Languages
หน้า: [1] 2 3 4 5   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 2 อาทิตย์ กับ 2.5 VG Turbo 4WD + กล่องข้าวน้อย IFRIT  (อ่าน 28237 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 02:07:52 am »

ใน Nano Meeting ที่ผ่านมา ผมได้นำเอาเจ้าปาอ้วน 2.5 VG Turbo 4WD ไปติดกล่องข้าวน้อย IFRIT Step2 มาเป็นที่เรียบร้อย นับจากตอนนั้นมาก็ประมาณ 2 อาทิตย์ที่ได้ทำการทดสอบ เก็บข้อมูลต่างๆ ขออนุญาตินำมา share เพื่อเป็นข้อมูลนะครับ

อันดับแรก เรื่องความแรง อันนี้ต้องยอมรับจริงๆครับว่าของเขาแรงจริงๆ ตอนติดเสร็จ ผมเอารถออกจากร้านเพื่อไปลองวิ่งดู ตอนออกจากร้านนั้น Mode ที่ตั้งไว้คือ Race2 ตอนออกตัวนี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเหยียบแรง แต่ด้วยความเคยชินก็กดคันเร่งลงไปพอสมควร ผลก็คือ...ออกเอี๊ยดครับ....ไม่นึกว่าเจ้าอ้วนที่หนัก 2 ตันจะออกเอี๊ยดเป็นกับเขาด้วย......ในระหว่างการขับ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้ทดสอบทั้ง Mode Race1 และ Race2 แม้แต่ Mode Race1 ก็ให้ความรู้สึกว่ารถเร่งได้ดีขึ้น ต้นมาเร็วขึ้นไม่ต้องรอรอบนานเหมือน STD ยิ่งถ้าเป็น Mode Race2 นี่เวลาขับนี่รู้สึกว่าต้องยั้งๆเท้าไว้หน่อยด้วยครับ เพราะกดคันเร่งนิดเดียวมันก็กระชากแล้วครับ ผมชอบมากกับการเรียกต้นมาได้เร็วขึ้นของกล่องข้าวน้อย แก้ปัญหาเรื่องของเวลาแซงได้ดีเยี่ยมเลยครับ  good good good สำหรับความเร็วสูงสุดนั้นผมไม่ได้ test นะครับ เพราะเจ้าปาอ้วนของผมยังใช้ช่วงล่าง และ brake เดิมๆอยู่ครับ ด้วยชุดช่วงล่างและ brake แบบนี้ผมขับเต็มที่ก็ประมาณ 150 ก็ยกแล้วครับ เกรงว่าจะเอาไม่อยู่เวลาเกิดอะไรขึ้นแบบกระทันหัน สรุปในเรื่องของความแรงโดยเฉพาะตีนต้นนี่ถูกใจมากครับ ขับต่างจังหวัดเวลาเร่งแซงได้ทันใจ ไม่ต้องรอรอบนาน แถมไม่ต้องกดคันเร่งมากก็มาแล้วครับ
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 02:23:02 am »

