หัวข้อ: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: [~DREAM~] ที่ เมษายน 20, 2012, 01:42:53 am
ไปเจอมาครับ เห็นว่าเป็นความรู้อีกเช่นเคย นำมาให้อ่านกันครับ :D
การสึกหรอที่รุนแรง
ในการเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็น มีคนเพียงไม่กี่คนจะทราบว่าในการใช้รถแต่ละเที่ยว การสึกหรอเกิดขึ้นสูงมากถึง 95 % ใน
ตอน เริ่มเดินเครื่องขณะเครื่องเย็น หลังจากอุณหภูมิของเครื่องยนต์ร้อนถึงเกณฑ์ปกติแล้วการ สึกหรอมีน้อยมาก จนอาจกล่าวได้ว่าลืมไปได้เลย
ด้วยเหตุนี้วิศวกรจึงพยายามหาทางหลีกเลี่ยง การเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็น หรือเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นให้สั้นที่สุด โดยออกแบบให้มี
กลไกในการอุ่นเครื่องให้ร้อนได้เร็ว แนะนำผู้ขับขี่ควรจะปฏิบัติอย่างไรให้เครื่องร้อนเร็วและสึก หรอน้อยที่สุด
การสึกหรอของเครื่องยนต์ขณะเย็นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
แทบ ทุกคนจะตอบว่า เพราะน้ำมันหล่อลื่นขึ้นมาหล่อเลี้ยงไม่ทันตอบอย่างนี้ ถูกแผ่ว ๆ ได้ 5 คะแนน ใน 100 คะแนน ลองมาดูสูตรทางเคมีข้างล่างนี้
…C8 H 18 + 12.5 O 2 8 CO 2 9 H 2O
เชื้อเพลิง (ออกเทน) +ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ + น้ำ
….น้ำมัน เชื้อเพลิง 1 ลิตร เมื่อติดไฟแล้วจะได้น้ำ 1 ลิตร (หรือใกล้เคียง) หลายท่านคงเคยเห็นน้ำไหลออกมาจากท่อไอเสียตอนติดเครื่องใหม่ ๆ
ขณะที่ เครื่องยังเย็นอยู่ หลัง จากเครื่องร้อนแล้วน้ำจะหายไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในห้อง เผาไหม้ ภายใต้กำลังอัด และขณะที่ผนังสูบ (Cylinder Wall) ยังเย็นอยู่ ทำให้น้ำที่เกิดจาก ปฏิกิริยาทางเคมีนี้กลั่นตัวจับที่ผนังสูบ และไปทำลายฟิล์ม น้ำมันหล่อลื่น ทำให้เกิดการเสียดสี
ของโลหะกับโลหะ ระหว่างผนังสูบกับลูกสูบ และแหวนลูกลูบเกิดความฝืดและการสึกหรอสูง ทำให้ เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพทางกลไก
(Mechanical efficiency) ต่ำมากในช่วงนี้ เมื่ออุณหภูมิของผนังสูบสูงขึ้น 130 องศาฟาเรนไฮต์ หรือสูงกว่า น้ำที่เกิดขึ้นจะไม่กลั่นตัว
คงเป็นไอน้ำออกไปกับไอเสีย ฟิล์มน้ำมันหล่อลื่นจะกลับคืนมา ความฝืดลดลงการสึกหรอลดลง ประสิทธิภาพทางกลไกดีขึ้น
จน เมื่อผนังสูบมีอุณหภูมิถึงระดับปกติที่เรียกว่า Operating Temperature ของเครื่องยนต์ การสึกหรอจะมีน้อยมากจนเรียกได้ว่าตัดทิ้งได้
ตอบอย่างนี้ได้ 100 คะแนนเต็ม….
….การ สึกหรอของเครื่องยนต์ในลักษณะนี้ เป็นได้กับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน (Internal Combustion Engine) ทุกชนิด ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน
และดีเซล….
…..ส่วน อื่น ๆ ของเครื่องยนต์ที่เป็นเพลา เช่นเพลาข้อเสือ เพลาก้านต่อ ไม่มีการสึกหรอ และไม่เกี่ยวข้องกับการสึกหรอตอนเริ่มเดินเครื่องยนต์
ขณะ เย็นเครื่องยนต์จึงมีจุดอ่อน อยู่ที่ การสึกหรอตอนเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นเครื่องยนต์จึงมีจุดอ่อนอยู่ที่ การสึกหรอของผนังสูบ ลูกสูบ แหวนลูกสูบ
สามารถตรวจสอบได้โดยวิธีวัด กำลังอัดในสูบเมื่อมีการสึกหรอมาก ๆ กำลัง อัดในสูบจะต่ำลงสูบที่ 1 เป็นบริเวณที่น้ำเย็นจากหม้อน้ำไหลเข้ากำลังอัดจะต่ำที่สุด
และค่อย เพิ่มมากขึ้นในสูบที่ 2 – 3 – 4 สูบสุดท้ายจะเป็นบริเวณที่น้ำร้อนไหลออกไปเข้าหม้อน้ำ กำลังอัดจะสูงกว่าสูบอื่น ๆ
อันตรายจากการกลั่นตัวของน้ำมีอย่างไรบ้าง….
