Pajero Sport-Thailand ปาเจโร่สปอร์ตไทยแลนด์

สืบเนื่องจาก ปาปอด เป็นรถกินจุ บวกกับสถานการณ์ตอนนี้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ไม่แน่ต่อไปเราอาจจะเห็นราคาน้ำมันดิบไปแตะที่ 150$/barrel
ป๋าๆ แต่ละท่านมีไอเดีย ข้อเสนอแนะอะไรกันบ้างครับ สำหรับการแต่งรถและการขับขี่เพื่อเน้นความประหยัด อยากฟังหลายๆ เสียง หลายๆ ความคิดเห็นครับ

ข้อมูลรถ
2.5 VG เปลี่ยนใส่ล้อ 18" ล้อใหม่เบากว่าล้อเดิม 17" ส่วนยางเป็นไซส์ 265 หน้ากว้างกว่าของเดิม คิดคำนวณแล้วกินน้ำมันเยอะกว่าเดิมนิดหน่อยครับ
อย่างอื่นยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มแต่ก็มีโครงการอยู่ในใจไว้แล้วว่าจะทำอะไรบ้าง เช่น กล่องดันราง อุด EGR เดินท่อใหม่ทั้งเส้น (ขอศึกษาข้อมูลเรื่องท่อไปก่อน)

ลักษณะการขับขี่ส่วนตัว
- ส่วนใหญ่จะขับทาง 4 เลน ตจว มีเข้าในเมืองบ้าง ปะปนกันไป
- ผมเน้นขับไม่เกิน 2000 รอบทุกกรณียกเว้นเร่งแซง หรือขับที่ความเร็วประมาณ 90-100 ด้วยความเร็วคงที่
- ปุ่ม cruise control ที่เรียกใช้ค่าความเร็วเดิมที่เราตั้งค่าไว้ ผมจะกดก็ต่อเมื่อเร่งความเร็วขึ้นไปอย่างละเมียดจนถึงความเร็วที่ตั้งไว้ เคยกดที่ความเร็วต่ำๆ แล้วเครื่องจะเร่งเองอย่างรวดเร็วไปเกือบๆ 3000 รอบ ไม่ค่อยชอบแบบนี้เท่าไหร่ครับ
- ผมขับเรื่อยๆ ไม่ค่อยแตะเบรค ไม่ขับจี้ท้ายรถคันหน้า แต่จะชลอความเร็วตั้งแต่ไกล ถ้าใช้ cruise control อยู่ก็จะไม่แตะเบรค แต่จะค่อยๆ ลดความเร็วลงจากปุ่มกดแล้วค่อยกดบวกความเร็วขึ้นไปครับ
- ถ้าเห็นไฟแดงตั้งแต่ไกลก็จะปล่อยคันเร่ง ปล่อยให้รถไหล จะเบรคเมื่อใกล้ถึงแยก ผมเบรคเลี้ยงไปเรื่อยๆ นิ่มๆ ครับ ถ้าผ่านไฟแดงได้โดยรถไม่หยุดนิ่งก็ดีไปครับ ไม่ต้องมาเร่งใหม่ 

 :D :D :D

 like like
   ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม  ผมก็พยายามขับแบบนั้นเสมอ  แต่บางทีก็ยืดเส้นยืดสายบ้างเวลาทางโล่งๆ :D

ตามสเต็ปที่ป๋าว่ามา ก็เนียนมากแล้วครับ... จะพยายามเอาไปทำบ้างครับ  :D

like like like

 like
ผมก็พาปาปอดไปยืดเส้นยืดสาย ทุกๆ 1-2 อาทิตย์ หน้าบ้านเป็นถนนสี่เลน กลางคืนโล่งๆ ไม่มีรถ ผมขับในโหมด sport ครับ แต่ละเกียร์กดให้เกือบ red line เหยียบมิดคันเร่งแช่ 190 ประมาณนาทีนึงก็นานพอครับ เสียวๆ เหมือนกัน  hi

เหมือนกันเลยครับพี่อี๊ด แต่ตอน Cruise Control ผมใช้วิธิปิดเลย เพื่อให้รถไหล แล้วก็ค่อยๆ เลี้ยงคันเีร่งไปถึงความเร็วที่เราต้องการก่อนเปิด Cruise Control ใหม่...
รอบเครื่องส่วนมากก็ไม่ให้เกิน 2,000 เว้นแต่แซง...



