Languages
หน้า: 1 [2] 3 4   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 2.5VG 4WD ใส่เฟืองท้าย hybrid limited slip  (อ่าน 20500 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 06:13:35 pm »

ลองไปค้นข้อมูลเก่าๆใน weekend hobby เป็น G-Wagon เค้าบอกว่าถ้าเป็นเต็ดแบบครัชจะหมุนตามกัน แต่ถ้าเป็นเต็ดแบบตัวหนอน (Hybrid เป็นลูกผสมระหว่างเฟืองแบบตัวหนอน+VCU) จะหมุนสวนทางกัน ใครพอจะทราบเรื่องนี้บ้างครับ  แต่ที่ลองวิ่งดู เลี้ยวโค้งหรือเลี้ยวมุมแคบก็ไม่รู้สึกว่าหนืดหรือขืน ความรู้สึกตอนเลี้ยว u turn มุมแคบบยังเหมือนของเดิม แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเวลาเร่ง หรือเดินคันเร่งในโค้ง รู้สึกว่ารถมีกำลังส่ง รู้สึกมั่นคง ตึงมือกว่าเดิม ส่วนเฟืองท้าย ก่อนใส่ยังไงหลังใส่ก็อย่างนั้น ไม่มีเสียงหอน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 30, 2014, 06:15:29 pm โดย ruth » บันทึกการเข้า
Adisak (โดม)
ID 1985
Sr. Member
****

like: 81
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1833


ชอบ กดLike ถ้าไม่ กด+


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 07:32:54 pm »

ลองไปค้นข้อมูลเก่าๆใน weekend hobby เป็น G-Wagon เค้าบอกว่าถ้าเป็นเต็ดแบบครัชจะหมุนตามกัน แต่ถ้าเป็นเต็ดแบบตัวหนอน (Hybrid เป็นลูกผสมระหว่างเฟืองแบบตัวหนอน+VCU) จะหมุนสวนทางกัน ใครพอจะทราบเรื่องนี้บ้างครับ  แต่ที่ลองวิ่งดู เลี้ยวโค้งหรือเลี้ยวมุมแคบก็ไม่รู้สึกว่าหนืดหรือขืน ความรู้สึกตอนเลี้ยว u turn มุมแคบบยังเหมือนของเดิม แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเวลาเร่ง หรือเดินคันเร่งในโค้ง รู้สึกว่ารถมีกำลังส่ง รู้สึกมั่นคง ตึงมือกว่าเดิม ส่วนเฟืองท้าย ก่อนใส่ยังไงหลังใส่ก็อย่างนั้น ไม่มีเสียงหอน

 suadyod ในปาไม่รู้แต่ในไทรทัน4x4แบบนี้คับ
บันทึกการเข้า

ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 07:42:16 pm »

ลองไปค้นข้อมูลเก่าๆใน weekend hobby เป็น G-Wagon เค้าบอกว่าถ้าเป็นเต็ดแบบครัชจะหมุนตามกัน แต่ถ้าเป็นเต็ดแบบตัวหนอน (Hybrid เป็นลูกผสมระหว่างเฟืองแบบตัวหนอน+VCU) จะหมุนสวนทางกัน ใครพอจะทราบเรื่องนี้บ้างครับ  แต่ที่ลองวิ่งดู เลี้ยวโค้งหรือเลี้ยวมุมแคบก็ไม่รู้สึกว่าหนืดหรือขืน ความรู้สึกตอนเลี้ยว u turn มุมแคบบยังเหมือนของเดิม แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเวลาเร่ง หรือเดินคันเร่งในโค้ง รู้สึกว่ารถมีกำลังส่ง รู้สึกมั่นคง ตึงมือกว่าเดิม ส่วนเฟืองท้าย ก่อนใส่ยังไงหลังใส่ก็อย่างนั้น ไม่มีเสียงหอน

 suadyod ในปาไม่รู้แต่ในไทรทัน4x4แบบนี้คับ
แบบไหนครับป๋า
บันทึกการเข้า
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 07:45:29 pm »

Hybrid LSD

The original Mitsubishi Challenger used a hybrid LSD that combined a gear-type LSD and a VCU.

The gear-type centre section looks very like a Tractech TrueTrac, with four short pinions and four long ones. This type of diff centre lends itself to coupling with a VCU, because the pinions are located outside the side gears, leaving a hole in the middle of the diff centre.

In the case of the Challenger’s hybrid diff the hole in the centre is filled by an extension of the VCU hub, mating it to the right hand side gear. The left hand side gear is integral with the housing of the VCU.

