Languages
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เห็นในเวบเขาคุยกันเรื่อง Bi-amp, Tri amp .,etc. มีป๋าท่านใดอยากอ่านเรื่องนี้แบบภ  (อ่าน 20765 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 04:58:52 pm »

เห็นในเวบเขาคุยกันเรื่อง Bi-amp, Tri amp .,etc. มีป๋าท่านใดอยากอ่านเรื่องนี้แบบภาษาง่ายง่าย พอเข้าใจหลักการ และมันให้ผลอะไรบ้าง ภายในเวลาอันสั้น 5 นาทีจบ แล้วเข้าใจพื้นถานมันได้เลย เอามะ ว่างจะมาจัดให้  แต่ถ้าป๋าท่านใดจะจัดให้ก่อน ร่วมด้วยช่วยกันก็ ใส่กระทู้นี้เลย... เราจะได้ไม่โดนร้านเครื่องเสียงที่หลงทางหลอกเอาครับ แต่กระทู้นี้ขอแบบภาษาง่ายง่ายก่อนนะเด๋วคนอ่านหนี อิ
บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 07:35:40 pm »

กำลังทดสอบ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 19, 2012, 07:37:21 pm โดย Punpun » บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
[~DREAM~]
Pajero Sport No.0777
Jr. Member
**

like: 54
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 896


♪ น้องปาไวท์ ♫ อั๊ยยะ 95 ♥


« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2012, 11:55:20 pm »

มาเตรียมรออ่านด้วยครับป๋าา  Cheesy
บันทึกการเข้า

I PAJEROSPORT
THAILAND
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 12:49:32 am »

ลองเขียนหลายแบบแล้วแต่ไม่พ้นศัพท์แสงปวดหัว เลยเอาแบบว่ากลอนสดเลยดีกว่าปนบ้างนิดหน่อยไม่ว่ากันละนะ
เอาเป็นนิยายบทสนทนาเลยแล้วกันมีถามตอบไปมากันเองเลย แต่เริ่มจากนอกเรื่อง เพื่อไปประกอบกับเรื่องตอนท้ายนะ จะดึงเรื่องเข้าไปเรื่อยเรื่อยให้ง่ายต่อการเข้าใจแบบไม่ต้องไปค้นดว้าให้เสียเวลา แต่จะแบ่งเป็นท่อนท่อนนะ เพราะมีเวลาแต่ละวันน้อย จะมาต่อเรื่อยเรื่อย
เรื่องมีว่า พ่อลูกขับรถไปด้วยกันแล้วคุยกันเพื่อความรู้ของเจ้าลูกชาย
แบ่งปัน.......... : พ่อครับเวลาผมเปิดเพลงในรถนี่ ตอนเปิดดังทำไมลำโพงข้างประตูรถมันกระพือส่งเสียงแข่งกับเสียงเพลงเลย
พ่อของแบ่งปัน : เพราะลำโพงข้างประตูมันสร้างเสียงต่ำได้ไม่ดี ถ้าฟังเบาก็จะได้เสียงดี
แบ่งปัน.......... : เสียงต่ำเหรอ เราได้ยินเสียงต่ำสุดได้แค่ไหน
พ่อ.............    : มนุษย์เราได้ยินเสียงโดยหูก็ประมาณ 20-20,000 Hz ราวราว
แบ่งปัน.......... : แล้วใครได้ยินเสียงต่ำกว่า 20 Hz ละ
พ่อ................: ก็มีสัตว์บางประเภทได้ยินและใช้อยู่ เช่น เคยได้ยินหมาหอนตอนรถขายของเปิดเครื่องขยายเสียงห่วยห่วยมะ มันอาจได้ยินเสียง Ultra Sonic เสียงที่เกินกว่า 20,000 hz      ที่เราได้ยินก็ได้ มันคงแสบหูมัน เพราะมันมีรูหูที่กว้างและใบหูที่ใหญ่    แล้วเคยดูสารคดีปลาวาลไหม มันใช้ความถี่ต่ำกว่า 20 hz หรือเรียกว่า Sub Sonic คุยกันไปครึ่งโลก ความถี่ต่ำแบบนั้นเดินทางไปได้ไกลมาก รวมถึงช้างเวลา Tsunami มามันก็รู้ เพราะคลื่นความถี่ต่ำมันมาก่อนคลื่นน้ำทะเล
แบ่งปัน.......... : แล้วทำไมเวลาเข้า ดิสโก้เทค ทำไมมันเหมือนมีลมมากระแทกหน้าอก และท้องเราละ
พ่อ...............  : นั่นแหละเสียงต่ำกว่าที่เราได้ยินละ แต่เราสัมผัสได้โดยหน้าอก ท้องน้อย
แบ่งปัน........... : แล้วทำไมเอาลำโพงเสียงต่ำมาก ไปซ่อนหลังเวที หรือที่มองไม่เห็นเรายังได้ยินละ
พ่อ.................:  เพราะเสียงต่ำย่านต่ำกว่า 150 hz เราแทบบอกว่าทิศทางมันมาจากไหนยากมาก เลยตั้งตรงไหนก็ได้  รูปของคลื่นเสียงต่ำมันเป็นมุมป้านมากมาก เลยจับทิศทางยากต้องอาศัยความดังบวกด้วย
แบ่งปัน ...........: อย่างนี้นี่เองพ่อถึงเอา Sub woofer ไว้ท้ายรถได้ ไม่ต้องมี ซ้าย ขวา เห็นพ่อใส่ตัวเดียวเอง
พ่อ..... .........: ถ้าปริมาณเสียงต่ำมันดังพอก็ไม่ต้องเพิ่มมันให้เปลืองไง
---------เด๋วว่างมาต่อ-------ไปนอนก่อน----
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2012, 12:51:54 am โดย Punpun » บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Liverpool(ชาติ)
Hero Member
*****