อันดับต่อมา เรื่องอัตราการบริโภคน้ำมัน......ต้องให้เป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนนะครับ เจ้าปาอ้วนของผมเป็น 4WD และเปลี่ยนยางเป็นยาง AT ของมิชลินรุ่น Latitude Cross ขนาดเท่ายางมาตรฐาน และใช้แม็กเดิมครับ ตั้งแต่รับเจ้าปาอ้วนเข้ามาอยู่ในบ้าน ผมวัดอัตราการกินน้ำมันตลอดครับ การขับรถของผมปกติจะอยู่แถวชานเมืองครับ รถไม่ติดมากมายนัก ช่วงแรกที่ออกรถมาและยังไม่ได้เปลี่ยนยาง เจ้าปาผมจะบริโภคน้ำมันอยู่ประมาณ 9-9.5 กิโลเมตร/ลิตร หลังจากเปลี่ยนยางแล้ว เจ้าปาผมกินน้ำมันมากขึ้น อัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 8.4-8.7 กิโลเมตรต่อลิตร ครั้งแรกที่เปลี่ยนยางนี่รู้สึกได้เลยครับว่าต้องกดคันเร่งลึกมากขึ้นกว่าธรรมดาในตอนออกตัว ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการใช้ยาง AT ที่มีดอกยางใหญ่ขึ้น หน้าสัมผัสของยางกับถนนมากขึ้น หลังจากติดเจ้ากล่องข้าวน้อยแล้วผลปรากฏว่าอัตราการกินน้ำมันกลับมาอยู่ที่ 9.3-9.4 กิโลเมตร/ลิตร.......ประหยัดขึ้นอีกครับ......ไม่น่าเชื่อ......ผมเองยังไม่อยากเชื่อเลยครับ.......ทั้งนี้น่าจะมีผลมาจากเมื่อติดกล่องแล้ว เวลาเร่งออกตัว หรือเร่งแซง ไม่ต้องกดคันเร่งลงไปมากนัก ขับแบบค่อยๆเติมคันเร่งก็วิ่งได้สบายแล้วครับ นอกจากนี้หลังจากติดกล่องข้าวน้อยแล้ว ผมต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีและนิสัยในการขับบ้างเพื่อให้เข้ากับรถที่มีนิสัยแตกต่างจากเดิม ซึ่งการเปลี่ยนวิธีการขับนั้นเป็นผลมาจากปัญหาเรื่องของความร้อนครับ (จะกล่าวถึงในรายละเอียดในประเด็นต่อไป) ซึ่งผมต้องปรับเปลี่ยนมาขับแบบ "กดแล้วยก" เพื่อเลี้ยงระดับความร้อนไม่ให้สูงเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอน "ยก" นี่แหละครับ เป็นจังหวะที่ความร้อนจะลดลง ยิ่งยกนาน ความร้อนก็ลงมาก ผมเลยกลายเป็นคนขับรถแบบว่าทิ้งระยะจากคันหน้าห่างๆ และปล่อยรถไหล (ถอนคันเร่งออก) ให้ยาวขึ้นก่อนกดเบรก เพื่อช่วยลดความร้อนของเครื่อง กลายเป็นว่าเปลี่ยนวิธีขับเพื่อแก้ปัญหาเรื่องความร้อน แต่ได้ประโยชน์ในการประหยัดน้ำมันมากขึ้นมาด้วยครับ
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 03:07:49 am »

ประเด็นต่อมา เรื่องความร้อน.....จริงๆแล้วก่อน Nano Meeting ผมได้ทราบข้อมูลว่า ป๋ากล้วย ใช้ปา 4wd 2.5 VG เหมือนผม ติดกล่องข้าวน้อยไปแล้วมีปัญหาเรื่องความร้อน แต่ด้วยความอยาก เลยคิดว่าลองดู อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีปัญหามากน้อยแค่ไหน ในงาน meeting ก็เลยจัดกล่องข้าวน้อย step 2 มาซะ ใน meeting ผมได้คุยกับป๋าๆ ทั้งที่มาติดใหม่ และป๋าๆสมาชิกแก๊งค์กระเป๋าแหกอยู่แล้ว เกี่ยวกับระดับความร้อนของเครื่องเมื่อติดกล่องข้าวน้อย แต่ปรากฏว่าวันนั้นไม่มีปารุ่นเดียวกับผมมาเลย มีแต่เครื่อง3.2 หรือไม่ก็ 2.5 2WD ซึ่งเท่าที่สอบถามดู ทั้ง 2 รุ่นไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน สำหรับเจ้าปาอ้วนของผม เมื่อติดกล่องข้าวน้อยเข้าไปก็มีปัญหาเรื่องความร้อนตั้งแต่การวิ่ง test run รอบแรกเลย คือหลังจากติดเสร็จผมก็เอาเจ้าปาออกไปลองที่ถนนอักษะ ระหว่างทางที่วิ่งออกจากร้าน ไปถนนอักษะ ผมก็สังเกตุอยู่แล้วว่าความร้อนขึ้นค่อนข้างเร็วจาก 64 เพียงไม่กี่นาทีความร้อนก็ขึ้นไปอยู่ที่ 80 แล้ว พอถึงถนนอักษะ ผม test run รอบแรกด้วย Mode Race2 ออกตัวแบบเนิบๆ เสร็จแล้วก็ลองกดเต็มที่ไม่มียกครับ เจ้าปาพุ่งทะยานไปอย่างเร็ว และผลปรากฏว่า......ความร้อนทะลุ 100 ที่ความเร็วแค่ 120 ครับ Smart Guage ร้องลั่นครับ พอยกคันเร่ง ความร้อนก็ค่อยๆกลับลงมาเหลือประมาณ 96 test run รอบแรกเลยวิ่งไม่ครบรอบครับ heat ตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งรอบเลย กลับมาจุดเริ่มต้นใหม่ จอดนิ่งๆให้ความร้อนลงมาที่ 91 แล้วค่อยออกตัว ลองใหม่ครับ คราวนี้เปลี่ยนใหม่ลองแบบค่อยๆเติมคันเร่งไม่ต้องรุนแรงครับ ความร้อนก็ขึ้นครับแต่ช้ากว่ารอบแรก ลากไปได้จนถึงความเร็วประมาณ 145.....ความร้อนก็ทะลุ 100 อีกครั้ง....ก็ ok นะครับ อย่างน้อยก็ดีกว่าเดิม........กลับมาใหม่ เหมือนเดิมครับ รอจนความร้อนลงมาที่ 91 แล้วค่อยออกตัว ลองอีกครั้ง คราวนี้ลองแบบ "กดแล้วยก" คือกดแรงขึ้นกว่าที่ลองในรอบที่ 2 พอความร้อนขึ้นถึงระดับ95 ยกคันเร่ง และรอให้ความร้อนลงมากซัก 1-2 องศา แล้วค่อยเร่งต่อ ปรากฏว่าลากไปได้ถึง 170 ครับ ยังไม่ heat.....แต่สุดถนนเสียก่อน ผมลองแบบ test run รอบ 3 อยู่ 2-3 ครั้ง ความร้อนก็ยังไม่เกิน 100 นะครับที่ความเร็วประมาณ 160-170 แต่ความร้อนก็ถือว่าสูงมากครับ อยู่ที่ประมาณ 97-99 องศาเลยทีเดียว