Under normal conditions the VCU plays no part in proceedings and the side gears and pinions do their thing. Even at the onset of wheel-spin on one side of the vehicle the diff functions as a gear-type unit.

When one wheel has no grip the VCU comes into play. The meshing forces in the gears generate little friction with one wheel in the air and so that wheel and side gear start to spin. The relative movement between the left and right side gears generates heat in the VCU, which then provides the necessary drag for the gear-type LSD to function properly.


นี่ได้มาจากอีก web นึง
Hybrid LSD

Developed by Mitsubishi, a hybrid LSD combines a gear type LSD with a viscous coupling unit (VCU). LSDs have clutch packs inside their differential cases and these serve to restrict wheel spin – hence the name “limited slip” differential. The h eart of a viscous coupling is a silicon fluid that thickens when it gets hot and limit wheel spin, by restricting relative movement. Combined together, a hybrid LSD can sense both the torque and the speed of the drive shaft, thus giving the pick-up more control by ensuring the right wheel gets the correct amount of power in all circumstances.

อันนี้ของ mitsubishi
Hybrid LSD
The hybrid-type LSD gives excellent off-road response, combining the torque-sensing benefit of helical gears and a speed-sensing of a viscous coupling unit, all designed to work together with ABS.


ใครเป็น วิศวเครื่องกลแปลให้อ่านหน่อยน่ะครับ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2014, 01:03:51 pm โดย ruth » บันทึกการเข้า
Kaka
Sr. Member
****

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1645



« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 09:08:06 pm »

 suadyod
บันทึกการเข้า

No:1438 นายพิชัย อร่ามจันทร์ (เค) 081-3489470 line:p12976694p
วันนี้ขับ PJS SPORT VG 178 HP ขาวมุข 4x4 ปี 2012 เพราะเมื่อก่อนขับ TRITON PLUS 140 HPดำ 4x2 ปี 2009
kung246
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 135



« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 10:31:27 pm »

เฟืองท้ายตัวนี้ หาได้ที่ไหนอ่ะครับ ราคาเท่าไหร่??? สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2014, 11:53:47 pm »

เฟืองท้ายตัวนี้ หาได้ที่ไหนอ่ะครับ ราคาเท่าไหร่??? สาธุ สาธุ สาธุ
ได้จากที่นี่ครับ http://www.pajerosport-thailand.com/forum/index.php?topic=22250.0  แนะนำแบบ hybrid เพราะรุ่นที่ส่งออกส่วนใหญ่ใช้แบบนี้ (ถ้าสุดจริงๆต้องที่ส่งไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย เป็น Diff lock ไฟฟ้าครับแต่ยังไม่เคยเห็นใครหาได้ 555 ) เพราะออกแบบมาใช้กับรถที่มี ABS ครับ แนะนำกันไป ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ถ้า admin เห็นว่าไม่เหมาะสมก็ลบได้เลยน่ะครับ

หน้าตา diff lock ไฟฟ้าของ pajero ตัวใหญ่เป็นแบบนี้ครับ คิดว่าของ pajero sport ที่ส่งไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย ก็น่าจะเป็นแบบเดียวกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2014, 12:03:16 am โดย ruth » บันทึกการเข้า
chanavorn
Jr. Member
**

like: 20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 947



« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 12:07:57 am »

ตัวส่งออกฟังชั่นจัดเต็มจริงๆครับ
บันทึกการเข้า
seto16(เอก)
Hero Member
*****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2190


Soil Science is my life


« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 07:14:26 am »

น่าสนใจครับ  ii ii ii
บันทึกการเข้า

ไม่เคยคิดเอาชนะใคร แค่เอาชนะตัวเองก็พอแล้ว...
"อยากให้เกษตรกรไทย ใช้ปุ๋ยและสารเคมีอย่างถูกต้อง ไม่น้อยไปจนผลผลิตเสียหาย หรือมากไปจนผู้บริโภคอันตราย"
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 01:30:24 pm »

ความหมายของ Differential ก่อนที่จะเข้าใจเรื่อง LSD ต้องเข้าใจถึงระบบส่งถ่ายกำลังก่อน ซึ่งในที่นี้ขอไม่พูดถึงเกียร์ และคำแรกที่อยากให้รู้จักก่อน คือ
Differential หมายถึง เฟืองท้ายหน้าที่ของเฟืองท้ายก็เพื่อถ่ายทอดกำลังจาก เกียร์มาสู่ล้อโดยการถ่ายทอดมานั้นจะลดความเร็วของกา รหมุนของเกียร์ลง เพื่อเพิ่มทอร์คในการไปปั่นล้อนั้นหมายความว่า ยิ่งใช้รอบของเกียร์มากรอบเท่าไหร่ในการหมุนล้อให้ได ้ 1 รอบจะยิ่งมีทอร์คมากตามไปด้วย

