Languages
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อแตกต่างของ AC แต่ละรุ่น แบบ ง่ายๆ  (อ่าน 5067 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
AC_Autogas
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« เมื่อ: มีนาคม 28, 2013, 07:35:04 pm »

AC แบ่งกล่องออกเป็น 2 กลุ่มนะครับ แบบเข้าใจง่ายๆ

กลุ่ม 1
STAG200 (รุ่นนี้นานแล้ว กล่องเป็นพลาสติกและไม่กันน้ำนะครับ) 
STAG4 ECO (กล่องเหล็กกันน้ำ ไม่กันไฟ (อิอิ ล้อเล่นครับ) รองรับหัวฉีดได้ทุกยี่ห้อ)
STAG4 PLUS (กล่องเหล็กกันน้ำ รองรับหัวฉีดได้ทุกยี่ห้อ มีฟ้งก์ชั่นอ่านสัญญาณต่างๆครอบคลุมกว่า ECO)

- กลุ่มนี้ทั้งหมดจะไม่มีระบบ Auto Adaptive คือจูนตอนออกจากอู่ยังไง 10 ปีผ่านไปก็ใช้ข้อมูลการจูนครั้งนั้นอยู่ อยากเปลี่ยนก็ต้องจูนใหม่
- STAG200 ไม่มีการจูนแบบ 3 มิติ ว่าง่ายๆคือไม่สามารถจูนแบบละเอียดยิบๆได้ครับ
- รองรับเฉพาะเครื่องยนต์ 4 สูบเท่านั้น
- ในแต่ละรุ่นแตกต่างกันที่ฟังก์ชั่นของซอฟท์แวร์ที่ใช้จูน โดย STAG200 จะมี option ให้เลือกน้อยที่สุดแล้วก็ไล่ลงมาตามลำดับนะครับ
ส่วนรายละเอียดซอฟท์แวร์ว่าต่างกันอย่างไรอันนี้เยอะผมก็ไม่ไหวเหมือนกัน ฟังมาแล้วมึนนนนนน

กลุ่มนี้ก็จะเหมาะกับรถตั้งกะปี 90 ขึ้นมา แต่รถใหม่ๆก็ใช้ได้เพียงแต่กว่าถ้าเป็นกล่องอีกกลุ่มนึงจะเหมาะสมกว่า

 

กลุ่มที่ 2
STAG300 Plus หรือ STAG300 ISA-2 นั่นแหละ (กล่องเหล็ก กันน้ำ ฟังก์ชั่นมากมายกว่ากลุ่มแรก)
STAG300 Premium OBD II (กล่องเหล็ก กันน้ำ ฟังก์ชั่นมากมายกว่ากลุ่มแรกและ Auto tune แบบเรียลไทม์)

- STAG300 Plus หรือ ISA-2 จะมีระบบ Auto Adaptive คือปรับจูนได้ตามข้อมูลการจ่ายน้ำมันโดยไม่ต้องพึ่งกล่อง ECU รถ
- STAG300 Premium จูนได้ตามน้ำมันแบบเรียบไทม์ (ไม่ต้องวิ่งน้ำมันก่อน) แต่ต้องเชื่อมต่อกับกล่อง ECU ผ่าน OBD ของรถ
- รองรับเครื่องยนต์ 4 สูบ 6 สูบ และ 8 สูบ (ส่วนใครใช้ V12 ก็ยินดีด้วยครับใช้น้ำมันกันไปครับ อิอิ)
- ปรับจูนแก๊สละเอียดแบบ 3 มิติได้

STAG300 isa กะ STAG300 Premium OBD II ต่างกันไง?

ต่างกันตรงที่ STAG300 Plus หรือ ISA เนี่ยจะปรับจูนตามน้ำมันได้หรือใช้ Auto Adaptive ได้ก็ต่อเมื่อ
ท่านเจ้าของรถต้องวิ่งน้ำมันให้กล่องมันเก็บข้อมูลก่อนครับแล้วมันก็จะปรับจูนให้ใกล้เคียงน้ำมันอีกครั้งนึง
ยิ่งวิ่งน้ำมันได้ครบทุกรูปแบบการขับขี่ระบบก็จะจูนแก๊สได้เนียนนนนนน มากขึ้นเท่านั้นครับ  
STAG300 PLUS ISA-2 เป็นรุ่นเดียว
ที่อ่านค่าน้ำมันมาแล้วมาปรับจูนแก๊สให้อัตโนมัติโดยไม่ต้องจำเป็นต้องดึงข้อมูลจากกล่อง ECU รถ ผ่าน OBD ครับ