หลังจากวันงาน meeting ผมก็ลองปรับ mode ทั้ง STD Race1 และ Race2 เพื่อดูความระดับความร้อน สรุปเป็นข้อมูลในรูปด้านล่างนะครับ ข้อมูลในตารางเป็นระดับความร้อนใน status ต่างๆในการขับ เป็นระดับความร้อนโดยส่วนใหญ่ในแต่ละ Status นะครับ มีเพียง mode race3 ที่ผมยังไม่ได้ test นะครับ เพราะ แค่ race2 นี่ก็คุมความร้อนค่อนข้างยากแล้วครับ



จากตารางข้างบนจะเห็นได้ว่า แม้แต่ใน Mode Standard ระดับความร้อนก็วนเวียนอยู่แถวๆ 80 ปลายๆ 90 ต้นๆ แล้วครับ ซึ่งเป็นระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับเครื่อง 3.2 หรือ 2.5 2WD ทีนี้พอติดกล่องข้าวน้อย + ทำท้ายราง แรงดันในรางก็เพิ่มขึ้น ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่อุณหภูมิต้องเพิ่มขึ้นด้วย ผมว่าปัญหามันอยู่ที่ความร้อนของเครื่อง 2.5VG สำหรับ 4WD นั้นมันสูงกว่าปกติอยู่แล้ว เลยทำให้ Heat ง่ายเมื่อติดกล่องเข้าไป ซึ่งก็ขึ้นกับวิธีการขับด้วยครับ อย่างที่ผม test run รอบที่ 1 กับรอบที่2 คือรอบที่1 กดเต็มที่ไม่มียก รอบที่2 คือค่อยๆเติมแต่ไม่ยกเช่นกัน ทั้ง 2 วิธี เมื่อรถอยู่ในความเร็วกลาง-สูง ความร้อนจะขึ้นไป 100 อยู่ดี ดังนั้น ถ้าเป็นเครื่อง 2.5VG 4WD ถ้าจะติดกล่องต้องขับเหมือนกับขับรถวางเครื่อง 1J + Turbo คือ กดแล้วต้องยก ห้ามแช่ครับ เวลาขับต้องพยายามเลี้ยงทั้งความเร็วและความร้อนไปในเวลาเดียวกันด้วย  Wink Wink Wink Wink Wink ยากนะจะบอกให้........
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 03:24:26 am »

โดยรวมแล้ว ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องความร้อน แต่ผมก็ยังพอใจในกล่องข้าวน้อยครับ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนนิสัยในการขับ เรื่องความร้อนก็เป็นสิ่งที่พอจะควบคุมได้ครับ โดยทั่วๆไป ผมจะใช้ Mode Race1 ในการขับ (เพราะส่วนใหญ่ขับอยู่แถวชานเมือง รถไม่ค่อยติดครับ) แต่ถ้าขับในเมืองที่รถติด ผมจะปรับมาใช้ Mode STD เพราะการขับแบบ "เร่งแล้วเบรก" ในช่วงรถติดนั้น Mode STD จะควบคุมความร้อนได้ง่ายกว่า ส่วน Mode Race2 ผมจะใช้เมื่อขับต่างจังหวัดในช่วงที่เป็นเลนสวนกัน เพื่อใช้ในการเร่งแซงครับ