like: 101
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8658

You'll Never Walk Alone


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 12:53:21 am »

ขอสมัครเป็นนักเรียนหลังห้องนะครับ
บันทึกการเข้า
focusjung1 ID.434
Jr. Member
**

like: 30
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 967


น๊อต กำแพงเพชร/ อํ๊ยย่ะ 30 ครับผม


« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 11:28:51 am »

รอตอนต่อไปด้วยครับ Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
leejoe
โจ เทียนทะเล@ปทุมบางคูวัด
Jr. Member
**

like: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 686



« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 11:38:29 am »

 like ชอบครับ และขอบคุณมากๆ
บันทึกการเข้า

Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 02:50:45 pm »

แบ่งปัน.......... : พ่อครับทำไมตู้ Sub Woofer นี่มันค้องมีรูระบายเหมือนลมออกมาทางรููใหญ่ด้วยละ ไม่มีรูไม่ได้เหรอครับ
พ่อของแบ่งปัน : รูระบายที่มีลมออกมาเวลาเสียงเบสมันดัง ก็เพราะเราเอาพลังงานที่เหลือจากการที่ต้องกำจัดทิ้งด้านหลังกรวยลำโพงมาใช้ประโยชน์ให้เกิดเสียงดังเพิ่มขึ้น
                      นึกถึงภาพนะ เวลาเสียงตีกลอง ลำโพงมันจะกระเด้งออกมาด้านหน้ากรวยก็จะได้เสียงความถี่ต่ำออกมาในขณะเดียวกัน
                      มันจะถูกดูดกลับไปที่ตำแหน่งเดิม เพื่อรอสัณญานตัวต่อไป  โดยความยืดหยุ่นของขอบลำโพง และมันยังได้แรงมาขับอากาศด้านในตู้
                      มาออกทางรูนี้อีกเพื่อออกไปตามห้องในตู้ที่ผ่านการคำนวณโดยผู้ทำตู้ เพื่อให้เสียงออกมาเสริมเสียงที่มันปล่อยไปในจังหวะแรกอีก
แบ่งปัน.......... : อ้าวเสียงมันก็มาช้ากว่าเสียงที่ปล่อยออกจากด้านหน้าละสิพ่อ ( Time delay)
พ่อของแบ่งปัน : ก็ใช่แต่หูเราไม่รู้สึกว่ามันช้า พอรู้ได้ถ้าช่างสังเกตุในรายละเอียด เสียงคนตรีในงานแสดงก็คล้ายกัน เลยไม่น่าจะรู้สึกแปลกไปมากนัก
แบ่งปัน.......... : แล้วเรามีตู้แบบไม่ต้องปล่อยลมออกมาไหม ทำไมไม่ทำละ
พ่อของแบ่งปัน : มี เขาเรียกว่าระบบดู้ปิด 2 อย่างนี้มีข้อดีข้อเสียหักล้างกันตามความต้องการของงานที่จะใช้ และก็มีอีก 2-3 แบบ ไว้คุยทีหลัง เอาแค่ พื้นถาน 2 อย่างก่อน
แบ่งปัน.......... : มันเป็นยังไงละครับ ตู้ระบบปิด
พ่อของแบ่งปัน : นึกภาพตามนะ  เวลากรวยลำโพงถูกผลักมาข้างหน้า ถ้าเราปิดภายในตู้โดยไม่ให้อากาศไหลออกมาเลย สมมุติว่าปริมาตรมันมีความจุอากาศ ที่ 5 ลิตร
                       พอกรวยขยับออก มันจะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นมาอีก สมมุติที่ 200 ซีซี อากาศภายในตู้ก็จะบางกว่าภายนอกตู้นิดนึง
                       เวลาลำโพงจะกลับเข้าที่ตำแหน่ง 0 มันจะถูกดูดกลับโดยความยืดหยุ่นของขอบลำโพงได้ง่ายสบายกว่า เพราะอากาศภายในหลวมกว่า
                      (ศัพท์นี้ตั้งเองให้เห็นภาพ) ทำให้เกิดแรงดูดกลับได้ฉับพลัน กรวยก็กลับมาอยู่ที่ตำแหน่งพร้อมเร็วกว่าโดย
                      1. ขอบของกรวย 2.แรงดูดกลับของตู้ (เกิดจากแรงกดอากาศนอกตู้มากกว่าในตู้
 ----- แวะเติมน้ำมันก่อน----------
บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2012, 12:44:53 pm »