STAG300 Premium OBDII ตัวนี้แพงสุด
ไม่ต้องวิ่งน้ำมันก่อน เพราะตัวนี้ใช้ข้อมูลจากกล่อง ECU รถมาเลยผ่าน OBD
เอามาแบบเรียลไทม์เลยปรับจูนให้ตลอดเวลา เนียนเสมอต้นเสมอปลาย

ประมาณนี้ครับ
บันทึกการเข้า
Cherdkiet
You'll never walk alone.
Full Member
***

like: 19
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1188



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 28, 2013, 08:01:33 pm »

ข้อมูลดีๆ ครับ แต่เนื่องด้วยผมจบอิเล็ค ไม่ใช่คอมหรือยานยนต์ นะครับ
เลยอดสงสัยความอัฉริยะของกล่องไม่ได้ครับ
ผมเองยอมรับว่าแยกแยะระบบ รุ่นไม่ถูกครับ แต่ระบบหรือผังการต่อวงจรที่ผมเห็นตั้งแต่สมัย Aotronic เมือ 5 ปีก่อน
ผมเองก็เห็นว่ากล่องแก็สต้องดึงสัญญาณมาจากกล่องรถ โดยกล้องรถเองก็อัฉริยะอยู่แล้วด้วยการ Auto Cal ,Auto tune
อยู่ตลอดเวลา อาจจะทุกๆ 700 cycle หรืออะไรก็แล้วแต่

อย่างนี้มันไม่งงกันดหรอครับ เราสวิตซ์ใช้ปก็ส กล่องรถรู้สึกได้ เลยปรับจูน
กล่องแก็สก็ได้รับสัญาณจากกล่องรถเปลี่ยนไปก็ปรับจูน

อ่ะปรับ ปรับ ปรับ  มันไม่งงกันเหรอครับ
บันทึกการเข้า
URC Garage (เบียร์)
^ ^V
Newbie
*

like: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 278


รายงานตัว


เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 02:37:05 am »

ข้อมูลดีๆ ครับ แต่เนื่องด้วยผมจบอิเล็ค ไม่ใช่คอมหรือยานยนต์ นะครับ
เลยอดสงสัยความอัฉริยะของกล่องไม่ได้ครับ
ผมเองยอมรับว่าแยกแยะระบบ รุ่นไม่ถูกครับ แต่ระบบหรือผังการต่อวงจรที่ผมเห็นตั้งแต่สมัย Aotronic เมือ 5 ปีก่อน
ผมเองก็เห็นว่ากล่องแก็สต้องดึงสัญญาณมาจากกล่องรถ โดยกล้องรถเองก็อัฉริยะอยู่แล้วด้วยการ Auto Cal ,Auto tune
อยู่ตลอดเวลา อาจจะทุกๆ 700 cycle หรืออะไรก็แล้วแต่

อย่างนี้มันไม่งงกันดหรอครับ เราสวิตซ์ใช้ปก็ส กล่องรถรู้สึกได้ เลยปรับจูน
กล่องแก็สก็ได้รับสัญาณจากกล่องรถเปลี่ยนไปก็ปรับจูน

อ่ะปรับ ปรับ ปรับ  มันไม่งงกันเหรอครับ

เพิ่มเติมให้ครับ

รุ่น STAG300 Premium OBD II เป็นรุ่นที่มีการเชื่อมต่อ OBD ของรถ ซึ่งในขั้นตอนที่ระบบปรับจูนอัตโนมัติทำงานในขณะใช้แก๊สนั้น
ECU แก๊ส  จะเข้าไปดึงค่าชดเชยของกล่องรถ( STFT / LTFT) แล้วปรับค่าการจ่ายแก๊สให้เหมาะสมได้เอง
โดยปรับได้เร็วกว่า หรือ เท่ากับ การปรับของ ECU รถ ให้อยู่ในย่านที่จูนเนอร์ได้เซ๊ตไว้
คล้ายๆเป็นการตีกรอบของการจ่ายแก๊ส ไม่ให้มากไป หรือ น้อยไป จากค่า STFT LTFT ที่กำหนดไว้ครับ

ส่วนรุ่น STAG300 ISA-2 จะทำการเก็บ MAP ของน้ำมันในแต่ละย่าน แล้ว ค่อยๆปรับการจ่ายแก๊สให้เทียบเท่าน้ำมัน
โดยเก็บเป็นค่าสะสม เพื่อคำนวนแนวโน้ม แล้ว ค่อยๆปรับแก๊สแกน Z ให้ MAP สมบูรณ์ตามน้ำมันขึ้นทีละนิด ทีละนิด แบบช้าๆครับ
แต่ถ้าจูนแกน X แกน Y สมบูรณ์แล้ว ส่วนมากแกน Z จะไม่มีการขยับชดเชยเท่าไหร่ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของ อุปกรณ์
และการติดตั้งด้วยครับ