….1. เกิดการสึกหรอที่ผนังสูบ ลูกสูบและแหวนลูกสูบ ตามที่กล่าวแล้ว
….2. น้ำจะไหลลงไปในห้องข้อเสื้อปนกับน้ำมันหล่อลื่น ทำให้เป็นเมือกเหนียวและทำลาย สารเพิ่มคุณภาพ (Additive) ในน้ำมันหล่อลื่น
แต่น้ำนี้จะระเหยออกไปได้เมื่อเครื่องยนต์ร้อน นานเพียงพอ(คนที่ใช้รถในระยะทางสั้นๆทุกวัน…ก็ถือว่าเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์)
….3. กำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นออกไซด์เมื่อเผาไหม้ และเมื่อรวมตัวกับน้ำจะเป็น กรดกำมะถัน (ซัลฟูริก)
….. SO2 + 2H2 O = 2H 2SO4
….. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ + น้ำ = กรดกำมะถัน
….. ทำให้น้ำมันหล่อลื่นเป็นกรด ดังนั้นน้ำมันหล่อลื่นทุกชนิดจะเป็นด่างไว้ก่อน โดยใส่สาร เพิ่มคุณภาพที่เป็นด่างเข้าไป เพื่อสู้กับกรดที่จะตามมา …
….4. กรดกำมะถัน จะไปกัดท่อไอเสียทำให้ผุกร่อน เมื่อน้ำไปกลั่นตัวที่ท่อไอเสีย
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นแต่ละครั้งนาน เพียง 5-10 นาทีเท่านั้นสำหรับบ้านเราที่เป็นเมืองร้อน ในเมืองหนาวจะใช้เวลามากกว่า….. เมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดค่ากำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงให้ลดลงมาเป็น 10 เท่าของค่ากำมะถันในน้ำมัน
เชื้อเพลิงเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันด้วย ทำให้น้ำมันแพงขึ้น มีการพูดกันว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้สูงเกินไปหรือเปล่า ? แต่การผุกร่อนของท่อไอเสียลดลงอย่างเห็นได้ชัด
มีกลไกอะไรในเครื่องยนต์ที่ช่วยในการอุ่นเครื่อง (Warm up)….
เครื่อง ของรถยนต์ไม่มีอุปกรณ์ในการอุ่นน้ำก่อนเดินเครื่อง แต่มีกลไกที่เมื่อเดินเครื่อง แล้วช่วยให้ร้อนได้เร็ว เครื่องยนต์สมัยใหม่ที่ใช้หัวฉีดควบคุมด้วย
คอมพิวเตอร์จะมีลิ้น Air Valve เปิด – ปิด ด้วยอุณหภูมิแบบ Thermowax เริ่มเปิดเมื่อ 140 องศาฟาเรนไฮต์ยิ่งเย็น มากก็จะเปิดกว้างมาก
เพื่อ ให้อากาศเข้าเครื่องยนต์มาก ดังนั้นการเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะที่ อากาศเย็น เช่น ในตอนเช้าจะหมุนเร็วกว่าในตอนบ่ายที่อากาศอุ่นกว่า
เครื่อง ยนต์เดิน เบาใน ตอนนี้เรียก Fast Idle คอมพิวเตอร์จะจ่ายน้ำมันมาก อัตราส่วนผสมแก่ (Rich Mixture) เพื่อช่วยเผาเครื่องยนต์ให้ร้อนเร็วนั่นเอง
หลังจากเครื่องยนต์อุ่นขึ้น Air Valve จะเริ่มหรี่ลง คอมพิวเตอร์จะลดอัตราส่วนผสมให้จางลง (Lean Mixture) รอบเครื่องยนต์ค่อย ๆ ลดลงจน
อุณหภูมิถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์ลิ้น Air Valve จะปิด รอบเครื่องยนต์จะลดลงมาเป็นปกติ ประมาณ 800 รอบ / นาทีเรียกว่า Normal Idle
กรรมวิธีในการอุ่นเครื่องจบลงตรงนี้ แต่ อุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป จนถึงอุณหภูมิทำงานตามปกติ Thermostat
เป็นกลไกอีกอันหนึ่งที่ช่วยในการ Warm Up เครื่องยนต์และรักษาอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ โดยการควบคุมการไหลวนเวียนของน้ำหล่อเย็น
ขับขี่อย่างไรให้ร้อนได้เร็วและสึกหรอน้อยที่สุด……
Do not try to warm up the engine by letting the vehicle stationary, drive off straight away, do not race the engine….
เป็น คำแนะนำที่จำมาจากหนังสือคู่มือการใช้รถ จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรการจอดอุ่นเครื่องอยู่กับที่เป็นวิธีการที่ล้าสมัย เพราะทำให้เครื่องร้อนช้าจึง แนะนำว่า
ท่านควรเตรียมการทุกอย่างให้ พร้อม เมื่อติดเครื่องแล้วจะต้องขับออกไปภายใน 10 วินาทีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน แต่การขับในช่วงนี้เป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อน
เครื่องยนต์ควร ทำงานเบา รอบเครื่องยนต์ไม่ควรเกิน 2000 รอบ / นาที ใช้ความเร็วสม่ำเสมอรถเกียร์ อัตโนมัติ จะไม่เข้าเกียร์ 4 หรือเกียร์ Overdrive
จนกว่าอุณหภูมิของ เครื่องยนต์เลย 130 องศาฟาเรนไฮต์ ไปแล้ว ซึ่งได้โปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ และเมื่อใดที่อุณหภูมิของเครื่อง ยนต์ถึงเกณฑ์ปกติ
ท่านจะขับอย่างไรก็ได้ตามนิสัยการขับ (Driving Habit) ที่ท่านชอบ เพราะ ในช่วงนี้การสึกหรอจะมีน้อยมาก
กรณีตัวอย่างที่น่ารู้…..