เช่น เฟืองท้าย 4.1 หมายความว่า เพลาเกียร์หมุน 4.1 รอบเพลาล้อหมุนได้ 1 รอบ ซึ่งจะได้ ทอร์คมากกว่า เฟืองท้าย 3.7

สำหรับที่มาของคำว่า Differential นั้นมาจากหน้าที่ของมัน คือ ทำให้ล้อหมุนที่ความเร็วต่างจากเพลากลางจากเกียร์ และ Differential ไม่ได้หมายถึงแค่เฟืองของรถขับหลังอย่างเดียว แต่หมายถึงเฟืองสุดท้ายในเกียร์ของขับหน้าก่อนที่จะถ ่ายทอดกำลังไปที่เพลาด้วย

สำหรับขับหน้านั้นตัว Differential จะอยู่เชื่อมอยู่ระหว่างเกียร์กับเพลาขับ


สำหรับขับ 4 จะมี Differential ไว้คอยเปลี่ยนความเร็วในการหมุนอยู่ 3 จุดโดย Center Diff นั้นจะมีหน้าที่ควบคุมการหมุนของล้อหน้ากับล้อหลังเน ื่องจากตอนเลี้ยวล้อหน้าจะเคลื่อนที่ได้ระยะทางมากกว ่าล้อหลัง แต่ขับ 4 นั้นก็จะมีทั้ง FULL-TIME (ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา) และ PART-TIME (ขับเคลื่อน 4 ล้อเฉพาะตอนที่จำเป็น)

รู้จักก่อนกับเฟืองขับ (Differential ) กันก่อน
เป็นส่วนที่สำคัญในระบบส่งกำลัง ทำหน้าที่รับกำลังจากเกียร ส่งต่อมายังเฟืองขับตัวนี้ ทำหน้าที่เปลี่ยนแนวการหมุนในแนวมุมฉาก เป็นแนวขนานผ่านเพลาขับไปยังล้อทั้ง 2 ด้าน เฟืองขับนั้นในระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะถูกติดตั้งมาใ นห้องเกียร ส่งกำลังจากเฟืองเกียรมายังเฟืองขับ โดยตรงเรียกว่า Front Differentias Gear แล้วจึงส่งกำลังผ่านเพลาข้างไปยังล้อทั้ง 2 ข้าง ส่วนในระบบขับเคลื่อนล้อหลังเฟืองขับจะได้รับการส่งก ำลังมาจากเพลากลาง ต่อมายังเฟืองขับแล้วจึงส่งกำลังมายังเพลาข้างและล้อ อีกทีเรียกว่า Rear Differential Gear

ส่วนประกอบของเฟืองขับ ( Differential )
1. เฟืองเดือยหมู ( Worm Gear ) มีลักษณะคล้ายเฟืองรูปกรวย โคนเฟืองมีขนาดโตกว่าส่วนด้านยอดจะมีขนาดเล็ก ทำหน้าที่รับแรงบิดจากเพลากลางในแนวตั้งฉากมาขับเคลื ่อนให้เกิดการหมุนตัว เมื่อเฟืองหมุนตัวจะไปขบกับเฟืองบายศรีทั้ง 2 ด้านให้หมุนตาม
2. เฟืองบายศรี ( Ring Gear ) มีลักษณะเป็นเฟืองวงแหวนมีฟันเฟืองอยู่ด้านข้าง เฟืองตัวนี้จะมีอยู่ 2 ตัว ส่วนอีก 2 ตัวด้านในจะมีเฟืองต่อมายังเพลาขับทั้ง 2 ด้าน มีหน้าที่เปลี่ยนมุมการหมุนให้เป็นแนวขนาน
3 . เฟืองดอกจอก ( Planet Gear ) เป็นเฟืองวงแหวน 2 ตัว ทำหน้าที่แยกการหมุนของเพลาขับทั้ง 2 ด้านเมื่อขณะรถวิ่งตรง เฟืองจะรับแรงกดให้ไปขับเพลาทั้ง 2 ด้านเท่ากัน แต่เมื่อเกิดการเลี้ยวเฟืองดอกจอกจะทำหน้าที่แยกการห มุนของล้อให้ส่งกำลังไปเพียงด้านเดียว
คุณสมบัติของเจ้าเฟืองขับแบบธรรมดานี้ คือการส่งกำลังจะส่งไปยังล้อที่รับภาระสูงสุดเพียงล้ อเดียว สังเกตุเวลาขึ้นแม่แรงแล้วหมุน ล้อจะหมุนเพียงล้อเดียว อีกล้อฟรีทิ้งอยู่เฉยๆ หรือเวลารถติดหลุม เมื่อเข้าเกียรเร่งเครื่อง ล้อจะหมุนล้อเดียว คุณสมบัตินี้ใช้ในเวลารถเข้าโค้งจะทำให้ล้อที่อยู่ด้ านในโค้งหมุนช้ากว่าล้อที่อยู่นอกโค้งรถจึงเข้าโค้งไ ด้อย่างนุ่มนวล