สรุปคือมันจะไม่งง นะครับ






บันทึกการเข้า

AC_Autogas
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 04:40:26 pm »

ข้อมูลดีๆ ครับ แต่เนื่องด้วยผมจบอิเล็ค ไม่ใช่คอมหรือยานยนต์ นะครับ
เลยอดสงสัยความอัฉริยะของกล่องไม่ได้ครับ
ผมเองยอมรับว่าแยกแยะระบบ รุ่นไม่ถูกครับ แต่ระบบหรือผังการต่อวงจรที่ผมเห็นตั้งแต่สมัย Aotronic เมือ 5 ปีก่อน
ผมเองก็เห็นว่ากล่องแก็สต้องดึงสัญญาณมาจากกล่องรถ โดยกล้องรถเองก็อัฉริยะอยู่แล้วด้วยการ Auto Cal ,Auto tune
อยู่ตลอดเวลา อาจจะทุกๆ 700 cycle หรืออะไรก็แล้วแต่

อย่างนี้มันไม่งงกันดหรอครับ เราสวิตซ์ใช้ปก็ส กล่องรถรู้สึกได้ เลยปรับจูน
กล่องแก็สก็ได้รับสัญาณจากกล่องรถเปลี่ยนไปก็ปรับจูน

อ่ะปรับ ปรับ ปรับ  มันไม่งงกันเหรอครับ

เพิ่มเติมให้ครับ

รุ่น STAG300 Premium OBD II เป็นรุ่นที่มีการเชื่อมต่อ OBD ของรถ ซึ่งในขั้นตอนที่ระบบปรับจูนอัตโนมัติทำงานในขณะใช้แก๊สนั้น
ECU แก๊ส  จะเข้าไปดึงค่าชดเชยของกล่องรถ( STFT / LTFT) แล้วปรับค่าการจ่ายแก๊สให้เหมาะสมได้เอง
โดยปรับได้เร็วกว่า หรือ เท่ากับ การปรับของ ECU รถ ให้อยู่ในย่านที่จูนเนอร์ได้เซ๊ตไว้
คล้ายๆเป็นการตีกรอบของการจ่ายแก๊ส ไม่ให้มากไป หรือ น้อยไป จากค่า STFT LTFT ที่กำหนดไว้ครับ

ส่วนรุ่น STAG300 ISA-2 จะทำการเก็บ MAP ของน้ำมันในแต่ละย่าน แล้ว ค่อยๆปรับการจ่ายแก๊สให้เทียบเท่าน้ำมัน
โดยเก็บเป็นค่าสะสม เพื่อคำนวนแนวโน้ม แล้ว ค่อยๆปรับแก๊สแกน Z ให้ MAP สมบูรณ์ตามน้ำมันขึ้นทีละนิด ทีละนิด แบบช้าๆครับ
แต่ถ้าจูนแกน X แกน Y สมบูรณ์แล้ว ส่วนมากแกน Z จะไม่มีการขยับชดเชยเท่าไหร่ครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของ อุปกรณ์
และการติดตั้งด้วยครับ

สรุปคือมันจะไม่งง นะครับ



 ยอดเยี่ยม



บันทึกการเข้า
isarai1329
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13


« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 10:31:10 pm »

ผมเคยเห็น คนใช้ ECU 4 สูบ คุมเครื่องเจ 6 สูบ  แล้วยังวิ่งได้แสนกว่ากิโล

แสดงว่าเป็น ECU 4 สูบ  กับ 6 สูบ เป็นตัวเดียวกันใช่หรือไม่ ต่างแค่ หัวฉีดมากกว่า 2 หัวใช้หรือไม่ครับ จะได้เป็นความรู้

แล้วหม้อต้ม ที่เน้นมาก ม้า แรง แต่บางคัน เอาต่ำกว่าก็ขับได้เป็นแสน แบบนี้มีผลอย่างไรกับรถบ้างครับ
บันทึกการเข้า
ซุก ตัง เมีย
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13



« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 30, 2013, 11:15:54 pm »

 like grimace
บันทึกการเข้า


V6-ID. 3293
URC Garage (เบียร์)
^ ^V
Newbie
*

like: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 278


รายงานตัว


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 31, 2013, 12:49:08 am »

ผมเคยเห็น คนใช้ ECU 4 สูบ คุมเครื่องเจ 6 สูบ  แล้วยังวิ่งได้แสนกว่ากิโล

แสดงว่าเป็น ECU 4 สูบ  กับ 6 สูบ เป็นตัวเดียวกันใช่หรือไม่ ต่างแค่ หัวฉีดมากกว่า 2 หัวใช้หรือไม่ครับ จะได้เป็นความรู้

