Languages
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 ... 13   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอเปิด ห้องเครื่องเสียง  (อ่าน 167363 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #15 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 01:35:07 pm »

 ยอดเยี่ยม ตอนที่ 2.1

                amp ตัวถนัดมาที่นำเสนอ ครับ u dimension Pro X 500.24 เสียงออกแนวดนตรี Japan ครับ อิอิ คือ แนวเสียงสดใส และ โปร่ง ดีในช่วง กลางแหลม (แหลมไม่ทอดยาว และ กลางต่ำไม่ดีนัก) ดั่งนั้นต้องดู ที่วิทยุ และ สายสัญญาณ ร่วมทั้งลำโพง ต้องมีการทดแทน ให้ได้ตามแนวเพลงที่ น้าๆ ฟังกัน

SPECIFICATIONS                                                ProX 500.24
Channel                                                            2ch / 4ch
BIC                                                                   N/A
SMD Tech.                                                        N/A
Load impedance @ Stereo                               1 ohm stable
Load impedance @ Bridged                              2 ohm stable
4 ohms / 1ch                                                    65W(4ch) 190W(2ch)
2 ohms / 1ch                                                    95W(4ch) 250W(2ch)
1 ohm / 1ch                                                     125W(4ch) N/A(2ch)
Fuse                                                                 25A x 2
S/N ratio                                                          95 dB
Input Sensitivity                                             150m-6V
Sub-sonic                                                         N/A
HPF                                                            50-500 Hz or
                                                              500 Hz-5 KHz, 12dB/oct.
LPF                                                            50-500 Hz or
                                                               500 Hz-5 KHz, 12dB/oct.

Dimension (Length)                                    330mm (380mm)
LPF: Low Pass Frequency HPF: High Pass Frequency
Specifications are subject to change without notice



บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #16 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 01:38:50 pm »

มานั่งอ่าน   มาเก็บความรู้  มาแอบดูของแต่ง    good good good


และมารอป๋าหนึ่งต่่อจากป๋าแจ๊คกี้   อิ  อิ  ด้วย

 สาธุ ไม่ได้ เป็นความรู้มากนะ ครับ แค่ อยากทำครับ เพราะ ผมไม่สามารถ ทำแบบ น้านะ ได้ ครับอิอิ ทุนไม่พอ โอ๊ยมึน

 ยอดเยี่ยม และ ข้อมูลส่วนใหญ่ก็ถามบุคคล และ web ที่มีข้อมูล u

ป๋าหนึ่ง อยู่แถวห้วยขวางหรือป่าว   อยู่ใกล้กัน  อยากเจอตัวจังเลย  อิ  อิ

 ฮือๆๆ เอาแล้ว ๆ ผู้ ชาย อยาก พบ haha ผมทำงานที่ บริเวณ ถนนวิทยุ ครับ บ้านอยู่พระประแดง ครับ อิอิ น้าว่างวันไหน นัดได้ ครับ ยอดเยี่ยม
บันทึกการเข้า
Nakavabi
Hero Member
*****

like: 22
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2554



« ตอบ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 01:45:35 pm »

มานั่งอ่าน   มาเก็บความรู้  มาแอบดูของแต่ง    good good good


และมารอป๋าหนึ่งต่่อจากป๋าแจ๊คกี้   อิ  อิ  ด้วย

 สาธุ ไม่ได้ เป็นความรู้มากนะ ครับ แค่ อยากทำครับ เพราะ ผมไม่สามารถ ทำแบบ น้านะ ได้ ครับอิอิ ทุนไม่พอ โอ๊ยมึน

 ยอดเยี่ยม และ ข้อมูลส่วนใหญ่ก็ถามบุคคล และ web ที่มีข้อมูล u

ป๋าหนึ่ง อยู่แถวห้วยขวางหรือป่าว   อยู่ใกล้กัน  อยากเจอตัวจังเลย  อิ  อิ

 ฮือๆๆ เอาแล้ว ๆ ผู้ ชาย อยาก พบ haha ผมทำงานที่ บริเวณ ถนนวิทยุ ครับ บ้านอยู่พระประแดง ครับ อิอิ น้าว่างวันไหน นัดได้ ครับ ยอดเยี่ยม