ออ... วิีธีการเปลี่ยนเกียร์ผมติดขับเกียร์ธรรมดา ก็เลยใช้วิธีค่อยๆ กดคันเร่งจนถึงรอบเปลี่ยนเกียร์ แล้วปล่อยคันเร่ง เกียร์ก็จะเปลี่ยนขึ้นเอง ทำอย่างนี้ไปถึงเกียร์ 5 โดยความเร็วเท่าที่ได้จะประมาณ 60 กม./ชม. ก็เกียร์ 5 แล้ว... และค่อยๆ ไหลความเร็วขึ้น ไม่รีบร้อน... แต่อย่าไปขวางคันข้่างหลัง... ถ้าระยะทางไกลๆ เท่าที่ทำได้มากสุดคือ เติม 500 บาทจากหมดถัง และขับไปเติมต่อที่เกจ์น้ำมันเท่าเดิม (หมดถังเหมือนเดิม) วิ่งได้ระยะทาง 340 กม. แต่ถ้ารถติดแบบค่อยๆ ไหล ยังไงก็ไม่ได้...


 sorry

เเค่นี้ก็เยี่ยมเเล้วครับ ผมได้มาถังเเรกนี่หมดไปไวมากกับครูซ เพราะสนุกกับการเพิ่ม ลด ความเร็วด้วยปุ่มกด
กลายเป็นกินน้ำมันมากกกกกก เพราะบทมันเร่ง มันเร่งเหมือนเรากระทืบคันเร่ง
บทมันลด มันลดโดยการรั้งรอบ 5555

ยิ่งขับวงเเหวนอุตสาหกรรม สะพานข้ามเเม่น้ำ ก็ยังทะลึ่งใช้ครูซ 555 อยากลองอ่ะครับว่างั้น
เเต่ถังสองนี่ก็ไม่ค่อยละ เท้าอย่างเดียว
เเล้วก็หันมาปรับลักษณะการขับขี่โดยการปล่อยไหล ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการสูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ เช่น การเร่งเเซงไปติดไฟเเดง การขับเร็วๆ ไปเข้าคิวจ่ายค่าผ่านทาง ฯลฯ
ลองขับช้าๆดู เออ ข้างๆเรานี่มันก็คันที่กดร้อยสี่ร้อยห้านี่หว่า ... สุดท้ายก็มาติดเท่ากัน
เรียกได้ว่า เจ้าปาอ้วนสอนผมเยอะครับ อิอิ

ปล. วิธีที่ป๋าใช้อยู่ ก็สุดยอดอย่างที่ป๋าเเจ๊คว่าเเล้วครับ ผมจะลองเก็บเอาไปทำบ้าง like

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับป๋า
500 บาทจากหมดถังวิ่งได้ 340 กม. ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ นับถือๆ  Satu

 good จริงครับ ผมเห็นด้วย บางคันหรือแม้กระทั่งตัวผมเองบางครั้งก็ขับซะเร็ว เมื่อเร็วมาก บางจังหวะจำเป็นต้องผ่อนหรือต้องเบรค สุดท้ายแล้วติดไฟแดงเหมือนกันกับคันที่แซงมา

ของผมขับแต่ในเมือง ยากที่จะประหยัดจริงๆครับ เดี๋ยวลดติด เดี๋ยวรถติด ใครมีวิธีขับในเมืองบ้างครับผม

ของผมครึ่งถัง หรือประมาณ 1,000 บาท เนี่ย วิ่งในเมืองได้เกือบๆ 300 กม. เอง จะบ้าตายยย ;)

ขับในเมืองรถติดมากๆ ก็คงประหยัดด้วยวิธึ..... รถเมถ์ รถตู้ รถไฟฟ้า รับรองน้องปาฯน้ำมันไม่พร่อง  :D :D :D

