Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: >>> สำหรับนักลงทุน <<<  (อ่าน 1548 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
YongYank
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 51



« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2012, 10:14:39 pm »

ไม่มีอะไรมากครับ  แค่อ่านเจอใน FW Mail จากน้องที่ออฟฟิศครับ
เลยจับมาแชร์ให้อ่านกันเพลินๆครับผม ....

*********************************
ผมมีคำถามน่าสนใจมาถามครับ ผมจะเล่าเรื่องของหุ้นตัวหนึ่งให้ฟัง จากนั้นลองคิดดูว่า "คุณอยากซื้อมันมั๊ย?"

หุ้นตัวนี้เป็นหุ้นนอกตลาดครับ มันเป็นบริษัทที่มีอนาคตสดใส อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกหุ้นตัวนี้จะยังไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับคุณได้ มิหนำซ้ำคุณยังต้อง "เพิ่มทุน" ให้กับมันอยู่เป็นประจำ ก่อนที่กระแสเงินสดของบริษัทจะกลับมาเป็นบวกและยืนบนขาของตัวเองได้ ซึ่งก็น่าจะราวๆ 20 ปี

หลังจากที่ตั้งตัวได้แล้ว บริษัทก็อาจจะจ่ายหรือไม่จ่ายเงินปันผลให้คุณก็ได้ แล้วแต่การตัดสินใจของฝ่ายบริหาร

ดูจากแนวโน้มอุตสาหกรรม เมื่อบริษัทเริ่มมีฐานะทางการเงินมั่นคงก็จะเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการ "ควบรวมกิจการ" ซึ่งก็อาจจะต้องขอเพิ่มทุนจากคุณอีกรอบ รวมถึงอาจมีการออกมาตรการ "ลด" อัตราการจ่ายเงินปันผลประกอบไปด้วย เพราะบริษัทต้องนำเงินสดไปใช้ในการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมทั้งตกแต่งออฟฟิศให้ดูดีทัดเทียมบริษัทอื่นอยู่เสมอ

ที่สำคัญคุณไม่สามารถขายมันทิ้งได้ เพราะมันเป็นหุ้นนอกตลาด พูดแบบบ้านๆ ก็คือ "ต้องถือมันไปเรื่อยๆ"

มาถึงตรงนี้คุณอาจจะคิดว่าหุ้นตัวนี้ช่างไม่น่าซื้อเอาเสียเลย...

เสียดายที่ผมต้องบอกว่าหุ้นตัวนี้ก็คือ "ตัวเรา" นั่นเองครับ

ในช่วงแรกของชีวิตที่เรายังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องมี "ใครบางคน" คอยใส่ใจดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ หาเงินส่งเสียให้เราเรียน จนถึงวันที่เราเริ่มทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้

หลายคนแบ่งเงินเดือนออกมาให้ "ใครบางคน" นั้น เพื่อตอบแทนพระคุณ มากบ้างน้อยบ้างตามกำลังที่มี ขณะที่อีกหลายคนก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะทำเช่นนั้นได้ ยิ่งใครแต่งงานแยกครอบครัวออกมาก็จะรู้ว่า ภาระทางการเงินในช่วงอายุ 30-40 ปี หนักหนาสาหัสขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เลี้ยงลูก จ่ายค่าเทอม ฯลฯ ของแบบนี้ต้องเจอเองถึงจะรู้

คนทำงานกินเงินเดือนจะรู้เลยว่า "ความกล้า" ในสมัยหนุ่มสาวจะค่อยๆ ลดลงตามอายุและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น บางคนจึงยอมแบกรับความเครียดในชีวิต ยอมทิ้งความฝันของตัวเอง เพียงเพื่อที่จะนำพาชีวิตเล็กๆ อีกหลายชีวิตฝ่าไป

"ภาพอนาคต" ของคุณอาจเป็น "ภาพอดีต" ที่ผ่านมาของพ่อแม่ และถึงยุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร แต่ cycle ของชีวิตคนก็ยังคงเดิม

ที่ผมอยากบอกก็คือ การเป็นพ่อเป็นแม่คนนั้น ไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ใดๆ หากลองย้อนขึ้นไปดูตัวอย่างหุ้นข้างต้นก็จะเห็นว่า ผู้ถือหุ้น "แทบจะไม่ได้อะไรเลย" นอกจากความชื่นอกชื่นใจและความสุขในชีวิต ความรักที่บริสุทธิ์ทำให้เขายินดีซื้อหุ้นตัวนั้น แม้จะรู้ว่ามันไม่มีทางคุ้ม!

ถ้าจะมีบางสิ่งที่เราพอทำได้ สิ่งนั้นคือ ทำให้พ่อแม่ "ชื่นใจ" และ "ภูมิใจ" ไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม

... ขอจรรโลงสังคมฉลองวันแม่ สั้นๆ แค่นี้แหละครับ

 
ความคิดเห็น .....
 
- พอเรียนจบ ทำงานได้สักพัก ก็หาผู้มาลงทุนเพิ่มด้วย นั่นคือ หุ้นส่วนชีวิต (แต่งงาน)  555

ยอดเยี่ยมจริง ๆ ..

- จริงอย่างที่สุดครับ ของผมมีช่วงนึงแทบจะเรียกว่าเป็นหุ้นเน่าก็ได้ แต่ผู้ถือหุ้นทั้ง2ท่านก็ยังคงถือ555

- ตอนนี้ ผมกะลังพยามจะเป็น Growth Stock .. เพื่อสร้างมูลค่าให้กับตัวเองให้มากที่สุด

และจะต้องมีวันหนึ่ง .. ที่ผมจะกลายเป็น Dividend Stock  ให้กับ พ่อ-แม่ .. เพื่อตอบแทน "ผู้ถือหุ้น"  ทั้ง 2 ท่านไปตลอด ..

- ยังดีนะ ที่แม่ยังใจดี ไม่ cut loss กันไปซะก่อน T^T... 555

*********************************

YongYank 1495
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.026 วินาที กับ 20 คำสั่ง