แบ่งปัน.......... : แล้วเราจะเอาสัญญาณความถี่ต่ำมาขยายลงที่ตู้เบสเสียงต่ำนี่ เราจะเอามายังไงละพ่อ
พ่อของแบ่งปัน : ก็มีอยู่หลายทางมากเลย พูดถึงทางที่ใช้กันอยู่  สักสองสามอย่างก่อนแล้วกันเอาแบบพื้นพื้นเสียกะตังน้อยได้ตรงประเด็นไล่ไปหาหลุดประเด็นไปเล็กน้อย
                      1. ถ้าที่ Front End มีช่องสัณณานออกมาแล้วก็ต่อมาเข้า Power Ampที่จะขับลำโพงเสียงต่ำนี่เลย มักจะเขียนบอกไว้ว่าไป Sub Woofer โดยเลือก
                      จุดตัดสัญญานความถี่ต่ำที่เหมาะสม ( รวมการจูนฟังด้วยหูต้วเองด้วย แบบนี้จะดีตรงที่ ความถี่ที่ต่ำที่ตัดมาแล้วไม่ต้องไปออกที่ลำโพงปรกติอีก
                      ลดภาระ Internal Power Amp ในเครื่องได้อีก จะได้เอากำลังที่มีอยู่ไปใช้ขับความถี่หลักได้เต็มที่ แต่ถ้าคนที่ออกแบบ Front End
                           ไม่ยอมตัดสัญญานที่เสียงต่ำที่ไปหา Sub. ออกไปทิ้ง เสียงย่านต่ำที่ตัดไปหา Sub Woofer  ก็ยังคง remain ไปที่ระบบเหมือนเดิม )
                            ก็พอรับได้อย่างนี้ต้องเรียกว่า เบสเสริม ละมัง) แต่พอรับได้ แค่ปล่อยให้ผนังประตูรถที่ติดลำโพง กระพือรบกวนหน่อย แบบนี้งบน้อยมากตรงจุด
                      ได้ประโยชน์ 2 ทาง
                                      1. ได้ปริมาณเสียงต่ำเพิ่ม
                                      2. ลดเสียง Resonance ที่เกิดจากลำโพงหลักในรถ พยายามขับเสียงต่ำออกมา แต่ขับเสียงกระพือออกมาแทนเวลาเร่งเสียงดัง

                          
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2012, 05:23:37 pm โดย Punpun » บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2012, 05:25:39 pm »