ขับแบบปกติครับ เป็นตัวของตัวเรา  ไม่เหยียบแบบกระโชกโฮกฮากเท่านั้นเอง       

มีการบันทึกค่าอะไรผิดผลาดหรือเปล่าครับป๋า ผมลองคำนวณดูไม่รู้ว่าช่วงที่เติมน้ำมันลิตรละเท่าไหร่ ผมประมาณเอาว่า 30 บาท/ลิตร เติม 500 บาทก็จะเท่ากับ 500/30 = 16.67 ลิตร วิ่งได้ 340 กม. แสดงว่าอัตราสิ้นเปลืองเท่ากับ 340/16.67 ตกประมาณ 21 กม./ลิตรเลยน่ะครับ

อยากทราบว่าขับแบบ จขกท ข้างบนแล้ว ได้กี่กิโลเมตรต่อลิตร ครับ จขกท ช่วยมาตอบให้หน่อยครับ

เคยคำนวณคร่าวๆ ตอนออกรถใหม่ เดิมๆ ยังไม่ได้ทำอะไร เฉลี่ยอยู่ประมาณเกือบ 10 ก.ม./ลิตร ครับ ที่ความเร็วรอบคงที่ 2000 น่ะครับ ผู้โดยสาร 5 คนรวมคนขับครับ
หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนล้อมา รู้สึกจะซดน้ำมันไปนิดน่ะครับ  oop

การคำนวณระยะทางจากการเติมน้ำมัน หมดถังนี่ หมายถึงหมดจริง ๆ หรือว่าเติมจากจุดที่ไฟเตือนเริ่มติดครับ
เพราะถ้าคิดจากตำแหน่งนี้ไม่ได้ค่าที่แน่นอน ไฟเริ่มเตือนนี่ในคู่มือบอกจะมีน้ำมันในถังอีกประมาณ 10 ลิตร (ไม่แน่ใจนะครับ เพราะตอนนี้ไม่มีคู่มือ) และระดับการเตือนในถังที่เซ็ทมาอาจคลาดเคลื่อน การโยกขึ้นลงของรถก็มีผลต่อการเตือนระดับน้ำมันในถัง
รถผมสเปคบอกว่าเต็มถัง 70 ลิตร ผมวิ่งจนไฟเตือนติดแล้วฝืนวิ่งต่อไปอีกสิบกว่ากิโลเมตร แล้วจึงเติมน้ำมันจนหัวจ่ายตัด หมายถึงเต็ม ได้ประมาณห้าสิบสามลิตร จากนั้นผมวิ่งใช้งานจนกระทั่งไฟเตือนอีกครั้ง ก็เฉลี่ยระยะทางประมาณ 530-550 กิโลเมตร เท่านั้นเอง ซึ่งถ้าคิดจากปริมาณน้ำมันที่เิติม 50 กว่าลิตร เฉลี่ยได้ 10 กม/ลิตร แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับสำหรับ 3.2 GT

 like ขอบคุณครับ ผมเองก็ไม่รู้ว่าไฟเตือนโชว์ตอนน้ำมันเหลือเท่าไหร่ จะได้จำไว้ว่าไฟเตือนตอนเหลือประมาณ 10 ลิตรครับ  good