…..1. ตอนเย็นหลังจากเลิกงานแล้วท่านขับรถกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านจอดรถแล้วไปอาบน้ำพัก ผ่อน จนค่ำแล้วก่อนเข้านอนนึกขึ้นได้ว่าจอดรถไว้หน้าบ้าน
จึงลงมาติดเครื่องยนต์ขับรถเข้าไป จอดในโรงรถ Robert Sikorsky เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่าการสึกหรอในช่วงนี้เทียบเท่า
กับ การขับรถปกติเป็นระยะทางถึง 800 กิโลเมตร ตัวเลขนี้เชื่อได้ว่ามาจากผลการทดสอบจริง แต่ไม่มีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิของอากาศขณะนั้น
…..2. ถ้าบ้านของท่านเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีรถหลายคันใช้ร่วมกัน ควรเลือกใช้รถคัน ที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาใหม่ ๆ ที่เครื่องยังอุ่นอยู่
…..3. ถ้าท่านจะซื้อรถใช้แล้ว อย่าใช้เลขระยะทางเป็นตัวกำหนดสภาพรถแต่อย่างเดียวควร ตรวจสอบพฤติกรรมอื่น ๆ ประกอบด้วย
เช่น บ้านอยู่ห้องแถวกลางคืนเอารถเข้าจอดในบ้าน เช้าเลื่อนออกไปจอดริมถนน ต้องเลื่อนรถไป- มา เพื่อหาที่จอด
มีรถหลายคันบางคันไม่ค่อยได้ใช้ติดเครื่องเพื่อชาร์จแบตเตอรี่อยู่กับที่เป็นประจำ รู้มาก ยากนาน รู้น้อย พลอยรำคาญ…….
บทความดีๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถทุกๆ ท่านเลยนะครับ นำมาให้ได้อ่านกันครับผม .
credit : a31club.com like
การสึกหรอที่รุนแรง
ในการเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็น มีคนเพียงไม่กี่คนจะทราบว่าในการใช้รถแต่ละเที่ยว การสึกหรอเกิดขึ้นสูงมากถึง 95 % ใน
ตอน เริ่มเดินเครื่องขณะเครื่องเย็น หลังจากอุณหภูมิของเครื่องยนต์ร้อนถึงเกณฑ์ปกติแล้วการ สึกหรอมีน้อยมาก จนอาจกล่าวได้ว่าลืมไปได้เลย
ด้วยเหตุนี้วิศวกรจึงพยายามหาทางหลีกเลี่ยง การเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็น หรือเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นให้สั้นที่สุด โดยออกแบบให้มี
กลไกในการอุ่นเครื่องให้ร้อนได้เร็ว แนะนำผู้ขับขี่ควรจะปฏิบัติอย่างไรให้เครื่องร้อนเร็วและสึก หรอน้อยที่สุด
การสึกหรอของเครื่องยนต์ขณะเย็นเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
แทบ ทุกคนจะตอบว่า เพราะน้ำมันหล่อลื่นขึ้นมาหล่อเลี้ยงไม่ทันตอบอย่างนี้ ถูกแผ่ว ๆ ได้ 5 คะแนน ใน 100 คะแนน ลองมาดูสูตรทางเคมีข้างล่างนี้
…C8 H 18 + 12.5 O 2 8 CO 2 9 H 2O
เชื้อเพลิง (ออกเทน) +ออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ + น้ำ
….น้ำมัน เชื้อเพลิง 1 ลิตร เมื่อติดไฟแล้วจะได้น้ำ 1 ลิตร (หรือใกล้เคียง) หลายท่านคงเคยเห็นน้ำไหลออกมาจากท่อไอเสียตอนติดเครื่องใหม่ ๆ
ขณะที่ เครื่องยังเย็นอยู่ หลัง จากเครื่องร้อนแล้วน้ำจะหายไป ซึ่งเป็นเรื่องปกติ การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงในห้อง เผาไหม้ ภายใต้กำลังอัด และขณะที่ผนังสูบ (Cylinder Wall) ยังเย็นอยู่ ทำให้น้ำที่เกิดจาก ปฏิกิริยาทางเคมีนี้กลั่นตัวจับที่ผนังสูบ และไปทำลายฟิล์ม น้ำมันหล่อลื่น ทำให้เกิดการเสียดสี
ของโลหะกับโลหะ ระหว่างผนังสูบกับลูกสูบ และแหวนลูกลูบเกิดความฝืดและการสึกหรอสูง ทำให้ เครื่องยนต์มีประสิทธิภาพทางกลไก
(Mechanical efficiency) ต่ำมากในช่วงนี้ เมื่ออุณหภูมิของผนังสูบสูงขึ้น 130 องศาฟาเรนไฮต์ หรือสูงกว่า น้ำที่เกิดขึ้นจะไม่กลั่นตัว
คงเป็นไอน้ำออกไปกับไอเสีย ฟิล์มน้ำมันหล่อลื่นจะกลับคืนมา ความฝืดลดลงการสึกหรอลดลง ประสิทธิภาพทางกลไกดีขึ้น
จน เมื่อผนังสูบมีอุณหภูมิถึงระดับปกติที่เรียกว่า Operating Temperature ของเครื่องยนต์ การสึกหรอจะมีน้อยมากจนเรียกได้ว่าตัดทิ้งได้
ตอบอย่างนี้ได้ 100 คะแนนเต็ม….
….การ สึกหรอของเครื่องยนต์ในลักษณะนี้ เป็นได้กับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน (Internal Combustion Engine) ทุกชนิด ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน
และดีเซล….
…..ส่วน อื่น ๆ ของเครื่องยนต์ที่เป็นเพลา เช่นเพลาข้อเสือ เพลาก้านต่อ ไม่มีการสึกหรอ และไม่เกี่ยวข้องกับการสึกหรอตอนเริ่มเดินเครื่องยนต์
ขณะ เย็นเครื่องยนต์จึงมีจุดอ่อน อยู่ที่ การสึกหรอตอนเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นเครื่องยนต์จึงมีจุดอ่อนอยู่ที่ การสึกหรอของผนังสูบ ลูกสูบ แหวนลูกสูบ
สามารถตรวจสอบได้โดยวิธีวัด กำลังอัดในสูบเมื่อมีการสึกหรอมาก ๆ กำลัง อัดในสูบจะต่ำลงสูบที่ 1 เป็นบริเวณที่น้ำเย็นจากหม้อน้ำไหลเข้ากำลังอัดจะต่ำที่สุด
และค่อย เพิ่มมากขึ้นในสูบที่ 2 – 3 – 4 สูบสุดท้ายจะเป็นบริเวณที่น้ำร้อนไหลออกไปเข้าหม้อน้ำ กำลังอัดจะสูงกว่าสูบอื่น ๆ
อันตรายจากการกลั่นตัวของน้ำมีอย่างไรบ้าง….