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดจะเป็นประโยชน์กัป๋าที่ใช้ 2.5VG Turbo 4WD เหมือนผมที่กำลังคิดจะติดกล่องข้าวน้อยนะครับ เป็นข้อมูลเพื่อให้ป๋าไว้พิจารณากันครับ

ขอขอบคุณป๋าอ๊อด ป๋านะ ที่นำกล่องข้าวน้อยมาแนะนำให้ผมได้ใช้ รวมถึงคำแนะนำต่างๆในการใช้กล่องข้าวน้อยด้วยครับ  สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ

สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
seto16(เอก)
Hero Member
*****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2190


Soil Science is my life


« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 08:21:33 am »

ขอบคุณสำหรับข้อมูล
กล่องนี้เสียบได้เลยหรือว่าต้องตัดต่อสายไฟครับ
บันทึกการเข้า

ไม่เคยคิดเอาชนะใคร แค่เอาชนะตัวเองก็พอแล้ว...
"อยากให้เกษตรกรไทย ใช้ปุ๋ยและสารเคมีอย่างถูกต้อง ไม่น้อยไปจนผลผลิตเสียหาย หรือมากไปจนผู้บริโภคอันตราย"
Mr.Pig (No.031)
Hero Member
*****

like: 25
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2286


"ใจเดียวกัน ทางเดียวกัน"


« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 08:28:43 am »

 like
บันทึกการเข้า

  Smiley "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" red heart
thekop07
Hero Member
*****

like: 200
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8439


« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 09:04:42 am »

เป็นที่มาของคำว่า ร้อน...แรง  victory haha

ขอบคุณสำหรับการรีวิวครับ  hi
บันทึกการเข้า
chan
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 337



« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 10:47:46 am »

ปัญหาความร้อนนั้น จากที่ได้ถามพวกในกลุ่มรถแรง ไทรตันติดกล่อง

เนื่องจากฟรีปั้มทำงานไม่ทันในรอบที่สูงขึ้น

คือเวลาออกตัวแรงฟรีปั้มที่อยู่กับพัดลมหม้อน้ำมันจะฟรีทำให้ใบพัดลมหมุนไม่เติมที่ เป็นการป้องกันใบพัดลมแตก

วิธีแก้จากที่เคยคุยกับกลุ่มที่ชอบความแรง เค้าบอกว่าให้ใส่พัดลมไฟฟ้าที่หน้าหมอนำมีรอบสูงๆ จะช่วยได้

บางคันที่เจอถอนฟรีปั้มกับพัดลมเครื่องออก ใส่พัดลมไฟฟ้า 2 สเตปเลย ของรถยุโรป  (แต่งเต็มสูตร)

ปล.ผิดถูกรอผู้รู้มาตอบอีกที่นะคร้าบ......   สาธุ
บันทึกการเข้า

ไปให้สุดแล้ว.......หยุดที่คำว่าพอ.....
kobv5
Jr. Member
**

like: 12
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 438



« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 04:34:17 pm »

 u
บันทึกการเข้า
Na ratchada
Hero Member
*****

like: 126
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3345



« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 06:13:15 pm »

สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ

รับทราบปัญหา ครับป๋า    เดี๋ยวว่างๆมาตอบและอธิบายสาเหตุให้นะครับ   ตอนนี้ผมอยู่ในสนามบินตรงจุดซ่อมเครื่องบิน   โดนเครื่องยิงสัญญานมือถือตลอด  on line ได้ไม่นานครับ


.....ร้อน  แรง  ดีไหม  55555     ถ้าปรี๊ดแล้วยก   ก้ไม่ค่อยพัง   แต่ถ้าปรี๊ดแล้วกด   อาจจะพังเป็นแถบๆครับ  lala ยอดเยี่ยม u
บันทึกการเข้า
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 11, 2012, 01:02:04 pm »

ขอบคุณสำหรับข้อมูล
กล่องนี้เสียบได้เลยหรือว่าต้องตัดต่อสายไฟครับ

กล่องสามารถเสียบได้เลยครับ แต่smart gauge ต้องมีการเดินสายเล็กน้อยครับ
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
KAG No.97
Full Member
***

like: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1469



« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 11, 2012, 01:07:24 pm »