ผมติด Monster Guage ครับ ตอนนี้ใช้ดูอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเป็นหลัก แต่ว่ามีแค่ mode real time ซึ่งจะแสดงค่าจริงณ.เวลานั้น  แต่ก็ดีเพราะเห็นๆเลยว่าขับแบบไหน ขับยังไงถึงจะประหยัด น้องปานี่จะกินน้ำมันดุเดือดมาคือช่วงเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง หรือจากช่วงความเร็วต่ำๆ ระดับ 3-4 กม./ลิตร เลยครับ เวลาวิ่งคลานๆในเมืองก็กินไม่ใช่เล่น 6-7 กม./ลิตร  ขับให้ประหยัด ยกตัวอย่างถ้าขับ 80-90 ต้องพยายามให้อยู่ในช่วงเกียร์ 5 ถ้าขับไล่ความเร็วมาจากเกียร์ต่ำบางทีพอมาถึงความเร็วช่วงนี้ ecu มันยังไม่สั่งให้เปลี่ยนบางทีอยู่ที่เกียร์4 หรือยู่ที่เกียร์ 5 ecu มันก็ยังสั่งจ่ายน้ำมันเยอะอยู่เพราะมันคิดว่าเราจะเหยียบต่อ กว่า ecu มันจะประเมินได้ว่าเราต้องการวิ่งที่ความเร็วช่วงนี้แล้วยอมเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงขึ้นหรือลดการจ่ายน้ำมันลงก็ต้องซักพักนึง แต่ถ้าเราใช้วิธีเร่งความเร็วให้สูงกว่า 90 เล็กน้อยแล้วยกคันเร่งให้ความเร็วลดลงมาเหลือ 90 แล้วค่อยเลี้ยงคันเร่งรักษาความเร็วให้ได้ 90 แบบนี้จะประหยัดกว่าครับ เพราะเมื่อยกคันเร่ง ecu มันจะสั่งให้เปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นทันทีเพราะเป็นการป้องกันการเกิด engine break พร้อมๆกับลดการจ่ายน้ำมันลง แบบนี้จะเห็นชัดครับตัวเลข กม./ลิตรเพิ่มขึ้นชัดเจน อธิบายค่อนข้างยากครับ แต่ถ้ามี guage ที่อ่านค่าการใช้เชื้อเพลิงจาก OBD ได้จะเข้าใจได้เองครับว่าขับแบบไหนตัวเลข กม./ลิตรถึงจะได้ค่าที่เหมาะสม

ปล.วิธียกคันเร่งแล้วปล่อยให้รถไหลไปซักเล็กน้อยแล้วค่อยเติมคันเร่งต่อจะสามารถทำให้รถเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้นได้ครับ(แต่ต้องเป็นช่วงความเร็วที่เหมาะสมด้วย) เวลาใช้งานในเมืองบางจังหวะรถลากเกียร์ 2 หรือ 3 อยู่แล้วยังไม่ถึงช่วงความเร็วที่ ECU จะสั่งเปลี่ยนเกียร์ที่สูงขึ้น แต่เราอยากให้มันเปลี่ยนเพราะได้ความเร็วที่เหมาะสมแล้วก็สามารถใช้วิธียกคันเร่งได้เหมือนกันครับ ecu จะสั่งเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น

หมายเหตุ วิธีนี้เหมาะกับการคลานๆในเมืองน่ะครับ ไม่ใช่สำหรับเดินทาง หรือใช้ความเร็ว

เลี้ยงรอบเครื่องยนต์ไว้ตำแหน่งที่มีแรงบิดสูงสุด น่าจะเป็นจุดที่ประหยุดสุดครับ

 like ชอบข้อมูลของป๋ามากครับ เป็นประโยชน์และน่าคิดทีเดียวครับ

สุดยอดเลยครับป๋า

-------------------------

นี่ผมก็กำลัง optimize หาการขับขี่ที่ประหยัดที่สุดอยู่ เเต่ไม่ได้บอกใครนะครับ ....

เเม่ยายมานั่ง กลับไปชมผมให้น้องเมียฟังว่า เดี๋ยวนี้ลูกเขยขับรถดีขึ้น
น้องเมียมาเล่าให้ ผบ. ฟัง ...
ผบ. ยิ้มเเก้มปริ ดีใจ ... ผมก็เลยเล่าให้ฟังว่าในคลับเค้ากำลังหาวิธีขับรถเเบบประหยัดน้ำมันเเละเอามาเเชร์กันอยู่ ก็เลยจะพยายามหาวิธีดูบ้าง

ผบ. บอกว่า "เออดี ... เเบบนี้น่าส่งเสริม รู้จักทำเรื่องดีๆกับเค้าบ้าง ... "

เป็นคำชมที่ฟังเเล้วสะดุดหูมากๆๆๆๆๆ 555

โห 500 บาท วิ่ง 340 กม. เป็นเงิน 1.47 บาท/กม. เองง่ะ ประหยัดกว่า LPG อีก สุดยอด ๆๆ

อีกเรื่องหนึ่ง ผมฟังช่างเครื่องเล่ามาอีกทีนะครับ เค้าบอกว่า การขับรถคงที่ คือการเหยียบคันเร่งแช่นิ่งๆ ไว้นาน
ไม่เป็นผลดีกับหัวฉีด/เครื่องยนต์อ่ะ ควรจะกดเหยียบคันเร่งขึ้นลง ผ่อนนิดๆ ไปเรื่อยๆ โดยรักษาระดับความเร็วได้ จะดีมากๆ