ชนิดของ Differential
หัวข้อถัดไปจะกล่าวถึงชนิดของ Differential จะเริ่มจากชนิดพื้นฐานก่อนเลยที่เรียกว่า
1. Open Type Differential
สำหรับ Open Type นั้นเป็น Differential พื้นฐานและทำงานง่าย คือ พยายามให้ล้อเวลาเลี้ยวมีความเร็วต่างกันจะได้เลี้ยว ได้อย่างไม่มีปัญหาสำหรับ Differential ชนิดนี้ไม่เหมาะกับ Racing Car เนื่องจากมันยอมให้ความเร็วของเพลา 2 ข้างต่างกันเพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้ไม่ติดขัด เนื่ององจากขณะเลี้ยวนั้นล้อด้านนอกโค้งจะต้องเคลื่อ นที่ในระยะทางที่มากกว่าล้อในโค้ง จึงต้องเคลื่อนที่เร็วกว่า
Open Type Differential หลักการคือ กระจายทอร์กให้เท่ากันทั้ง 2 ล้อ เพราะฉะนั้นความเร็วในการหมุนของแต่ละล้ออาจต่างกันใ นแต่ละสถานการณ์

ข้อเสียของ Open Type Differential คือถ้าเกิดล้อทั้ง 2 ข้างอยู่บนพื้นที่ Traction ไม่เท่ากันเช่นพื้นถนนกับพื้นน้ำแข็ง ในทางตรงล้อที่อยู่บน Traction น้อย จะหมุนเร็วกว่าเนื่องจากแรงเสียดทานที่มาต้านการหมุน น้อย ลักษณะจะเหมือนอยู่ในโค้ง คือ มีล้อข้างหนึ่งหมุนเร็วกว่าอีกข้าง ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าไม่ค่อยได้เนื่องจากการท ำงานของ Differential


2. Limited Slip Differential (LSD)
หรือในอีกชื่อที่ไม่ค่อยคุ้นนัก คือ Prostration สำหรับ Limited Slip นั้นจะมีหลักการทำงานต่างจาก Open Type Diff ตรงที่ Open Type นั้นจะพยายามทำให้เกิด Torque เท่าๆกันทั้ง 2 ล้อ แต่หลักการของ LSD คือพยายามทำให้ล้อทั้ง 2 ข้างหมุนเท่ากัน เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของ Open Type

มารู้จักกับ Limited Slip Differential บางคนเรียกกันสั้นๆว่า เต็ด หรือชื่อย่อๆคือ LSD เจ้าเฟืองท้ายแบบนี้ได้รับการพัฒนามาจาก Differential แบบธรรมดาเพื่อป้องกันล้อหมุนฟรีในขณะรถติดหลุ่มแ เจ้ากลไกในตัว LSD จะทำหน้าที่ล็อคล้อที่หมุนฟรีให้หมุนตามนิยมในพวกรถแ บบ 4WD และในรถแข่งที่ต้องอาศัยการส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไป ยังล้อทั้ง 2 ด้านให้ใกล้เคียงกัน ภายในมักจะมีส่วนประกอบคล้ายกับเฟืองขับแบบธรรมดา แต่จะเพิ่มชุดฟันเฟืองพิเศษ ชุดสปริงกด และชุดครัชแบบเปียกที่จะคอยรับแรงกดจากจานกดที่เกิดจ ากแรงบิดจากเครื่องยนต์ และการทำงานของชุดกลไกภายในของ LSD มากดให้จานกดและครัชให้จับตัวกัน ยิ่งมีแรงบิดมากก็จะมีแรงกดมาก เปอร์เซ็นต์การจับตัวก็จะมาก แรงบิดน้อยแรงกดน้อยเปอร์เซ็นต์การจับตัวก็จะน้อยลง แรงกดนี้จะมีฟันเฟืองต่อไปยังเพลาขับเพื่อไปขับล้อแล ะยางให้หมุนตามกัน