อยากลองฟังรถน้าหนึ่งจัง ผ่านซอยแถวบ้านน้าทุกวัน

เมื่อวานได้คุยกะเฮียนพให้ข้อมูลดีมากเลยครับ เฮียชวนเข้าไปที่ร้านกลัวเข้าไปเสียตังมากเลย
บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 02:14:22 pm »

 lala ตอนที่ 2.2

       ตัวนี้เป็น amp ที่ใช้อยู่ใน Pajero sport 2.5GT ได้แก่ ARC FD4100 มีรีวิวใน AudioTeams โดยจะเป็นรุ่นใหญ่ กว่า คือ FD4150 ผมนำมาแปะให้ครับ

      -  รูปลักษณ์ และ การใช้งาน
 ยอดเยี่ยม FD4150 เพาเวอร์แอมป์คลาสเอบีให้กำลังขับ 80 วัตต์ 4 แชนแนลที่โหลดความต้านทาน 4 โอห์ม กำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 160 ต่อแชนแนลที่โหลดความต้านทานเหลือ 2 โอห์ม เมื่อบริดจ์ให้เพาเวอร์แอมป์ทำงานเหลือเพียง 2 แชนแนลที่โหลด 4 โอห์มจะได้กำลังขับแชนแนลละ 320 วัตต์ ตอบสนองความถี่ 20 - 30 , 000 เฮิรตซ์ ความเพี้ยนที่เกิดขึ้น 0.05 เปอร์เซ็นต์ อัตราส่วนของสัญญาณต่อเสียงรบกวนมากกว่า 105 ดีบี(ตรวจวัดที่ 1 วัตต์ 4 โอห์ม) อัตราการแยกช่องสัญญาณมากกว่ามากกว่า 75 ดีบี(ตรวจวัดที่ความถี่ 1 , 000 เฮิรตซ์) ค่าการหยุดการสั่นค้างของกรวยลำโพง(แดมป์ปิ้งเฟคเตอร์) มากกว่า 1600(ตรวจวัดที่ความถี่ 100 เฮิรตซ์) รับสัญญาณขาเข้า 250 มิลลิโวลท์ - 2.5 โวลท์ ครอสโอเวอร์ตัดความถี่ 55 เฮิรตซ์ ? 550 เฮิรตซ์(มีปุ่ม x10 จะได้ความถี่ 55 เฮิรตซ์ ? 5 , 500 เฮิรตซ์ ยกเสียงทุ้มที่ความถี่ 45 เฮิรตซ์ 0-18 ดีบี ตัวเครื่องมีขนาด กว้าง 10(3/8) นิ้ว ยาว 21(3/4) นิ้ว สูง 2(3/8)นิ้ว
        - ผลการลองฟัง

 เหอะ ประโยคที่ท่านผู้อ่านจะได้ทราบต่อจากนี้ ผมยืนยันว่าไม่ผิดนะครับ ? เหมือนเอาข้อดีของเพาเวอร์แอมป์ในรุ่น CXL และรุ่น XXK มารวมเข้าไว้ด้วยกัน ? รวมได้อย่างไร จากการคาดเดาคิดว่า ผู้ออกแบบคงจะชอบคุณภาพเสียงของทั้ง 2 รุ่น ในบางส่วนบางประเด็น เพาเวอร์แอมป์รุ่นใหม่นี้ จึงเป็นการนำข้อดีมารวมกันไว้ได้อย่างลงตัว ถ้าเป็นการปรุงอาหารก็กล่าวได้ว่า กลมกลืน กลมกล่อม ผสานกันได้อย่างลงตัวทีเดียว