                           2.  แต่ถ้า Front End ไม่มีช่องสัญญาณให้มาแต่มีช่องที่เขียนว่า Pre out ก็เอาก็ต่อออกมาแล้วก็เอาไปเข้า Power Amp ที่มีวงจรตัด (x-over)
                           ในตัวแทน  ทีมีให้เลือกสัก 80-100-150-175 หรือไปถึง 250 hz   ก็ดูที่ชุดลำโพงทีมีอยู่เดิมด้วยว่าน่าจะให้ความถี่ที่เท่าไหร่มาดังที่
                      ตู้ Sub Woofer นี้แทนเรื่องนี้ตอนจูนจุดตัดว่ากันในวันหลังนะ แบบนี้ก็จะถูกเงินไปอีกหน่อยไม่ต้องซื้อ Electronic Cross Over เพิ่มอีก
                       Front End บางรุ่นมีทั้ง Pre out และ Main in แล้วมี U Jack เสียบไว้ให้ครบวงจร ก็ดีมากเลย เราสามารถใช้ประโยชน์ได้เต็มร้อยเลย
                      โดยต่อ Pre out ออกมาเข้า Active Crossover (เรียกหลายชื่อให้จำได้เยอะยเอะ ตัวเดียวกัน X-over, Electronic Crossover Network, Crossover)
                            แล้วเอาสัญญานที่ตัดเอาเสียงต่ำออกมาเข้าเข้า Sub Woofer แล้วเอาสัญญาณที่เหลือกลับไปเข้า Main in (Power Ampที่รวมอยู่ในตัวมันเอง)
                            กลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิมโดยไม่เสียประโยชน์เลย
                           
บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2012, 12:54:07 pm »

3. ถ้า Front End ไม่มีรูออกอะไรให้เลยนอกจาก ขั้วต่อสายลำโพง  ก็ OK อันนี้ต้องพึ่งตัว Power Amp ที่ซื้อเข้ามาใหม่ เอาที่มีขั้วรับสายลำโพง ซ้ายขวามาจาก Front End
แล้ว Power Amp ตัวนี้จะรับกระแสที่ผ่านการขยายสัณญานมาแล้วโดยตัว Front End มา แล้วดักเอาสัญญานความถี่ต่ำตามที่เรากำหนดจากปุุ่มบิดให้เลือกว่า จะตัดเอาสัณญานความถี่ต่ำที่เท่าไรมาใช้งาน เช่น ตัดเอาที่ 125 Hz  (มีให้เราเลือก 4-5จุดที่เราต้องการ) ออกมา  แล้วส่งคืนสัณญานขนาดความแรงเดิมที่ถูกตัดเสียงต่ำ ออกมาแล้ว ไปที่ขั้วอีกข้าง จะเขียนบอกว่า ไป Speaker (ลำโพง ซ้าย ขวา) จะเห็นว่า Front End  ยังทำการขยายความถี่ทุกย่านครบอย่างเดิม (เหนื่อยเหมือนเดิม ไม่ได้ลดภาระออกไปเหมือน ข้อ 1)

( เท่ากับว่าขอขโมยสัณญานที่ขยายมาแล้วก็เอาวะ เดี๋ยว เด๋ว Drop มันลงเองแล้วเราก็ส่งไปภาค Power Amp ในตัวเราขยายไปขับเจ้าเสียงต่ำที่กำหนดไปใหม่แล้วกัน ถึงจะหยาบหน่อยก็เอา สะดวกเจ้าของเขา) ในวงเล็บPower Amp ตัวใหม่มันพูดครับ

ปล. สัณญานที่ขยายแล้วปล่อยกลับไปขับลำโพงเดิม ไม่ใช่ว่าจะไม่มี เสียงต่ำย่านที่ถูกตัดออกไปปนไปนะ  มีแต่น้อย  ขึ้นอยู่กับว่า Cross Over นั้นจะตัดย่านควาถี่เสียงที่กี db/octave (ไม่อทิบายอันนี้ละไว้ก่อนเด๋วไปไม่ถึงไหนนะ) Search ดูไปก่อนก็ Fundamental of Electronic Crossover Network.
บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2012, 01:24:56 pm »

นอกเรื่องออกมาหน่อยละกัน...

ทุกวันนี้เท่าที่เห็นการติดเครื่องเสียงในรถยนต์เนี๊ยะ แปลกใจว่าทำไมถึงใช้พลังงานทีมีอยู่อย่างจำกัดในรถยนต์กันอย่างทิ้งเปล่ามาก  อุปกรณ์ที่ติดเข้าไปแต่ละอย่างบางตัว หลายตัวเลยด้วยซ้ำไม่ได้ใช้ประโยชน์เต็มเลย  เห็นมาเยอะก็โชว์ลูกค้าว่าเสปคของ Amp ตัวนี้ดีอย่างนี้อย่างนี้ ยกตัวอย่างนะ "ดูสิ Power Amp ตัวนี้ ค่า Damping Factor เยอะมาก " พอตอนติดเขาเอาไปขับเสียงกลางแหลมเสียนี่  อ้าวลูกค้าก็โดนอีกแระ (ขยายความ Damping Factor ค่านี้เอาไว้บอกว่ามีความสามารถ หยุดเบรคการขยับของกรวยลำโพง ให้หลังจากขับออกไปแนว + แล้วดึงช่วยดึงกลับมาต่ำแหน่งเตรียมรับสัญญานเพื่อทำงานต่อได้อย่างฉับไว โดยเฉพาะกับเอามาขับ Woofer ( ลำโพงขับเบส) )