LSD ก็ยังแบ่งออกเป็นอีกหลายประเภทดังนี้

2.1 Viscous LSDนิยมใช้ในรถขับเคลื่อน 4 ล้ออยู่ระหว่างชุดล้อหน้ากับล้อหลัง และรถขับหลังตระกูล NISSAN ก็นิยมใช้ LSD ชนิดนี้

2.2 Lockingสำหรับ LSD ประเภทนี้นิยมใช้ในรถแข่ง Off Road คือจะใช้ไฟฟ้า, ระบบลม หรือไฮโดรลิค โดยจะควบคุมโดย Switch เมื่อมีการ Active การทำงานล้อทั้ง 2 ข้างจะหมุนด้วยความเร็วเท่ากันเลยลักษณะคล้ายกับการเ ชื่อมเฟืองท้าย 2 ข้างเข้าด้วยกันเลย

2.3 Torsion LSDชื่อเต็มว่า Torque and Sensing LSD
จะทำงานเหมือน Open Type ถ้า Torque ที่ล้อทั้ง 2 เท่ากัน และถ้าเกิด Torque ที่ต่างกันจะทำให้เฟืองข้างในทำงานกระจาย Torque ไปที่ล้อที่มี Traction ดีกว่า โดยจะมี Torque bias ratio เป็นตัวกำหนดว่าสูงสุดที่จะให้ Torque ล้อหนึ่งเป็นกี่เท่าของอีกล้อ สำหรับ LSD ชนิดนี้นิยมใช้ในรถ High Performance และดูเหมือนว่าจะดีกว่า Viscous เนื่องจากจะมีการส่งถ่าย Torque ไปยังล้อที่ยังปกติอยู่ก่อนเกิดการ Slip ซึ่ง Viscous ต้องเกิดการ Slip ก่อนถึงจะทำงาน
แต่ว่า Torsion ก็ยังมีข้อเสียอยู่ คือ ถ้าล้อเกิดการ Slip แล้ว Torsion จะไม่สามารถทำงานได้อย่างที่กำหนดไว้ เนื่องจากการออกแบบต้องกำหนด Torque Bias Ratio ที่มันสามารถทำได้นั้นเอง

2.4 Clutch Typeสำหรับ LSD ชนิดนี้จะเห็นว่า ตรงส่วนกลางจะเหมือน Open Type Diff แต่แค่มีแผ่น Clutch เพิ่มขึ้นมาที่ด้านท้ายทั้ง 2 ด้านซึ่งการทำงานจะง่ายมาก คือ ใช้ความฝืดของแผ่น Clutch ในการทำให้ล้อ 2 ล้อพยายามหมุนให้เท่ากัน ถ้าล้อ 2 ข้างมี Torque ที่ต่างกันมากๆ ก็พยายามเพิ่มแรงกดหรือเพิ่มจำนวนแผ่นหรือเพิ่มขนาดแ ผ่นเพื่อให้มันยังสามารถทำให้ล้อ 2 ข้างหมุนที่ความเร็วเท่ากัน สำหรับ LSD ชนิดนี้จึงเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับสำนักแต่งต่างๆ เนื่องจากออกแบบง่ายและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว ่าจะเป็น CUSCO KAAZ ATS TRD ต่างออกแบบ LSD ชนิดนี้เพื่อใช้ในรถที่ใช้สำหรับ แข่งขันต่างๆ

ความแตกต่างของ Clutch Type LSD แบบ 1, 1.5 or 2 Way

1 Way - ทำงานเฉพาะตอนเร่งเครื่องเท่านั้น
1.5 Way - ทำงานทั้งตอนเร่งเครื่อง และทำงานแค่ครึ่งเดียวตอนถอดคันเร่ง
2 Way - ทำงานตลอดทั้งเร่งเครื่องและถอนคันเร่ง


จะเห็นว่าจังหวะที่เหยียบคันเร่งแกนเฟืองจะดันไปข้าง หน้าเพื่อดันล้อให้หมุน
จังหวะที่ถอนคันเร่ง(และไม่เหยียบคลัช) จะเกิด Engine Brake เฟืองในเฟืองท้ายจะพยายามหยุดล้อขับเคลื่อนทำให้แกนข องเฟืองเกียร์ล่นถอยไปกดอยู่ได้หลังของวงตรงกลาง ถ้าออกแบบให้รู้ตรงกลางเป็นดังลักษณะ 1 WAY และหันด้านแกนของเฟืองตามรูป เวลาถอนคันเร่ง จะเห็นว่าจะไม่เกิดแรงไปดันให้ตัว LSD ทำงาน (ดันให้แผ่น Clutch กดกันแน่นขึ้น) ส่วน 1.5 Way จะออกแบบให้ดันแต่ไม่เต็มแรง และ 2 Way ดันแบบเต็มแรง