….1. เกิดการสึกหรอที่ผนังสูบ ลูกสูบและแหวนลูกสูบ ตามที่กล่าวแล้ว
….2. น้ำจะไหลลงไปในห้องข้อเสื้อปนกับน้ำมันหล่อลื่น ทำให้เป็นเมือกเหนียวและทำลาย สารเพิ่มคุณภาพ (Additive) ในน้ำมันหล่อลื่น
แต่น้ำนี้จะระเหยออกไปได้เมื่อเครื่องยนต์ร้อน นานเพียงพอ(คนที่ใช้รถในระยะทางสั้นๆทุกวัน…ก็ถือว่าเป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์)
….3. กำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงจะเป็นออกไซด์เมื่อเผาไหม้ และเมื่อรวมตัวกับน้ำจะเป็น กรดกำมะถัน (ซัลฟูริก)
….. SO2 + 2H2 O = 2H 2SO4
….. ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ + น้ำ = กรดกำมะถัน
….. ทำให้น้ำมันหล่อลื่นเป็นกรด ดังนั้นน้ำมันหล่อลื่นทุกชนิดจะเป็นด่างไว้ก่อน โดยใส่สาร เพิ่มคุณภาพที่เป็นด่างเข้าไป เพื่อสู้กับกรดที่จะตามมา …
….4. กรดกำมะถัน จะไปกัดท่อไอเสียทำให้ผุกร่อน เมื่อน้ำไปกลั่นตัวที่ท่อไอเสีย
ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมาจะเกิดขึ้นในช่วงเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะเย็นแต่ละครั้งนาน เพียง 5-10 นาทีเท่านั้นสำหรับบ้านเราที่เป็นเมืองร้อน ในเมืองหนาวจะใช้เวลามากกว่า….. เมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดค่ากำมะถันในน้ำมันเชื้อเพลิงให้ลดลงมาเป็น 10 เท่าของค่ากำมะถันในน้ำมัน
เชื้อเพลิงเป็นตัวกำหนดราคาน้ำมันด้วย ทำให้น้ำมันแพงขึ้น มีการพูดกันว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้สูงเกินไปหรือเปล่า ? แต่การผุกร่อนของท่อไอเสียลดลงอย่างเห็นได้ชัด
มีกลไกอะไรในเครื่องยนต์ที่ช่วยในการอุ่นเครื่อง (Warm up)….
เครื่อง ของรถยนต์ไม่มีอุปกรณ์ในการอุ่นน้ำก่อนเดินเครื่อง แต่มีกลไกที่เมื่อเดินเครื่อง แล้วช่วยให้ร้อนได้เร็ว เครื่องยนต์สมัยใหม่ที่ใช้หัวฉีดควบคุมด้วย
คอมพิวเตอร์จะมีลิ้น Air Valve เปิด – ปิด ด้วยอุณหภูมิแบบ Thermowax เริ่มเปิดเมื่อ 140 องศาฟาเรนไฮต์ยิ่งเย็น มากก็จะเปิดกว้างมาก
เพื่อ ให้อากาศเข้าเครื่องยนต์มาก ดังนั้นการเริ่มเดินเครื่องยนต์ขณะที่ อากาศเย็น เช่น ในตอนเช้าจะหมุนเร็วกว่าในตอนบ่ายที่อากาศอุ่นกว่า
เครื่อง ยนต์เดิน เบาใน ตอนนี้เรียก Fast Idle คอมพิวเตอร์จะจ่ายน้ำมันมาก อัตราส่วนผสมแก่ (Rich Mixture) เพื่อช่วยเผาเครื่องยนต์ให้ร้อนเร็วนั่นเอง
หลังจากเครื่องยนต์อุ่นขึ้น Air Valve จะเริ่มหรี่ลง คอมพิวเตอร์จะลดอัตราส่วนผสมให้จางลง (Lean Mixture) รอบเครื่องยนต์ค่อย ๆ ลดลงจน
อุณหภูมิถึง 140 องศาฟาเรนไฮต์ลิ้น Air Valve จะปิด รอบเครื่องยนต์จะลดลงมาเป็นปกติ ประมาณ 800 รอบ / นาทีเรียกว่า Normal Idle
กรรมวิธีในการอุ่นเครื่องจบลงตรงนี้ แต่ อุณหภูมิของเครื่องยนต์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป จนถึงอุณหภูมิทำงานตามปกติ Thermostat
เป็นกลไกอีกอันหนึ่งที่ช่วยในการ Warm Up เครื่องยนต์และรักษาอุณหภูมิทำงานของเครื่องยนต์ โดยการควบคุมการไหลวนเวียนของน้ำหล่อเย็น
ขับขี่อย่างไรให้ร้อนได้เร็วและสึกหรอน้อยที่สุด……
Do not try to warm up the engine by letting the vehicle stationary, drive off straight away, do not race the engine….
เป็น คำแนะนำที่จำมาจากหนังสือคู่มือการใช้รถ จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรการจอดอุ่นเครื่องอยู่กับที่เป็นวิธีการที่ล้าสมัย เพราะทำให้เครื่องร้อนช้าจึง แนะนำว่า
ท่านควรเตรียมการทุกอย่างให้ พร้อม เมื่อติดเครื่องแล้วจะต้องขับออกไปภายใน 10 วินาทีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน แต่การขับในช่วงนี้เป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อน
เครื่องยนต์ควร ทำงานเบา รอบเครื่องยนต์ไม่ควรเกิน 2000 รอบ / นาที ใช้ความเร็วสม่ำเสมอรถเกียร์ อัตโนมัติ จะไม่เข้าเกียร์ 4 หรือเกียร์ Overdrive
จนกว่าอุณหภูมิของ เครื่องยนต์เลย 130 องศาฟาเรนไฮต์ ไปแล้ว ซึ่งได้โปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ และเมื่อใดที่อุณหภูมิของเครื่อง ยนต์ถึงเกณฑ์ปกติ
ท่านจะขับอย่างไรก็ได้ตามนิสัยการขับ (Driving Habit) ที่ท่านชอบ เพราะ ในช่วงนี้การสึกหรอจะมีน้อยมาก
กรณีตัวอย่างที่น่ารู้…..