แล้วหม้อต้ม ที่เน้นมาก ม้า แรง แต่บางคัน เอาต่ำกว่าก็ขับได้เป็นแสน แบบนี้มีผลอย่างไรกับรถบ้างครับ

ผมจะพยายามตอบเป็นภาษาไทยให้เข้าใจง่ายๆ พยายามไม่ใช้ศัพท์ช่างนะครับ

ECU แก๊ส 4 สูบคุม เครื่อง 6 สูบได้แค่บางเครื่องเท่านั้นครับ เนื่องจาก เครื่องยนต์มีวิธีการจ่ายเชื้อเพลิง 2 แบบ ได้แก่

ก. ฉีดพร้อมกันทุกสูบ ( full group )
ข. ฉีดแบบลำดับ สูบใครสูบมัน ( sequential )

ส่วน ECU แก๊ส 4 สูบ ก็เท่ากับ มี 4 ช่องในการสั่งการฉีด จึงสามารถมาใช้ในเครื่องยนต์ 6 สูบ แบบ ก. ฉีดพร้อมกันทุกสูบ ( full group ) ได้
โดยจับคู่การฉีดของน้ำมันในเครื่องยนตฺ 6 สูบ เป็น 3 กลุ่ม โดยใช้ แค่ 3 ช่อง ของกล่องแก๊ส ก็สั่งการจ่ายแก๊สได้ ในต้นทุนที่ถูกกว่าใช้ ECU 6 สูบ
แต่กล่องแก๊สจะทำงานหนักเป็น 2 เท่าเช่นกัน ทีนี้ถ้าช่างนำกล่อง 4 สูบ มาติดให้ลูกค้าในราคา 6 สูบ ก็กำไรบานเบอะเลยนะครับ

ส่วนเครื่องยนต์ 6 สูบ แบบ ข. ฉีดแบบลำดับ สูบใครสูบมัน ( sequential ) ต้องใช้กล่อง ECU 6 สูบ ซึ่งมี 6 ช่องในการสั่งการฉีด ครับ


เรื่องการรองรับแรงม้ามากหรือ น้อยของหม้อต้ม ก็คือ ความสามารถในการไหลผ่าน และ ประสิทธิภาพในการต้มแก๊สครับ
ถ้าทำน้ำแก๊สให้เป็นไอได้มากกว่า ก็จะรองรับแรงม้าได้มากกว่าครับ

หากว่าใช้หม้อต้มที่ไม่สามารถรองรับกับความต้องการของเครื่องยนต์ได้เพียงพอ ก็จะต้มแก๊สได้ไม่ทัน
ช่องที่แก๊สไหลผ่านก็จะเป็นน้ำแข็งอุดตันจนแก๊สไม่ไหล และใช้แก๊สไม่ได้ชั่วขณะครับ

ถ้าเห็นรถที่ติดแก๊สใช้หม้อต้มเล็ก เช่น รถ 200 แรงม้า ใช้หม้อต้ม 140 แรงม้า
แน่นอนครับว่ารถคันนั้นจะมีปัญหาในการใช้แก๊สในรอบสูงแน่นอน
ถ้าเจ้าของรถไม่ขับเร็ว ไม่ใช้รอบสูงก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ

แต่ช่างบางคนก็ปรับจูนในโปรแกรมให้รอบสูงๆเปลี่ยนไปใช้น้ำมันแทน
ถ้าเจ้าของรถไม่รู้ก็จะบอกว่า รอบสูงก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหา
แต่จะมีปัญหาใช้แก๊สแล้วน้ำมันหายมากผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
ถ้าช่างที่ติดตั้งแก๊สไม่บอกก็จะนึกไปว่าน้ำมันรั่วครับ

และการเปลี่ยนจากแก๊สเป็นน้ำมันที่รอบสูงมีผลเสียมากกว่าผลดีนะครับ
ไม่ว่าจะเรื่อง อ๊อกเทนน้ำมันที่ต่ำกว่าแก๊ส และ การสตาร์ทกระชากหัวฉีดที่รอบสูง เป็นต้นครับ



บันทึกการเข้า

Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 13, 2013, 12:48:33 pm »

ถึง AC  Autogas ครับ  อยากได้ตัวนี้ผมไม่ใช่ร้านติดแก็ส  แต่สามารถซื้อตัวนี้มาใช้ได้หรือไม่ครับ ที่ Ac Thailand มีไหมครับ
อ่านดู Poland บอกว่าต้องเป็นตัวแทนจำหน่าย เท่านั้นที่มีสิทธิ์ซื้อได้
ถ้า Ac AutoGAS ขายผมได้ไหม  ราคาแรงไหมครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 13, 2013, 12:51:24 pm โดย Punpun » บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.042 วินาที กับ 20 คำสั่ง