จะเห็นว่า LSD Clutch นั้นเราสามารถปรับได้ว่าจะให้เป็น 1, 1.5 หรือ 2 Way ได้โดยแค่ประกอบต่างกันเท่านั้น โดยผู้ผลิตจะออกแบบรูมาหลายแบบเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเ ลือกได้ว่าจะใช้แบบไหน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะปรับได้ 1.5 กับ 2 Way ขึ้นอยู่กับ Brand ว่า Brand นั้นออกแบบมาให้สามารถปรับเป็นกี่ Way ได้บ้าง ถ้าเข้าใจถึงการออกแบบเราก็สามารถใช้ LSD แบบ Clutch Type นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ข้อดีเมื่อเทียบกับเฟืองท้ายแบบธรรมดา 1. ช่วยแก้ ปัญหาเวลารถตกหล่ม ทำให้ล้ออีกด้านไม่หมุนฟรีสามารถใช้กับเส้นทางทุรกัน ดารได้ดีกว่า
2. ช่วยให้การออกตัวดีขึ้น ลดอาการฟรีของล้อ เหมาะสำหรับรถควอเตอร์ไมล์
3. ช่วยในการออกโค้งได้ดีกว่า ลดอาการหมุนกลับ และสามารถใช้เทคนิคจนควบคุมรถได้
4. เพิ่มลูกเล่นและเทคนิคการขับรถได้มากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบฝึกฝนหรือหาเทคนิคใหม่ๆ

ข้อเสีย1. การเข้าโค้งจะยากกว่าและต้องระวังมากกว่า เพราะอาจทำให้รถเกิดการ Understeer ได้ง่าย
2. ยางสึกหรอเร็ว เพราะล้อที่ไม่หมุนฟรีต้องอาศัยการหมุนฟรีของยางที่ส ัมผัสกับถนนยางจะสึกหรออย่างรวดเร็ว และมีเสียงดัง
3. อายุการใช้งานของเพลาขับและลูกปืนล้อสั้นลงอย่างรวดเ ร็ว เพราะต้องรับแรงบิดเพิ่มขึ้น เพลาอาจขาดหรือลูกปืนแตกได้ง่าย
4. ดูแลรักษายาก ต้องดูแลอยู่เสมอ และมีการสึกหรอค่อนข้างสูง
5. ในรถแบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะมีการขัดขืนเวลาเข้าโค้ง อาจเกิดการ 0ver streer ได้ง่าย

การติดตั้งและการเลือกใช้
มีรถส่วนน้อยที่ได้ติดตั้ง LSD มาจากโรงงาน รถส่วนใหญ่ที่ติดตั้ง LSD มักจะเป็นรถจำพวก 4wd และรถที่เครื่องยนต์แรงเพื่อช่วยในการออกตัวที่ดี สำหรับการติดตั้งในรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้าต้องทำการ ยกเกียรทั้งลูกลงมาแล้วทำการผ่าเกียรออกมาแล้วยกชิ้น ส่วน และถอดเฟืองขับแบบธรรมดาออกมา แล้วจึงเอาชุด LSD ติดตั้งประกอบกับเฟืองขับเดิม หรือบางรุ่นจะมีเฟืองขับที่มีอัตราทดใหม่มาติดตั้งแท นได้เลย ในรถขับเคลื่อนล้อหลังแบบคานแข็งต้องทำการถอดเพลากลา ง เพลาข้าง เฟืองเดือยหมู หรือบางรุ่นมีหน้าแปลนถอดเปลี่ยนได้เลย ในรุ่นที่เป็นคานอิสระถอดเพลาข้างและเพลากลางออก แล้วจึงถอดชุดเฟืองท้าย ออกมาแล้วเปลี่ยนชุดใหม่ทั้งเฟืองท้ายหรือถอดมาเปลี่ ยนเฉพาะชุด LSD แต่เฟืองท้ายเดิม การควบคุมการทำงานบางรุ่นใช้การควบคุมด้วยระบบลม และบางรุ่น การเลือกใช้ต้องคำนึงถึงรูปแบบการขับขี่เป็นสำคัญว่า จะใช้แบบ 1 way - 1.5 way หรือ 2 way ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และการแข่งขันที่แตกต่างกัน การเลือกยี่ห้อต้องดูที่ โครงสร้างภายในบางรุ่นใช้ระบบฟันเฟือง ( Helical LSD )ในการทำงาน บางรุ่นใช้ระบบผ้าครัช ( Multiplate LSD ) ที่มีจำนวนแตกต่างกันเช่น 4 แผ่น 8 แผ่น หรือ 12 แผ่น ยิ่งมีผ้าครัชมากก็สามารลดอาการฟรีของล้อได้มาก สามารถกระจายแรงม้าลงพื้นได้มากกว่าเดิม ในรถขับเคลื่อน 4 ล้อมักจะมี LSD ติดตั้งมาแล้ว แต่อาจเปลี่ยนใหม่ในรูปแบบแตกต่างกันได้เช่นด้านหน้า เป็นแบบ 1.5 way และด้านหลัง 2 way จะทำให้ขับขี่สนุกขึ้น