ออกเอี๊ยดๆ ชอบๆ  ยอดเยี่ยม
บันทึกการเข้า

087 55 99 44 9
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 11, 2012, 01:14:29 pm »

สำหรับปัญหาเรื่องความร้อน หวังว่าป๋าอ๊อด ป๋านะ และพี่ๆที่ IFRIT จะพบวิธีแก้ปัญหานะครับ ถึงผมพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้าไม่มีปัญหาเลยจะสุดยอดกว่านี้มากๆครับ

รับทราบปัญหา ครับป๋า    เดี๋ยวว่างๆมาตอบและอธิบายสาเหตุให้นะครับ   ตอนนี้ผมอยู่ในสนามบินตรงจุดซ่อมเครื่องบิน   โดนเครื่องยิงสัญญานมือถือตลอด  on line ได้ไม่นานครับ


.....ร้อน  แรง  ดีไหม  55555     ถ้าปรี๊ดแล้วยก   ก้ไม่ค่อยพัง   แต่ถ้าปรี๊ดแล้วกด   อาจจะพังเป็นแถบๆครับ  lala ยอดเยี่ยม u

ขอบคุณครับป๋านะ ได้รับคำแนะนำและทราบข้อมูลจากป๋าอ๊อดแล้วครับ ผมกำลังทดสอบขับใน mode Eco ตามคำแนะนำของป๋าอ๊อดครับ ทดสอบเสร็จแล้วจะส่งข้อมูลให้นะครับ ขอบคุณครับ  สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
Na ratchada
Hero Member
*****

like: 126
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3345



« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 11, 2012, 11:56:02 pm »

หวัดดีป๋า TAZZ

ไปแชร์ไว้ในกระทู้กล่องข้าวนะครับ   ยาวหน่อย   เพื่อความสบายใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 11, 2012, 11:57:40 pm โดย Na ratchada » บันทึกการเข้า
Na ratchada
Hero Member
*****

like: 126
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3345



« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 11, 2012, 11:56:39 pm »

หวัดดีป๋า TAZZ

ไปแชร์ไว้ในกระทู้กล่องข้าวนะครับ   ยาวหน่อย   เพื่อความสบายใจ

อย่าตกใจเรื่องความร้อน  แต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน
เรื่องของเรื่องเกิดจากน้องน้ำอีกเช่นเคย  ทั้งที่ความจริงความร้อนถูกสร้างขึ้นเพราะการเสียดสีของโลหะ , ความร้อนจากการสันดาปของระบบเครื่องยนต์ดีเซล  แต่ทั้งหมดไม่ว่าอะไรก็ตามจะส่งถ่ายความร้อนไปให้น้องน้ำ  เช่นกัน  เพราะคุณสมบัติที่ดีของน้ำคือการนำความร้อน (Heat conduction) คือการถ่ายเทความร้อนโดยตรงระหว่างสารซึ่งต้องการการสัมผัสโดยตรง ความสามารถในการนำความร้อนของวัตถุต่างๆมีไม่เท่ากัน โลหะนำความร้อนได้ดีที่สุด น้ำสามารถนำความร้อนได้ใกล้เคียงกับโลหะ  อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการพาความร้อน (Heat convection) หรือการถ่ายเทความร้อนจากการเคลื่อนไหวของโมเลกุลสารจำนวนมากๆ  ส่งถ่ายกันไป  ได้ดีกว่า