2.5 GT 4WD MY12 ได้ 10.5 Km/Lt

นึกว่าป๋ารินทร์  จะสอนการทำ power  slide เข้าโค้งซ่ะแล้ว   :D :D :D :D :D

เข้ามาดู และขโมยวิชา  :D :D :D

มีกล้อง dummy นะป๋า  ระวังด้วย :D :D :D

เพิ่งได้น้องปามาใหม่ ๆ ไม่ทราบว่า  EGR คืออะไร และทำไมต้องอุดด้วยครับ ช่วยแนะนำด้วยครับ

ป๋าครับ  ด้วยความเคารพ  ไม่ใช่ไม่อยากตอบนะครับ  แต่เกรงว่า   จะตอบไม่ครบถ้วนขบวนความ   ตามอารมณ์ที่โต้ตอบกันไปแล้ว

รบกวนป๋า  ตามนี้

1.  google.co.th    EGR  คืออะไร  ,  ทำงานอย่างไร

2. ค้นหา บอร์ด Pajero TH  " EGR ทำให้เทอร์โบพัง  ,  อุด EGR หมดประกัน , EGR "

แค่นี้ป๋าจะรู้มากกว่าที่เพื่อนสมาชิก จะเข้ามาตอบเป็นรอบที่มากกว่า  4 แล้วครับ

*** หากอ่านแล้ว   ยังมีคำถามหรือสงสัยอีก  เดี๋ยวผมจะช่วยถ่ายทอดให้อีกครั้งครับผม

ด้วยความยินดีและขอต้อนรับ เข้าสู่ บ้าน Pajero TH ครับ

ของผมลดน้ำหนัก เอายางอะไหล่ออก  คายไอเสียให้เร็วใส่ท่อแทนแคท ต่อไปจะขยายท่อหลังหม้อพักเป็น 3 นิ้ว ตอนนี้เดินทางไกลน่าจะโลละ 3 บาท ในเมืองประมาณ 3.2 บาท
การขับขี่ เดินคันเร่งน้อยๆ พอรอบเริ่มถึง2000 ก็ถอนคันเร่งเพื่อให้เกียร์เปลี่ยนเร็วขึ้น รู้สึกว่าเกียร์1 จะใช้รอบสูงถีงเกียร์จะเปลี่ยน(แต่รถก็ไม่ได้วิ่งมากขึ้น)หลังใส่แทนแคทรู้สึกว่าเกียร์ 1 จะลากรอบน้อยลงรถวิ่งขึ้น

 :-\ :-\ :-\
ในช่วงกระแสน้ำมันแพง มาจัดการประกวดการขับขี่น้องปาฯแบบประหยัด กันดีกั่ว

ของกระผมยิดตามคำโบราณขอรับ........ช้า ช้า ดีเซล(ได้)อยู่(พร้า)กับเรานานๆ(เล่มงาม) good good good

ผมว่านอกเหนือจากวิธีในการขับขี่ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมว่ามันเปลี่ยนหรือควบคุมกันได้ค่อนข้างยากสสส์ แบบแนวๆว่า แป๊บๆสันดานเดิมก็กลับมาหรือไม่ก็มีการเผลอตัวเผลอใจไปตามจังหวะและอารมณ์ อีกวิธีหนึ่งที่มีประโยชน์คือ พยายามเช็คและตรวจสภาพรถครับ เช่น ระดับแรงดันลมยาง, อย่าเอาของที่ไม่จำเป็นไว้ในรถเพื่อลดน้ำหนักที่ไม่จำเป็นลง, ใช้ยางให้ถูกกับสภาพถนน, ศึกษาเส้นทางก่อนออกเดินทาง, เปิดแอร์ที่อุณหภูมิที่เหมาะสม, วอร์มเครื่องยนต์ก่อนเมื่อสตารท์ ประมาณนี้ครับ  O0