การใช้พลังงานของ Power Amp ก็เหลือเผื่ออีกบาน (จริงอยู่ถ้าเอาไปแต่งแบบซิ่ง ไม่เอาแค่ฟังในรถ ต้องใช้เยอะไม่อั้น) แต่เห็นติดลำโพงแบบฟังในรถอย่างเดียวก็ใส่ซะ โอ้ว...
แล้วเรื่อง ตู้ Sub Woofer ที่ฟังในรถแบบในรถจริงจริง ก็หลงทางกันไปเอาสะตู้ใหญ่เทอะทะ จนห้องโดยสารหายไปบานโดยลืมคิดไปว่า ทุกตารางนิ้วของห้องโดยสารมันมีมูลค่าตารางนิ้วของราคารถอยู่ในนั้นด้วย   แล้วค่า distortion ต่างใน Amp ก็ไม่น่าเครียดกับมันมากถึงกับต้องจัด Power Supply แบบ Class A Power Amp ให้เลย ราคาต่อ watt แพงมาก ร้อนอีกต่างหาก
ถ้าจะช่วยประหยัดเงินเจ้าของนะ ก็น่าจัดแค่ Power Amp สำหรับ เสียงต่ำ ที่กินกระแสน้อย พลังเยอะ เสียงไม่ค่อยสะอาดไม่เป็นไร มันถูกใช้งานที่ความถี่ต่ำ
ตอนรถวิ่งเสียง Environment  distortion ที่เราต้องได้ยินหลีกเลี่ยงไม่ได้ในรถตอนติดเครื่องนะ มันไม่ว่ากันที่ 0. เท่านั้นเท่านี้นะ มันว่ากันที่ 20-30 THD. กันเลย...

อ้าวลืมบอกลูกมันลงรถไปแล้วคุยอยู่คนเดียว haha ว่างมาใหม่นะ หาทางวกกลับไปหัวข้อ Tri Amp อะไรพวกนั้นไม่ได้สะที หลุดมาไกลเลย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 22, 2012, 08:59:30 pm โดย Punpun » บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
bill
Sr. Member
****

like: 31
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1927


แอตแลนติส


« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2012, 08:28:53 am »

ได้ความรู้อีกเยอะเลยครับ เอาไป+1 like แล้วมาภาคต่อเลื่อยๆนะ  likeรออยู่
บันทึกการเข้า
Asuskab
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9


Happy


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 09:35:22 pm »

เยี่ยมครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ
บันทึกการเข้า
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 29, 2012, 12:11:18 pm »

ระบบทั่วไป Single Amplifier
เวลาที่ Power Amp ขับกระแสออกมาเพื่อให้ลำโพงเปลี่ยนเป็นเสียงออกมาทุกย่านความถี่(ขึ้นลงแล้วแต่สัณญานที่ส่งมา)
ถ้าลำโพงนั้นเป็น ลำโพง 2 ทาง มันก็จะมีวงจรมาตัดความถี่เสียงออก(Passive Crossover Network)
--  ย่านต่ำกว่าที่ลำโพงเสียงแหลมต้องการการออกทิ้ง(ทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์)
--  ย่านสูงกว่าที่ลำโพงเสียงทุ้มต้องการการออกทิ้ง    (ทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์)
สรุป Power Amp ต้องผลิตกระแสออกมาเลี้ยง 2 เส้นทาง (แบบทุกย่านความถี่ 20-20,000 Hz ต่ำหรือสูงกว่านั้นแล้วแต่ตัวมันทำได้แค่ไหน) ซึ่งเราสูญเสียพลังงานไปฟรีฟรี จากจุดตัดที่เราตัดออกทิ้งไปกับ Passive Crossover Network เพราะเรามาตัดย่านความถี่ของเสียงเพื่อให้ลำโพงแต่ละตัวแยกกันทำงานหลังจากขยายสัณญานออกมาแล้วจาก Power Amp