…..1. ตอนเย็นหลังจากเลิกงานแล้วท่านขับรถกลับบ้าน เมื่อถึงบ้านจอดรถแล้วไปอาบน้ำพัก ผ่อน จนค่ำแล้วก่อนเข้านอนนึกขึ้นได้ว่าจอดรถไว้หน้าบ้าน
จึงลงมาติดเครื่องยนต์ขับรถเข้าไป จอดในโรงรถ Robert Sikorsky เขียนไว้ในหนังสือของเขาว่าการสึกหรอในช่วงนี้เทียบเท่า
กับ การขับรถปกติเป็นระยะทางถึง 800 กิโลเมตร ตัวเลขนี้เชื่อได้ว่ามาจากผลการทดสอบจริง แต่ไม่มีรายละเอียดอื่น ๆ เช่น อุณหภูมิของอากาศขณะนั้น
…..2. ถ้าบ้านของท่านเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีรถหลายคันใช้ร่วมกัน ควรเลือกใช้รถคัน ที่เพิ่งผ่านการใช้งานมาใหม่ ๆ ที่เครื่องยังอุ่นอยู่
…..3. ถ้าท่านจะซื้อรถใช้แล้ว อย่าใช้เลขระยะทางเป็นตัวกำหนดสภาพรถแต่อย่างเดียวควร ตรวจสอบพฤติกรรมอื่น ๆ ประกอบด้วย
เช่น บ้านอยู่ห้องแถวกลางคืนเอารถเข้าจอดในบ้าน เช้าเลื่อนออกไปจอดริมถนน ต้องเลื่อนรถไป- มา เพื่อหาที่จอด
มีรถหลายคันบางคันไม่ค่อยได้ใช้ติดเครื่องเพื่อชาร์จแบตเตอรี่อยู่กับที่เป็นประจำ รู้มาก ยากนาน รู้น้อย พลอยรำคาญ…….
บทความดีๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้รถทุกๆ ท่านเลยนะครับ นำมาให้ได้อ่านกันครับผม .
credit : a31club.com like
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Liverpool(ชาติ) ที่ เมษายน 20, 2012, 01:49:00 am
smile.. smile.. smile.. สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Suriya(PaC) ที่ เมษายน 20, 2012, 08:37:45 am
ขอบคุณครับ ป๋าดรีม งั้นปาผมเครื่องยนต์ต้องทนทานมาก เพราะสตาร์ททีไร แป็บเดียวเครื่องร้อนมากเลย smile..
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Takab ที่ เมษายน 20, 2012, 09:09:30 am
like like like ขอบคุณคร้าบบ heart heart heart
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Tee_Kb ที่ เมษายน 20, 2012, 09:21:19 am
like like like สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: thekop07 ที่ เมษายน 20, 2012, 09:26:30 am
ขอบคุณครับป๋าดรีม ... good สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: BigFather ที่ เมษายน 20, 2012, 10:14:58 am
เพิ่งได้อ่านข้อมูลสนับสนุนวันนี้นี่เอง หลังจากที่ปฏิบัติแบบนี้มานานตั้งแต่รถคันเก่า
คือสตาร์ทรถแล้วอัญเชิญผู้โดยสารขึ้น (2 นาที) ออกตัวไปช้าๆเรื่อยๆ ชิดซ้ายไว้ แซงได้แซงไป เด๋วไปเอาคืนทีหลัง
คือสตาร์ทรถแล้วอัญเชิญผู้โดยสารขึ้น (2 นาที) ออกตัวไปช้าๆเรื่อยๆ ชิดซ้ายไว้ แซงได้แซงไป เด๋วไปเอาคืนทีหลัง
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Iyaa Diesel ที่ เมษายน 20, 2012, 10:20:41 am
like like like like
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
สาธุ สาธุ สาธุ good good good
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล
สาธุ สาธุ สาธุ good good good
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: GUNT@NERY ที่ เมษายน 20, 2012, 10:33:11 am
โชคดีไป ผมชอบขับรถเร็ว....เลยชอบอุ่นเครื่องก่อน 5 นาที ก่อนออก จน ผบ.ชอบว่า จะรีบสตาร์ทไปใหน
ส่วน ผบ. ขับรถไม่เร็ว แต่เจ่แก ติดแล้วไปเลย แล้วรีบดับเครื่อง กลัวเปลือง 555
ส่วน ผบ. ขับรถไม่เร็ว แต่เจ่แก ติดแล้วไปเลย แล้วรีบดับเครื่อง กลัวเปลือง 555
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: เอกเอนกประสงค์ No.32 ที่ เมษายน 20, 2012, 10:34:42 am
like like like like
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Nakavabi ที่ เมษายน 20, 2012, 11:49:14 am
like like like
สาธุ สาธุ สาธุ
สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: jamis (ป๊อบ) ที่ เมษายน 20, 2012, 12:03:50 pm
สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ เมษายน 20, 2012, 12:07:30 pm
ขับขี่อย่างไรให้ร้อนได้เร็วและสึกหรอน้อยที่สุด……
Do not try to warm up the engine by letting the vehicle stationary, drive off straight away, do not race the engine….