ขับความเร็วคงที่ครับ เซฟสุด ๆ

แต่ที่ประหยัดสุด ต้องงดไปเที่ยวทุกอาทิตย์แล้วผม

ออกทุกอาทิตย์ บานเลยยยยยยยยยย

เกร็งแย่เลยครับ...
ผมติด LPG ขับสบยใจ... grin

ว.100 ขออนุญาต อิจฉา ตาร้อน lpg............

 like
ป๋าครับ ถ้าจะลดน้ำหนักผมเห็นร้าน Akana fiber มีฝากระโปรงคาร์บอน ขายน่ะครับ อิอิ แต่ไม่รู้จะมีแก้มข้าง + ประตูทั้ง 4 บานแบบคาร์บอนเหมือนของไทรทันหรือเปล่านะครับ
เบาทั้งตัวเบาทั้งรถเลยทีนี้ อิอิ  :D :D :D

กระผมคิดว่า ส่วนที่จะเบาต่อมาก็คือ กระเป๋าตังค์ของเรา ขอรับ

เห็นว่ามีประโยชน์ครับ

“ถึงแม้ว่ารถเชฟโรเลตจะได้รับการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ แต่ตัวรถยังคงต้องได้รับการดูแลรักษาให้มีสภาพดีอยู่เสมอเพื่อให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” คุณสรัญญา ญาติเสมอ ผู้จัดการกลุ่มงานวิศวกร ฝ่ายวิศวกรรมผลิตภัณฑ์เครื่องยนต์ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว

คุณสุพจน์ ภู่ประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เชฟโรเลต เซลส์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มการประหยัดน้ำมันได้ด้วยการปรับพฤติกรรม การขับรถและการใช้รถเพียงเล็กน้อย อาทิ การเติมลมยางให้เหมาะสมและไม่บรรทุกสัมภาระ ที่ไม่จำเป็นไว้ในรถ”

ตรวจสอบแรงดันลมยางก่อนใช้รถ

การเติมลมยางอย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ให้มากขึ้น 3.3 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับมีความปลอดภัยและใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ถ้ายางทั้งสี่เส้นมีลมอ่อนเกินไปหนึ่งปอนด์ต่อตารางนิ้ว จะทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น 0.3 เปอร์เซ็นต์ เพราะยางจะมีแรงเสียดทานขณะขับเคลื่อนมากขึ้นจึงต้องใช้กำลังและเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นในการขับเคลื่อนตัวรถ คุณสุพจน์แนะนำว่าผู้ขับขี่ควรซื้ออุปกรณ์วัดลมยางและตรวจเช็คลมยางสม่ำเสมออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ยางรถยนต์ที่มีแรงดันเหมาะสมจะทำให้รถมีการเกาะถนนดี ส่งผลต่อการตอบสนองของพวงมาลัยและเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก

หลีกเลี่ยงการปรับแต่งขนาดล้อและยาง

ล้อที่มีขนาดใหญ่เต็มซุ้มล้อและยางแก้มเตี้ยจะเพิ่มอัตราการบริโภคน้ำมันให้สูงขึ้น ล้อและยางที่มีขนาดใหญ่จะเพิ่มแรงเสียดทานขณะขับเคลื่อน เพิ่มน้ำหนักใต้สปริง และส่งผลต่อหลักอากาศพลศาสตร์ของตัวรถ ทำให้ใช้น้ำมันเพิ่มมากขึ้นและส่งผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่ ในกรณีร้ายแรงอาจเป็นอันตรายต่อการเบรกและการควบคุมรถ

ไม่บรรทุกสิ่งของน้ำหนักมากที่ไม่จำเป็นไว้ในรถ

คุณสุพจน์กล่าวว่าการขับขี่ทางไกลจำเป็นต้องมีการบรรทุกสัมภาระแต่ควรระวังไม่บรรทุกมากเกินไป เนื่องจากน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รถต้องใช้กำลัง และเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นในการขับเคลื่อน ดังนั้นควรทำให้รถมีน้ำหนักเบาอยู่เสมอ การบรรทุกสัมภาระที่ไม่จำเป็นจะทำให้รถทำงานหนักเพิ่มขึ้นและใช้น้ำมันมากกว่าปกติ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 45 กก. จะเพิ่มอัตราการบริโภคเชื้อเพลิง 2 เปอร์เซ็นต์ และมากกว่านี้ในรถขนาดเล็ก ราวหลังคา ที่มีการบรรทุกสัมภาระจะเพิ่มการบริโภคน้ำมันขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันประมาณหนึ่งลิตรจะถูก เผาผลาญในการขับเคลื่อนตัวรถให้ผ่านแรงเสียดทานอากาศ ดังนั้นรถที่มีการบรรทุกสัมภาระไว้บนหลังคาจะทำให้การประหยัดน้ำมันลดลง

ดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ

ที่กรองอากาศและน้ำมันเครื่องที่สกปรก เซ็นเซอร์ออกซิเจน และหัวเทียนที่ทำงานผิดปกติ รวมถึงชิ้นส่วนที่บกพร่องอื่นๆ จะทำให้การบริโภคน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น เครื่องยนต์ที่มีการดูแลรักษา อย่างเหมาะสมจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ การซ่อมแซมปัญหาทีมีความสำคัญอย่างเซ็นเซอร์ออกซิเจนจะช่วยเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ การเปลี่ยน ไส้กรองที่อุดตันอย่างรุนแรงจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์ คุณสุพจน์แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องที่บริษัทผู้ผลิตรถแนะนำ เพราะจะช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 1 – 2 เปอร์เซ็นต์ ผู้ขับขี่ไม่ควรละเลยสัญญาณไฟเตือนให้เข้ารับบริการ ผู้ใช้รถเชฟโรเลตควรนำรถเข้าศูนย์บริการของเชฟโรเลตเพื่อให้แน่ใจว่ามีการเติมของเหลวต่างๆ ที่ถูกต้องและใช้ชิ้นส่วนอะไหล่แท้

ตรวจสอบฝาถังน้ำมันอยู่เสมอ

ฝาถังน้ำมันที่หลวมหรือปิดไม่แน่นไม่เพียงแต่จะทำให้ “ไฟสัญญาณเตือนรูปเครื่องยนต์” ปรากฏขึ้นเท่านั้น ข้อมูลจากดิสคัฟเวอรี่ แชนเนล ยังระบุว่าจะทำให้น้ำมันระเหยไปโดยเปล่าประโยชน์เกือบ 518 ล้านลิตรต่อปี ฝาถังน้ำมันที่หลวมหรือปิดไม่แน่นจะทำให้การประหยัดน้ำมันลดลง 1 – 2 เปอร์เซ็นต์

พิจารณาใช้น้ำมันเชื้อเพลิงผสม

การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเอทานอลจะช่วยลดค่าใช้จ่ายลง รถเชฟโรเลต ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินทุกรุ่นรองรับเชื้อเพลิง E20 ขณะที่แคปติวาและโซนิครองรับเชื้อเพลิง E85 ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ ดีเซลเทอร์โบ ในโคโลราโด และเทรลเบลเซอร์จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้การประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม

ขับรถให้ช้าลง

การขับรถออกตัวจะใช้น้ำมันมากกว่าการรักษาความเร็วรถให้คงที่ ผู้ขับขี่ควรเหยียบคันเร่ง ออกจากทางแยกหรือสัญญาณไฟจราจรอย่างนุ่มนวล การเร่งรถอย่างรวดเร็วจะใช้ความเร็วมากเกินความจำเป็นและการเบรกอย่างรุนแรง จะทำให้การประหยัดเชื้อเพลิงลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ บนถนนหลวงทางไกล และ 5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการขับขี่ในเมือง ความเร็วที่ช่วยประหยัดน้ำมันมากที่สุดสำหรับ รถส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 65 – 100 กม./ชม. อัตราการบริโภคเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อขับรถด้วยความเร็วเกินกว่า 96 กม./ชม.