เท่าที่เคยฟังและเข้าใจกันมาเรื่องความร้อนนั้น    เริ่มจากเมื่อเราเริ่มstart engine  เครื่องยนต์เริ่มมีการเสียดสีกันจากการระเบิดของการสันดาปในห้องเผาไหม้  ทำให้เกิดความร้อนสูงถึง  500-700 องศาC  ความร้อนที่เกิดขึ้นจะถ่ายเทแทรกตัวเข้าไปในเนื้อโลหะบริเวณใกล้เคียงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว   ในขณะนั้นน้ำก็เริ่มเกิดการแลกเปลี่ยนความร้อนกับโลหะโดยการเริ่มนำพาความร้อนและส่งถ่ายความร้อน ไปตามช่องทางเดินของน้ำในระบบ  ตามหลักการออกแบบเครื่องยนต์   วิ่งไปทุกซอกทุกมุม  ทั้งเสื้อสูบ  ห้องเครื่อง  ห้องเกียร์ ท่อทางเดินของระบบต่างๆ   เพื่อทำการแลกเปลี่ยนความร้อนและขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่อุ่นโลหะและชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์  เพื่อ warm หรือปลุกให้โลหะมีอุณหภูมิสูงขึ้นพร้อมที่จะรองรับการทำงานของเครื่องยนต์  ให้ถึงอุณหภูมิใช้งานได้เร็วที่สุด ( การออกแบบเครื่องยนต์แต่ละรุ่น  มีค่าอุณหภูมิใช้งานต่างกันแค่ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง  87-92 คือพร้อมใช้  และ 90-95 คือเหมาะสม  และใบบางรุ่นที่เครื่องยนต์รอบจัดจ้านอาจสูงถึง 92-97 องศาC  )   ฉะนั้นน้ำก็ทำหน้าที่ของมันไป    ตามที่เคยบอกกันไปแล้วว่าน้ำมีหน้าที่รักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์    และมันก็วิ่งของมันไปเรื่อยๆตามระบบ  พอมันผ่านเข้าไปในหม้อน้ำมันก็ทำหน้าที่อุ่นหม้อน้ำโดยการแลกเปลี่ยนความร้อนอีก  แต่บังเอิญหม้อน้ำนั้นมีครีบอลูมิเนียมในการรับการระบายความร้อนจากอากาศที่เย็นกว่าอีก  จึงทำให้การแลกเปลี่ยนความร้อนของน้ำเสียเปรียบเยอะกว่า  ทำให้ตัวมันมีอุณหภูมิลดลงไปด้วย   พอมันวิ่งกลับไปวนถึงระบบห้องเผาไหม้เมื่อไหร่  มันก็นำพาความร้อนออกมาอีก   เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ  วนเวียนอยู่แบบนั้น