เป็น คำแนะนำที่จำมาจากหนังสือคู่มือการใช้รถ จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรการจอดอุ่นเครื่องอยู่กับที่เป็นวิธีการที่ล้าสมัย เพราะทำให้เครื่องร้อนช้าจึง แนะนำว่า
ท่านควรเตรียมการทุกอย่างให้ พร้อม เมื่อติดเครื่องแล้วจะต้องขับออกไปภายใน 10 วินาทีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน แต่การขับในช่วงนี้เป็นวิธีการที่ละเอียดอ่อน
เครื่องยนต์ควร ทำงานเบา รอบเครื่องยนต์ไม่ควรเกิน 2000 รอบ / นาที ใช้ความเร็วสม่ำเสมอรถเกียร์ อัตโนมัติ จะไม่เข้าเกียร์ 4 หรือเกียร์ Overdrive
จนกว่าอุณหภูมิของ เครื่องยนต์เลย 130 องศาฟาเรนไฮต์ ไปแล้ว ซึ่งได้โปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ และเมื่อใดที่อุณหภูมิของเครื่อง ยนต์ถึงเกณฑ์ปกติ
ท่านจะขับอย่างไรก็ได้ตามนิสัยการขับ (Driving Habit) ที่ท่านชอบ เพราะ ในช่วงนี้การสึกหรอจะมีน้อยมาก
credit : a31club.com like
ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ
สำหรับปาเจโร่ สปอต์ ให้ขับจนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง และห้องเกียร์ ได้ที่ 180+ องศาฟาเรนไฮต์ แล้วค่อยเร่งความเร็ว ตามใจปราถนากันได้เลย
เพราะเกียร์ออโต้ จะพร้อมทำงานเต็มที่และรองรับแรงบิดได้ดีที่สุด
**ลองสังเกตุดูว่า หากเครื่องเย็นๆ จะพบอาการเกียร์กระตุก เกียร์ไม่เปลี่ยน เร่งแล้วบางทีมีแต่รอบ รถตื้อๆ กระแทกคันเร่งเมื่อไหร่ วิ่งไม่ค่อยต่อเนื่องดีพอ จนกว่าเครื่องยนต์จะร้อนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ครับ
note : 180 - 32 x 5 / 9 = 82 องศา C
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Rin Diesel & Gasoline 4WD ที่ เมษายน 20, 2012, 12:17:02 pm
ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ
สำหรับปาเจโร่ สปอต์ ให้ขับจนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง และห้องเกียร์ ได้ที่ 180+ องศาฟาเรนไฮต์ แล้วค่อยเร่งความเร็ว ตามใจปราถนากันได้เลย
เพราะเกียร์ออโต้ จะพร้อมทำงานเต็มที่และรองรับแรงบิดได้ดีที่สุด
**ลองสังเกตุดูว่า หากเครื่องเย็นๆ จะพบอาการเกียร์กระตุก เกียร์ไม่เปลี่ยน เร่งแล้วบางทีมีแต่รอบ รถตื้อๆ กระแทกคันเร่งเมื่อไหร่ วิ่งไม่ค่อยต่อเนื่องดีพอ จนกว่าเครื่องยนต์จะร้อนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ครับ
note : 180 - 32 x 5 / 9 = 82 องศา C
like like likeสำหรับปาเจโร่ สปอต์ ให้ขับจนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง และห้องเกียร์ ได้ที่ 180+ องศาฟาเรนไฮต์ แล้วค่อยเร่งความเร็ว ตามใจปราถนากันได้เลย
เพราะเกียร์ออโต้ จะพร้อมทำงานเต็มที่และรองรับแรงบิดได้ดีที่สุด
**ลองสังเกตุดูว่า หากเครื่องเย็นๆ จะพบอาการเกียร์กระตุก เกียร์ไม่เปลี่ยน เร่งแล้วบางทีมีแต่รอบ รถตื้อๆ กระแทกคันเร่งเมื่อไหร่ วิ่งไม่ค่อยต่อเนื่องดีพอ จนกว่าเครื่องยนต์จะร้อนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ครับ
note : 180 - 32 x 5 / 9 = 82 องศา C
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: id-ap ที่ เมษายน 20, 2012, 01:04:40 pm
ได้ความรู้ดีครับเยี่ยมเลย
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pajerosportman ที่ เมษายน 20, 2012, 04:42:38 pm
ถ้าไม่...อุ่น...เครื่องอาจจะเสียใด้ faintขนาดแกงยังเสีย แล้วเครื่องจะไปเหลืออะไร asleep
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: [~DREAM~] ที่ เมษายน 20, 2012, 05:56:13 pm
ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ
สำหรับปาเจโร่ สปอต์ ให้ขับจนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง และห้องเกียร์ ได้ที่ 180+ องศาฟาเรนไฮต์ แล้วค่อยเร่งความเร็ว ตามใจปราถนากันได้เลย
เพราะเกียร์ออโต้ จะพร้อมทำงานเต็มที่และรองรับแรงบิดได้ดีที่สุด
**ลองสังเกตุดูว่า หากเครื่องเย็นๆ จะพบอาการเกียร์กระตุก เกียร์ไม่เปลี่ยน เร่งแล้วบางทีมีแต่รอบ รถตื้อๆ กระแทกคันเร่งเมื่อไหร่ วิ่งไม่ค่อยต่อเนื่องดีพอ จนกว่าเครื่องยนต์จะร้อนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ครับ
note : 180 - 32 x 5 / 9 = 82 องศา C
โอ้วว ขอบคุณครับผม
ไว้อ่านเจอข้อมูลดีๆ จะทะยอยมาลงเรื่อยๆครับ บ้านเราจะได้มีข้อมูลเยอะๆครับ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Dragon ที่ เมษายน 21, 2012, 08:58:21 pm
ได้ความรู้จากป่าดรีมและป๋านะอีกแล้ว....ขอบคุณครับ.. สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ปลากรอบ(GOFF) ที่ เมษายน 21, 2012, 10:21:04 pm
ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ
สำหรับปาเจโร่ สปอต์ ให้ขับจนอุณหภูมิน้ำที่อุ่นเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง และห้องเกียร์ ได้ที่ 180+ องศาฟาเรนไฮต์ แล้วค่อยเร่งความเร็ว ตามใจปราถนากันได้เลย
เพราะเกียร์ออโต้ จะพร้อมทำงานเต็มที่และรองรับแรงบิดได้ดีที่สุด
**ลองสังเกตุดูว่า หากเครื่องเย็นๆ จะพบอาการเกียร์กระตุก เกียร์ไม่เปลี่ยน เร่งแล้วบางทีมีแต่รอบ รถตื้อๆ กระแทกคันเร่งเมื่อไหร่ วิ่งไม่ค่อยต่อเนื่องดีพอ จนกว่าเครื่องยนต์จะร้อนแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ครับ
note : 180 - 32 x 5 / 9 = 82 องศา C
ว่าจะถามป๋าอยู่เชียว ว่าทำไมบางทีเครื่องเร่งไม่ขึ้นเลย แต่พอขับไปซักพักดีขึ้น ขอบพระคุณ ทั้ง2ป๋าด้วยครับ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: pucca32 ที่ เมษายน 23, 2012, 07:36:33 pm
like like like like
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: chalerm no.437 ที่ เมษายน 23, 2012, 08:51:31 pm
ขอบคุณครับ..เป็นความรู้ที่ดีมากเลยครับ.. สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: kinda-iji ที่ เมษายน 23, 2012, 09:26:16 pm
like ได้ความรู้ชัดเจนมากมาย สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Sanfever ที่ เมษายน 23, 2012, 09:50:13 pm
ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดีดีครับ like like like heart heart heart
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: dismo ที่ เมษายน 23, 2012, 10:24:06 pm
เห็นด้วย กับ การอุ่นเครื่อง ทุกเช้าครับ
ขอเสริม นิดนึงครับ
ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง เบอร์ 40 ต้องอุ่นนานหน่อย
แต่ถ้าใช้เบอร์ 30 ไม่ต้องอุ่นนานเท่า (ฟอร์จูนเนอร์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที )
( แต่ไม่ได้หมายความว่า เบอร์ 30 ดีกว่า เบอร์ 40 นะแล้วแต่การใช้งานครับ )
ผมดุจาก OIL PRESS ครับ (ที่ติดเพราะ กลัวอ่างบุบ ฝักบัว เดี๊ยงอะ )
OIL PRESS ใช้งาน (น้ำมันเครื่่องหล่อลื่นทุกระบบอย่างสมบูรณ์ 100 % ) สำหรับรถผม รอบเดินเบาอยู่ที่ 80 Kpa (0.8 Bar ) ครับ
ถ้ารีบ ผมอุ่นถึงแค่ 200 Kpa ( 2 Bar ) ก้อเคลื่อนรถครับ
แต่ถ้าพอมีเวลา จะอุ่นให้ถึง 150 Kpa (1.5 Bar ) หล่อลื่นทั่วถึงพร้อมใช้งานประมาณ 50 % eie
ปล. ไม่ต้อง CRAZY อย่างผมนะ เดี๋ยวไปทำงานสาย :D
ขอเสริม นิดนึงครับ
ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง เบอร์ 40 ต้องอุ่นนานหน่อย
แต่ถ้าใช้เบอร์ 30 ไม่ต้องอุ่นนานเท่า (ฟอร์จูนเนอร์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที )
( แต่ไม่ได้หมายความว่า เบอร์ 30 ดีกว่า เบอร์ 40 นะแล้วแต่การใช้งานครับ )
ผมดุจาก OIL PRESS ครับ (ที่ติดเพราะ กลัวอ่างบุบ ฝักบัว เดี๊ยงอะ )
OIL PRESS ใช้งาน (น้ำมันเครื่่องหล่อลื่นทุกระบบอย่างสมบูรณ์ 100 % ) สำหรับรถผม รอบเดินเบาอยู่ที่ 80 Kpa (0.8 Bar ) ครับ
ถ้ารีบ ผมอุ่นถึงแค่ 200 Kpa ( 2 Bar ) ก้อเคลื่อนรถครับ
แต่ถ้าพอมีเวลา จะอุ่นให้ถึง 150 Kpa (1.5 Bar ) หล่อลื่นทั่วถึงพร้อมใช้งานประมาณ 50 % eie
ปล. ไม่ต้อง CRAZY อย่างผมนะ เดี๋ยวไปทำงานสาย :D
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Na ratchada ที่ เมษายน 24, 2012, 01:41:36 pm
ได้ความรู้ดีครับเยี่ยมเลย
หวัดดีป๋าตี่ เริ่มสนุกแล้วใช่ไหม อิ อิ smile..
ถ้าไม่...อุ่น...เครื่องอาจจะเสียใด้ faintขนาดแกงยังเสีย แล้วเครื่องจะไปเหลืออะไร asleep
***ของบางอย่าง ต้องอุ่น ต้องร้อน ต้องวอมม์ ต้องเล้าโลม................ ถึงจะมันส์และผาดโผนได้
**แต่ก็มีของบางอย่าง ต้องแช่ ต้องเย็น ต้องแข็ง................. ถึงจะใช้งานได้ดีครับ
เป็นข้อมูลยามบ่าย eie eie eie
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: GUNT@NERY ที่ เมษายน 24, 2012, 01:51:51 pm
ได้ความรู้ดีครับเยี่ยมเลย
หวัดดีป๋าตี่ เริ่มสนุกแล้วใช่ไหม อิ อิ smile..
ถ้าไม่...อุ่น...เครื่องอาจจะเสียใด้ faintขนาดแกงยังเสีย แล้วเครื่องจะไปเหลืออะไร asleep
***ของบางอย่าง ต้องอุ่น ต้องร้อน ต้องวอมม์ ต้องเล้าโลม................ ถึงจะมันส์และผาดโผนได้
**แต่ก็มีของบางอย่าง ต้องแช่ ต้องเย็น ต้องแข็ง................. ถึงจะใช้งานได้ดีครับ
เป็นข้อมูลยามบ่าย eie eie eie
ผมชอบตรงแข็งนี่แหละครับ 555
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ปาอ้วน ที่ เมษายน 25, 2012, 07:20:11 am
like like like สาธุ สาธุ สาธุ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: ปุ่น-ภูเก็ต ที่ เมษายน 25, 2012, 01:41:29 pm
ได้ความรู้ดีครับเยี่ยมเลย
หวัดดีป๋าตี่ เริ่มสนุกแล้วใช่ไหม อิ อิ smile..