ใช้เกียร์สูง

ถ้าขับรถด้วยเกียร์ธรรมดาอย่างเกียร์ 6 สปีดในเชฟโรเลต โคโลราโด และเทรลเบลเซอร์ คุณสรัญญาแนะนำให้ใช้เกียร์สูงเพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้ต่ำซึ่งจะบริโภคน้ำมันน้อยกว่าแต่ไม่ควรขับขี่เช่นนี้มากเกินไปจนฉุดกำลังเครื่องยนต์หรือทำให้เครื่องยนต์ดับ ถ้าขับขี่รถเกียร์อัตโนมัติ ควรผ่อนคันเร่งเล็กน้อย (ไม่ควรถอนคันเร่งออกทั้งหมด) ในจังหวะที่ระบบเกียร์ “เปลี่ยน” สู่เกียร์ที่สูงขึ้น รถเชฟโรเลตที่ใช้เกียร์อัตโนมัติทุกรุ่นใช้เกียร์แบบ 6 สปีด ซึ่งมีอัตราการทดเกียร์ที่สูงกว่า ช่วยลดรอบเครื่องยนต์ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่และประหยัดน้ำมัน ควรหลีกเลี่ยงการใช้สวิทช์ “Hold” ถ้าไม่จำเป็น

ตั้งสติและขับขี่อย่างนุ่มนวล

ถ้าหากรถของคุณมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูสคอนโทรลอย่างในเชฟโรเลต แคปติวา (รุ่น LT และ LTZ) ให้เปิดใช้ระบบนี้โดยเฉพาะเมื่อขับรถทางไกล ระบบครูสคอนโทรลจะช่วยป้องกันไม่ให้ขับรถเร็วเกินกำหนดและช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันด้วยการเร่งและผ่อนความเร็วอย่างนุ่มนวล ระบบครูสคอนโทรลจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อใช้ร่วมกับเกียร์โหมดประหยัดหรือโหมดออโต และไม่ควรใช้ครูสคอนโทรลเมื่อฝนตกหนักหรือขับรถบนพื้นถนนที่เปียกลื่น

ลดความเร็วลงอย่างนุ่มนวลหรือปรับเกียร์ลงจนกระทั่งรถจอดสนิท

การขับรถเกียร์อัตโนมัติในสภาพการจราจรที่หนาแน่น คุณสามารถแล่นไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ได้เพราะรถจะแล่นช้าๆ ไปข้างหน้าโดยอัตโนมัติ ถ้าขับรถเกียร์ธรรมดา คุณสรัญญาแนะนำให้ลดเกียร์ลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งรถจอดสนิท ผู้ขับขี่สามารถถอนคันเร่งออกขณะที่ยังใส่เกียร์เดินหน้าอยู่ได้เนื่องจากเครื่องยนต์สมัยใหม่แทบจะไม่ใช้น้ำมันและเพียงพอต่อการเลี้ยงเครื่องยนต์ไม่ให้ดับ เครื่องยนต์จะใช้เชื้อเพลิงมากกว่าถ้าปล่อยให้เกียร์อยู่ในตำแหน่งว่างขณะรถจอดนิ่ง

หลีกเลี่ยงการจอดรถติดเครื่องยนต์นานเกินไป

หากคุณต้องขับรถอยู่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด คุณสรัญญาแนะนำให้ดับเครื่องยนต์ การจอดรถติดเครื่องยนต์ไว้จะเผาผลาญน้ำมันอย่างไร้ประโยชน์ การสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่จะใช้น้ำมันเพียงเล็กน้อยแต่การจอดรถติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้ 15 นาที จะเผาผลาญน้ำมันเกือบหนึ่งลิตร

ใช้ระบบปรับอากาศอย่างชาญฉลาด

การเปิดใช้ระบบแอร์ลดการประหยัดน้ำมันลง 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าสภาพอากาศภายนอกเอื้ออำนวย ผู้ขับสามารถปรับเพิ่มแรงลมให้สูงขึ้นแทนการปรับลดอุณหภูมิลง ถ้าขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 64 กม./ชม. ผู้ขับสามารถปิดแอร์และเปิดหน้าต่างแทนได้ แต่ถ้าขับด้วยความเร็วเกินกว่า 72 กม./ชม. แรงฉุดของลมที่ไหลเวียนเข้ามาทางหน้าต่างจะทำให้รถกินน้ำมันมากกว่าการเปิดแอร์

กินง่ายถ่ายคล่อง เหยียบก็มาจะได้ประหยัดครับ เริ่มที่ท่อไอเสียก่อนเลยครับ kiki