีๆจาก  ประกันภัยรถยนต์
กรมการขนส่งแจ้ง ทะเบียนแตกลายงาเปลี่ยนฟรี วันนี้ – 30 ก.ย. 56
กฏหมายใหม่ “เมาแล้วโดยสาร” ก็ถูกจับ
เซ็นเซอร์อินฟาเรดดีอย่างไร
คู่มือป้องกัน ไฟไหม้ รถใช้ก๊าซ ประมาท..อาจจะบึ้ม!
รถยนต์ถูกขโมยทั้งที่บัตรจอดรถยังเก็บไว้กับตัว ห้างต้องรับผิดชอบ
เมื่อรถป่วย!จะไปศูนย์หรืออู่ซ่อมดี?
เมื่อไหร่ที่ควรจะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 23, 2013, 01:45:21 pm โดย charles » บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.029 วินาที กับ 20 คำสั่ง