ถ้าไม่...อุ่น...เครื่องอาจจะเสียใด้ faintขนาดแกงยังเสีย แล้วเครื่องจะไปเหลืออะไร asleep
***ของบางอย่าง ต้องอุ่น ต้องร้อน ต้องวอมม์ ต้องเล้าโลม................ ถึงจะมันส์และผาดโผนได้
**แต่ก็มีของบางอย่าง ต้องแช่ ต้องเย็น ต้องแข็ง................. ถึงจะใช้งานได้ดีครับ
เป็นข้อมูลยามบ่าย eie eie eie
อืมส์ มันส์ smile..
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: praphan48 ที่ ธันวาคม 18, 2013, 09:55:45 am
น้องปาของผม เจอตอนเช้าวันนี้เอง เร่งไม่ขึ้น (อุณหภูมิ ประมาณ 14 องศา ที่ สันกำแพง เชียงใหม่) คงต้องอุ่นเครื่องนานอีกอิดครับ พอเครื่องร้อน ก็เมื่อก็ปกติครับ แต่ความรู้สึกยังมีสดุดตอนออกตัวไฟเขียวครับ
จะรอดูพรุ่งนี้อีกทีว่าเป็นอีกหรือเปล่า
จะรอดูพรุ่งนี้อีกทีว่าเป็นอีกหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: praphan48 ที่ ธันวาคม 19, 2013, 09:35:21 am
วันนี้อุ่นเครื่องประมาณ 15 นาที ก่อนออกรถเปิดแอร์ auto อากาศช่างอบอุ่นดีจริง ๆ คลายหนาวไปได้มาก ไอ้ตัวเล็กที่พาไปโรงเรียนอนุบาลรู้สึกมีความสุขดีจัง อ้อ เครื่องยนต์ปกติครับ
เมื่อวานเปิดแอร์ auto (อุ่นเครื่อง ไม่ถึง 5 นาที ออกรถเลย) คิดเอาเองว่ามันมีผลต่อเครื่องทำให้เร่งไม่ขึ้นด้วย เลยปิดแอร์ เปิดกระจก ไอ้ตัวเล็กบ่นหนาว ต้องปิดกระจกจนถึงโรงเรียน
ตอนเย็นไปรับไอ้ตัวเล็ก รู้สึกว่าตอนเร่งเครื่องแซง จะมีควันดำออกจากท่อไอเสียมาก ๆ (ดูกระจกหลังขณะแซง) สักพักก็หายครับ ผมขับไม่เกิน 80-100 ครับ เพราะรถมากตามกันเป็นขบวน
หน้าหนาวคงต้องอุ่นเครื่องนาน ๆ แล้วครับ
เมื่อวานเปิดแอร์ auto (อุ่นเครื่อง ไม่ถึง 5 นาที ออกรถเลย) คิดเอาเองว่ามันมีผลต่อเครื่องทำให้เร่งไม่ขึ้นด้วย เลยปิดแอร์ เปิดกระจก ไอ้ตัวเล็กบ่นหนาว ต้องปิดกระจกจนถึงโรงเรียน
ตอนเย็นไปรับไอ้ตัวเล็ก รู้สึกว่าตอนเร่งเครื่องแซง จะมีควันดำออกจากท่อไอเสียมาก ๆ (ดูกระจกหลังขณะแซง) สักพักก็หายครับ ผมขับไม่เกิน 80-100 ครับ เพราะรถมากตามกันเป็นขบวน
หน้าหนาวคงต้องอุ่นเครื่องนาน ๆ แล้วครับ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: supat19 ที่ ธันวาคม 19, 2013, 02:03:13 pm
:D ผมจะอุ่นเครื่องเหมือนรถ F-1 ครับ สตาร์ทปล่อยไว้ซัก 2-3 นาที ให้น่้ามันเครื่องเกาะลูกสูบสักหน่อย ก่อนจะออกตัวก็
กดคันเร่ง แบบกดนิดเดียวแล้วปล่อยเลย บรึ๊ม-บรึ๊ม-บรึ๊ม- เป็นจังหวะซัก 10-15 ที แล้วค่อยออกตัวไหลช้าๆก่อน และบนถนนซอยหน้าบ้านก็หักโยกซ้าย-ขวา สัก 4-5 โยก
อุ่นหน้ายางมันสักหน่อย หลังจากนั้นก็ไปจอดเตรียมออกตัวที่ไฟแดง คราวนี้ก็รอให้ไฟแดงดับแล้วก็ดูซักหน่อยก่อนว่าไม่มีรถฝ่าไฟแดงมาก็ เหยียบโลด
กดคันเร่ง แบบกดนิดเดียวแล้วปล่อยเลย บรึ๊ม-บรึ๊ม-บรึ๊ม- เป็นจังหวะซัก 10-15 ที แล้วค่อยออกตัวไหลช้าๆก่อน และบนถนนซอยหน้าบ้านก็หักโยกซ้าย-ขวา สัก 4-5 โยก
อุ่นหน้ายางมันสักหน่อย หลังจากนั้นก็ไปจอดเตรียมออกตัวที่ไฟแดง คราวนี้ก็รอให้ไฟแดงดับแล้วก็ดูซักหน่อยก่อนว่าไม่มีรถฝ่าไฟแดงมาก็ เหยียบโลด
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Lunla ที่ ธันวาคม 26, 2013, 10:39:31 am
smile.. smile..
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: kamol ที่ มกราคม 20, 2014, 10:26:43 pm
ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: **ทำไมต้องอุ่นเครื่อง เพื่ออะไรมาดูกัน
เริ่มหัวข้อโดย: moocbr ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2014, 07:03:54 pm
like like like like like