ในการรักษาอุณหภมิของเครื่องยนต์นั้นมันจะถูกส่งถ่ายความร้อนออกมาจากโลหะ  จนบางทีความร้อนของตัวมันสูงมากจนถึงจุดที่กำหนดตามหลักการออกแบบของเครื่องยนต์ที่ต้องการอุณหภูมิใช้งานแค่ในช่วงนั้นๆ  หากมากกว่าก็จะมีวาล์น้ำอีกตัวที่จะคอยเปิดปิดทางเดินของน้ำ เช่น  เมื่อน้ำร้อนถึง 92 องศาเมื่อไหร่  วาวล์จะเปิดระบบให้น้ำร้อนออกไปน้ำใหม่เข้ามาเพื่อให้คงอุณหภมิอยู่แบบนั้นเพื่อรองรับการเสียดสีที่รวดเร็วและการเผาไหม้ที่รุนแรง  เพราะที่อุณหภูมิใช้งานนั้นเหล็กจะมีการขยายตัวเต็มที่พร้อมสำหรับการรองรับการทำงานตามระบบ   และเมื่อมีความร้อนในระบบสูง   น้ำก็มีอุณหภมิสูงและเมื่อน้ำมีอุณหภมิสูงก็ต้องมีแรงดันของการขยายตัวของน้ำด้วย มันก็จะนำพาความร้อนและความดันของตัวมันนั้น   หาทางระบายตัวเองโดยการวิ่งแลกเปลี่ยนความร้อนไปเรื่อย  หากแต่ส่วนอื่นๆร้อนกันหมดแล้ว  ก็เหลือแต่ชุดหม้อน้ำเท่านั้นที่จะดึงความร้อนจากตัวมันออกไปได้    บังเอิญหากรถเราไม่ได้วิ่งเร็วอีก  อากาศที่มาปะครีบอลูมิเนียมก็มีน้อย   การดึงความร้อนออกจากน้ำจึงไม่ดีเท่าที่ควร  จึงจำเป็นต้องออกแบบพัดลมไฟฟ้าช่วยในรอบเครื่องยนต์ต่ำๆอีก หรือความร้อนสูงมากแต่การระบายยังไม่ดีพอ  พัดลมจะเริ่มทำงานหากแต่การระบายนะจุดนั้นยังไม่พอใจเท่าที่ควร   ฝาหม้อน้ำก็จะเริ่มทำงานโดยการที่น้ำมีอุณหภมิสูงมากและมีแรงดันจากการขยายตัวของน้ำมาก   แต่ยังไม่ถึงกับเดือดที่100 องศานะครับ   เพราะในน้ำนั้นเรามีการผสมน้ำยาหล่อเย็นเข้าไปทำให้เพิ่มจุดเดือดของน้ำ  ให้เดือนสูงกว่านี้ อาจจะมีจุดเดือดที่  120-135 องศาก็ได้   แต่เมื่อความร้อนสูงมากแล้วแรงดันก็สูงมากแล้ว  พัดลมไฟฟ้าก็ทำงานแล้ว     แรงดันนั้นจะดันวาวล์ที่ฝาหม้อน้ำนั้นเปิดออกยอมให้น้ำในระบบดันออกไปที่ถังพักน้ำสำรองในห้องเครื่อง  เมื่อน้ำร้อนในหม้อน้ำมาเจอน้ำเย็นในถังสำรองนั้นด้วยที่การถ่ายเทความร้อนที่เร็วก็เริ่มถ่านเทความร้อนให้กัน   และการที่แรงดันถูกระบายออกมาที่ถังสำรองนี้ก็ทำให้แรงดันลดลง  ขณะนั้นก็ยังมีพัดลมไฟฟ้าช่วยอีก   พออุณหภูมิน้ำลดลง  แรงดันก็ลดลง  วาว์ลฝาหม้อน้ำก็ปิดตัวลง  ขณะที่แรงดันลดลงนั้นในเมื่อระบบหม้อน้ำเป็นสูญยากาศก็จะมีรูเล็กๆที่ฝาหม้อน้ำดูดน้ำจากถังสำรองกลับมาเพื่อทำงานตามระบบต่อไป   ฉะนั้นจะสังเกตุได้ว่า  จะมีคำแนะนำให้เติมน้ำนังสำรองไม่ให้เกิน max และเวลาหม้อน้ำร้อนอย่าเปิดฝาหม้อน้ำเพราะแรงดันมันสูงมากๆ     และอีกอย่างตรงนี้เองผมก็เพิ่งเข้าใจว่าถังพักน้ำสำรองหม้อน้ำมีหน้าที่ทำอะไร  นึกว่าเอาไว้สำรองให้เผื่อน้ำในหม้อน้ำยุบ   หารู้ไม่ว่ามันช่วยเรื่องการระบายแรงดันนี่เอง  ฉะนั้นการที่จะลดความร้อนโดยการเปลี่ยนฝาหม้อน้ำให้ทนแรงดันสูงขึ้นนั้น   อาจดีในความเร็ว  แต่อาจมีปัญหาในการจราจรแออัดเช่นในเมืองหลวง  เพราะแทนที่ฝาวาวล์จะเปิดก่อน  ก็ต้องรอให้แรงดันในระบบสูงกว่าเดิมอีก  วาวล์จึงจะยอมเปิดออก    หรือเปลี่ยนวาล์วน้ำเพื่อให้เปิดก่อนอุณหภูมิใช้งาน  เพื่อลดความร้อนลง  ก็อาจจะเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาจากประสบการณ์   หรือหากแต่เพื่อสมาชิกพอใจที่จะเปลี่ยน  หรือมีเทคนิคในการปรับแต่ง   ก็แชร์กันได้นะครับ   ผมก็ฟังมาแต่ทฤษฎีจากที่ปรึกษา  ก็เลยมาแชร์กัน