การดูแลรักษา
เนื่องจาก LSD มีระบบการทำงานที่ซับซ้อนกว่าเฟืองขับแบบปกติ เช่นบางรุ่นมีฟันเฟืองพิเศษ ที่ต้องอาศัยเบอร์น้ำมันที่ไม่เหมือนกับเฟืองท้ายปกต ิ และบางรุ่นส่วนใหญ่จะมีผ้าครัชแบบเปียก จึงต้องใช้น้ำมันพิเศษที่ออกแบบมาสำหรับ LSD โดยเฉพาะ ไม่ควรใช้น้ำมันเฟืองท้ายหรือผสมหัวเชื้อใดๆเพราะอาจ ะทำให้ผ้าครัชลื่น น้ำมัน LSD ต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายไวกว่า เพราะจะมีเศษของชิ้นส่วนที่สึกหรอปนออกมามากกว่าและอ าจจะไปทำอันตรายต่อชิ้นส่วนอื่น หรือทำให้สึกหรอเร็วยิ่งขึ้น ต้องป้องกันน้ำอย่างเด็จขาด เพราะผ้าครัชและสปริงกลัวน้ำมากจะเสียหายอย่างรวดเร็ ว ถ้าสงใสว่าน้ำอาจเข้าต้องรีบเช็คหรือรีบเปลี่ยนถ่ายทันที

http://phithan-toyota.com/forums/index.php?topic=4967.0
บันทึกการเข้า
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 01:45:39 pm »

ตามความเข้าใจของผม hybrid limited slip ของ mitsubishi เป็นลูกผสมระหว่าง LSD แบบ Torsen LSD กับ Viscous LSD (VCU LSD) จากหลักการทำงานของทั้งสองระบบ ผมเข้าใจว่าที่การใช้งานปกติที่ล้อยังไม่เกิดอาการหมุนฟรี Hybrid LSD จะทำงานโดยระบบ Torsen คือกระจายแรงบิดล้อหลังทั้งสองด้านไปตามรอบการหมุนและแรงยึดเกาะของยางกับพื้น ถ่ายแรงบิดโดยอัตโนมัติตามการของ torsen LSD ตามขนาดของเฟืองหลักกับเฟืองตัวหนอน แต่เมื่อเข้าเส้นทางทุรกันดาร เกิดการหมุนฟรีของล้อเมื่อถึงจุดนี้ระบบ Torsen จะไม่สามารถส่งกำลังไปล้ออีกข้างได้เต็มที่เนื่องจากข้อจำกัดของระบบ ถึงตอนนี้ VCU LSD จะมาทำหน้าที่แทนโดยมีแผ่นโลหะบางๆวางเรียงชิดกันอยู่หลายแผ่นภายในชุด Hybrid LSD ที่รอบการหมุนไม่มากแผ่นโลหะเหล่านี้จะหมุนจากกันได้อย่างอิสระ แต่เมื่อหมุนเร็วขึ้นน้ำมันเฟืองท้ายที่แทรกอยู่ระหว่าแผ่นโลหะจะถูกแรงเฉือนกลายสภาพมีความหนืดเพิ่มขึ้น ทำให้ยึดแผ่นเพลทโลหะเหล่านี้ไว้ด้วยกัน สร้างแรงฉุดให้ล้อข้างที่หมุนฟรีหมุนช้าลงเพื่อถ่ายแรงไปให้ล้ออีกด้านหนึ่ง