หันมาระบบ Bi Amp, Tri Amp, Quad Amp  เป็นระบบซึ่งจะแบ่งสัณญาน ก่อนเข้า Power Amps (หลังจากขยายมาแล้วเล็กน้อยก่อนจะมาถึงโดย Pre Amp) โดย วงจรหนึ่งที่เรียกว่า Electronic Crossover Network จะแบ่งย่านความถี่ ออกมาตามที่กำหนด ยกตัวอย่าง 2 ทางให้เห็นภาพ
--- สัณญานเสียงย่านต่ำมาก    มาส่งให้ Power Amp (หรือ Power Amps, มากกว่า 1 ก็ได้ ยกตัวอย่างต่อแบบ Bridging) เพื่อขับให้ลำโพงเสียงต่ำ
--- สัณญานเสียงย่าน  ต่ำ (มากกว่าจุดที่ X-over ตัด)  ,กลาง และสูง  มาส่งให้ Power Amp เพื่อขับให้ลำโพงเสียงรวม (ไม่ขับเสียงย่านต่ำมาก ที่เราตัดออกไปอีก Power Amp หนึ่ง
จะเห็นว่า เสียงย่าน ต่ำน้อย, กลาง และเสียงสูง ไม่กินกระแสมากนักจึงมักใช้  Power Amp ทีมีคุณภาพตามลักษณะการใช้ให้มันทำงาน ซึ่งใช้ Power Amp ที่มีกำลังน้อยแต่เสียงสะอาดและอื่นอื่น  เพื่อประหยัดพลังงานและเงิน ส่วนเสียงต่ำมาก ก็ใช้ Power Amp ราคาถูก กำลังขับเยอะ เพราะเสียงย่านนี้กินกระแสจาก Power Amp มาก รายละเอียดการเลือกใช้ ว่ากันในบทความหน้า เช่น เลือกใช้ Power Amp ที่มีการหยุดตัวลำโพงเสียงต่ำได้ดี กินกระแสไฟน้อยแต่ได้พลังออกมามาก Class  ของ power supply) อื่นอื่นอีก ว่ากันขั้นต่อไป
ยกตัวอย่างชุด Bi-Amp ง่ายง่ายก่อน
n   Front End
n   Electronic Crossover Network
n   Power amp class c, d ถูกถูกเลย   50 watts ( rms) –-ขับย่านเสียงต่ำมาก
ถ้าในตัว Front End บางตัวมีวงจร  X-Over  อยู่ในตัวแล้วมีช่องเสียบหลังเครื่องเพื่อไปต่อ Power Amp เพื่อเอาไว้ขับเสียงย่านต่ำมาก แล้วมีจุดตัดความถี่ให้เลือกตามเหมาะสม ก็ไม่ต้องเพิ่ม Electronic Crossover Network อีก และถ้า Front End ตัวนั้นมีวงจร Amplifier อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเพิ่ม Power Amp อีกก็ได้ มันจะขับสัณญานส่วนที่เหลือจากการตัดไประบบ Sub Woofer เอง (ทำงานเหมือนแบบ Single Amp แบบปรกติ แตกต่างตรงที่เราได้ตัดสัณญานเสียงย่านต่ำมากออกไปหา Power Amp นอกตัวมัน  แล้วตอนนี้มันก็ไม่ต้องทำงานหนักมีผลดีที่ได้มาคือ
n   ทำให้การจ่ายกระแสมากมาก ไม่ต้องเกิดขึ้น
n   ยังคงเหลือพลังงานใน Power Supply เพื่อขับเสียงที่เหลือ (Full Range)
n   Power Amp ในตัว Front End ทำงานสบายขึ้นมาก
n   ลำโพง 2 ทาง หรือ 3 ทาง ทีเราใช้อยู่ ก็ไม่ต้องมาขับเสียงต่ำมากที่ตัดออกไป
n   ทำให้ลดเสียงกระพือของบานประตูที่ติดลำโพง
คราวนี้แทบไม่ต้องอธิบาย ถึง Tri Amp, Quad Amp แล้ว หลักการเดียวกัน ก็คือเลื่อนจุดที่จะตัดสัญญานออกไปเลี้ยง Amplifier หลายจุดตัดตามความเหมาะสมของระบบ และอุปกรณ์ที่มี เอาไว้ว่ากันต่อ



บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.067 วินาที กับ 20 คำสั่ง