คราวนี้ก็มาถึงเรื่องการแต่งกล่องข้าวน้อยแล้วความร้อนขึ้นสูง    รถผมติด autometer water temp โดยใช้ Sensor จับอุณหภูมิน้ำขาออกจากเครื่อง(จะวัด temp ของน้ำ)    และติด Smartguage เพื่อจับความร้อนจากระบบที่ ecm นำไปใช้งาน(ซึ่งจะเป็นความร้อนจากเครื่องยนต์+น้ำ)  ฉะนั้นที่ว่า ค่าที่วัดแบบไหนเชื่อถือได้  ผมขอบอกว่า Smart guage จับค่าสูงกว่าประมาณ 2-3 องศา  หรือจะเรียกว่าเร็วกว่าก็ได้   อย่างน้อยก็จะได้เตือนให้ยกคันเร่งกันก่อนได้
ในการติดกล่องข้าวน้อย 2  นี้   จะมีความร้อนตอบสนองเร็วกว่าเดิมประมาณ  3-5 องศา  ถ้าเราเร่งเหยีบบคันเร่ง   ฉะนั้นแต่เดิมเราเคยขับกัยแบบเดิมๆ  อืดๆ  เราก็กดโดยการค่อยๆเติมค้นเร่ง  พอกดเร็วก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก  มันก็ไปตามการตองสนองเครื่องยนต์ของมัน   แต่พอเราแต่งกล่องกันแล้ว   การตองสนองเครื่องยนต์เร็วกว่า  ยิ่งพอเหียยบเร็วยิ่งตอบสนองเท้าดี  เราก็เลยเพลินตะบี้ตะบัน มันส์กับการเหยียบคันเร่ง   แต่พอความร้อนขึ้นจนร้องเตือนก็เลยแอบตกใจ  ทั้งที่เข็มหน้าปัดในเรือนไมล์ก็ไม่ได้กระดิกสูงกว่าเดิมเท่าไหร่   หรือเป็นเพราะ Smart Guage มันหลอนเราหรือป่าว 55555
สำหรับเครื่อง VG นั้นเป็นระบบ Turbo แปรผัน   มีการบูสตัวเองที่ความเร็วรอบจองเครื่องยนต์ที่กำหนด  พอได้เวลากล่องสั่งเปิดระบบ VG ก็จะสร้างบูส กวาดบูสให้เกิดขึ้นเสมือนแต่งโบใหญ่กว่าเดิม   จุดนี้คือจุดที่เครื่องยนต์ต้องการประสิทธิภาพของเครื่องฉะนั้นอุณหภูมิใช้งานของเครื่องยนต์ตรงนี้จะอยู่ที่จุดสูงเพื่อรองรับการทำงานแบบเร่งประสิทธิภาพของตัวมันเอง   และในรอบสูงก็เช่นนั้น  จุดนี้เองจะเห็นได้ว่า   เพียงแค่เดิมๆเครื่อง VG ก็มีอุณหภูมิเครื่องยนต์สูงกว่าอยู่แล้ว   เครื่อง VG นี่ตรงลงมันมีอะไรมากกว่าเครื่องเดิมเยอะน่ะ   อุณหภูมิก็สูงกว่าเดิม  น้ำมันก็อร่อยกว่าเดิม  สะดีดสะดิ้งสะพัดกระพืบก็มีมากกว่าตัวเดิม   แถมยังมีน้ำมาฉีดเลอะเทอะที่ไฟหน้าเข้าไปอีก  555555  นี่แหละ  VG = Very Good ?.. (กำไรของ MMTH )

สำหรับเครื่อง VG ทางเราได้สูตรจากที่ปรึกษา  ที่ทำ Montero มาลองใช้   และเป็นแนวทางเดียวกับทีมที่ปรึกษาในนี้    และวันนี้มีการทดสอบกับ 2.5 VG  4WD เรียบร้อยได้ผลเป็นที่น่าพอใจและสนใจ

แนะนำ : กล่องที่เราเอามาแนะนำกันนี้  ไม่ใช่กล่องที่ดีที่สุด เพียงแต่การตอบสนองของการใช้งานตรงกับที่เราต้องการที่สุด  ทั้งเรื่องสินค้า  การบริการหลังการขาย   ข้อมูลเชิงเทคนิค  ปัญหาการใช้งาน  แนวทางการแก้ไขและทดสอบและทดลองอย่างจริงจัง  กับ Pajero Sport เกียร์ Auto เท่านั้น    เป้าหมายคือการเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้ดีที่สุด  และไม่ต้องคอยดูแล ปรับแต่งอะไร    ไม่เน้นความเร็วปลายนะครับ   อยากรู้ไปลองกดกันดูครับ   พอวิ่งได้แต่ไม่ถึงขั้นไปแข่งกับใครเขา    ปล่อยแรงไปเดี๋ยวโดนข้อหาขับจี้ตูดชาวบ้านเขา
     
อร่อยที่ปลายลิ้น : สำหรับ Smart Guage ตามหลักการที่อธิบายไปนั้น   ให้ตั้งเตือนที่  98 องศาครับ   และพอปรี๊ด  ก็ยกกันบ้างนะครับ   ส่วนใหญ่ผมกดหลายรอบล่ะ  จะปรี๊ดช่วง   180-190 ในขณะกำลังกดเติมเค้น    หากช่วง 180 ไปแล้วลองหยุดการกด รอไหลแล้วค่อยๆเติมตามไปเลย  190+  ก็ยังไม่ร้องน่ะครับ   ฉะนั้นอย่าตกใจเรื่องความร้อน  แต่ให้เข้าใจเรื่องความร้อน  ครับ

บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 5   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.081 วินาที กับ 20 คำสั่ง