การทำงานของ Torsen diff ของ Eaton ซึ่งระบบเฟืองภายในเหมือนกับ Hybrid LSD ของ mitsubishi มาก แต่ว่าของ Mitsubishi ได้เพิ่ม VCU LSD เพิ่มเข้าไปเพื่อเสริมการทำงานอีกระบบ
<a href="http://www.youtube.com/watch?v=lZmsY2YvVsc" target="_blank">http://www.youtube.com/watch?v=lZmsY2YvVsc</a>
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 31, 2014, 05:12:49 pm โดย ruth » บันทึกการเข้า
pop
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 17


« ตอบ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 07:37:09 pm »

ปาตัวที่ส่งไป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ รัสเซีย เป็นแอร์ล็อค ครับน้า
ตามคู่มือซ่อม ที่แนบมา แล้วเวลาใช้แอร์ล็อค abs กับ traction control จะโดนตัดการทำงานครับ
บันทึกการเข้า
KengEVO5 (No.521)
Hero Member
*****

like: 55
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2502



« ตอบ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:37:18 pm »

ลองหมุนล้อดูตอนประกอบเสร็จ รถเข้าเกียร์ P อยู่ ปรากฏว่าล้อหลังหมุนสวนทางกัน ไม่หมุนทางเดียวกัน ผิดปกติหรือเปล่าครับ แต่ไม่ได้ลองตอนเข้าตอน N

Hybrid LSD หมุนสวนทางกัน เป็นเพราะเรายกล้อลอยทั้งสองข้างรึเปล่าครับ  เขาคงออกแบบไม่ให้ทำงานตลอดเวลาเหมือนแบบครัช

คงต้องทดลองยกให้ลอยข้างเดียว (ใช้แม่แรงตะเข้แบบมีล้อ)  แล้วค่อยๆ ออกตัว ว่ารถจะเคลื่อนรึเปล่า  ถ้าล้อที่ยกลอยหมุนฟรี  รถไม่เคลือนที่ไปข้างหน้า ก็แสดงว่า LSD ไม่ทำงาน   น่าจะเกิดการผิดพลาดในการประกอบรึเปล่า Huh?

แค่ตั้งสมมติฐานนะครับ ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน (แต่เตรียมลอกการบ้าน)  Ok..
บันทึกการเข้า

"ปาเจโร่ สปอร์ต.....แต่จิตวิญญาณอีโวลูชั่น"

***ขอประนาม ผู้ที่ชอบแย่งที่จอดรถใน "ช่องจอดคนพิการ" และ "ช่องครอบครัวที่มีเด็ก" โปรดช่วยกันจรรโลงประเทศไทยให้ศิวิไลซ์ทัดเทียมอารยประเทศด้วย***
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:41:41 pm »

เห็นแต่ปุ่มกดๆยังนึกว่าเป็นแบบไฟฟ้า อย่างงี้ ARB ที่ทำเป็นชุดคิดมาขาย เป็นแบบ Air Lock เหมือนกันท่าจะขายยาก เพราะรุ่นหลังๆ Triton ก็จัดเต็ม Pajero Sport มีอะไร Triton ก็แบบนั้นเลย
บันทึกการเข้า
ruth
Sr. Member
****

like: 60
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1607


S/N # 0505


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2014, 09:46:56 pm »

ลองหมุนล้อดูตอนประกอบเสร็จ รถเข้าเกียร์ P อยู่ ปรากฏว่าล้อหลังหมุนสวนทางกัน ไม่หมุนทางเดียวกัน ผิดปกติหรือเปล่าครับ แต่ไม่ได้ลองตอนเข้าตอน N

Hybrid LSD หมุนสวนทางกัน เป็นเพราะเรายกล้อลอยทั้งสองข้างรึเปล่าครับ  เขาคงออกแบบไม่ให้ทำงานตลอดเวลาเหมือนแบบครัช

คงต้องทดลองยกให้ลอยข้างเดียว (ใช้แม่แรงตะเข้แบบมีล้อ)  แล้วค่อยๆ ออกตัว ว่ารถจะเคลื่อนรึเปล่า  ถ้าล้อที่ยกลอยหมุนฟรี  รถไม่เคลือนที่ไปข้างหน้า ก็แสดงว่า LSD ไม่ทำงาน   น่าจะเกิดการผิดพลาดในการประกอบรึเปล่า Huh?

แค่ตั้งสมมติฐานนะครับ ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน (แต่เตรียมลอกการบ้าน)  Ok..
น่าจะเป็นเพราะเข้า P อยู่ครับ เพราะว่าตำแหน่งนี้เพลากลางจะล็อค ถามหลายคนบอกว่าตอนหมุนต้องอยู่ที่ N  เดี๋ยววันไหนว่างๆจะลองขึ้นแม่แรงแล้วลองหมุนดูครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 20 คำสั่ง