ย่อหน้าแรกผมเขียนขึ้นมากจาการฟังเพาเวอร์แอมป์เครื่องนี้เพียงครั้งแรก เป็นความรู้สึกที่ย้อนกลับไปถึง และก็ทราบเป็นอย่างดีว่า หากเป็นเครื่องใหม่แกะกล่อง ต้องเบิร์นอินกันสักหน่อย เพื่อคุณภาพเสียงจะได้เข้าที่เข้าทาง ด้วยความตั้งใจ จึงเปิดด้วยแผ่นเบิร์นอินได้สัก 30 ชั่วโมง ต่อจากนั้นเป็นบทเพลงปกติ รวมเวลาการใช้งานก็ประมาณ 60-70 ชั่วโมง ที่ไม่สามารถระบุเวลาที่แน่ชัดได้ ก็เนื่องมากจากว่า ขณะเขียนบทความนี้อยู่นั้น FD4150 ก็ยังคงทำหน้าที่ขับกล่อมบทเพลงให้ผมได้ฟังอยู่นั่งเองครับ

       ประเด็นเรื่องน้ำเสียงที่รวมไว้ด้วยกันคือ มีมวลเนื้อเสียงที่ข้นและมีความโปร่งใส่ ลองนึกถึงน้ำผึ้งแท้ จะมีความข้นและเหนียวกว่าน้ำเชื่อมและน้ำเปล่า เป็นความข้นจากการมีมวลสาร แต่น้ำผึ้งนั้นจะไม่ทึบแสง เทออกมาจากขวดมีความกอดรัดเข้มข้นเป็นกลุ่มก้อน แม้จะไม่ให้แสงผ่านได้ทั้งหมด แต่ก็มีความใสโปร่งแสง พอจะเปรียบน้ำเสียงของเพาเวอร์แอมป์เครื่องนี้ได้ประมาณนั้น ด้วยความที่เพาเวอร์แอมป์มีมวลเนื้อเสียง ไม่บางขาดน้ำหนัก โดยมีช่องว่างช่อไฟที่สะอาด มีความโปร่งใสและเว้นวรรคตอนได้ดี ชัดเจนไดนามิกแรงปะทะต้นโน้ต นับเป็นการเติมความสะอาดใสเข้าไปในความเข้นข้นได้อย่าลงตัว

? ได้อย่างไม่เป็นปัญหาครับ ? เป็นคำกล่าวถึงหากนำเพาเวอร์ไปใช้ขับลำโพงกลางแหลม 1 คู่และลำโพงซับวูฟเฟอร์ 1 ดอก จากการที่ได้ลองฟังเพลงคลาสสิค เปิดด้วยระดับเสียงค่อนข้างดัง ความเด็ดขาด การแยกแยะโน้ตเสียง และการควบคุมระดับสัดส่วนมิติเวทีเสียง ยังคงตรึงนิ่ง ไม่ส่งอาการพร่าเบลอ ไม่ส่งความเพี้ยนหรือความสับสนของชิ้นดนตรีออกมาให้รับรู้ กับเพลงร็อกเบสมันส์ๆก็ถึงอกถึงใจ ได้ความเด็ดขาดกระแทกทั้นดีทีเดียว

     เสียงทุ้ม ไม่ได้มากด้วยปริมาณ แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ถ้าต้องการปริมาณสามารถปรับเพิ่มได้ คุณภาพที่มีคือการแยกน้ำหนักซึ่งจะเป็นรายละเอียดที่น่าฟัง ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักการตีกลอง น้ำหนักกีต้าร์เบส แยกความหนักเบาออกจากกันให้รับรูได้อย่างชัดเจน บุคลิกเสียงทุ้มออกไปทางกระชับแรงปะทะไม่คมมากเน้นไปที่น้ำหนักย้ำเน้นที่เข้มข้นอัดแน่น

เสียงกลาง ความสามารถในการแยกเสียงที่ค่อนไปทางทุ้มของนักร้องชายออกจากเสียงที่ค่อนไปทางแหลมของนักร้องหญิง บ่งบอกว่าเพาเวอร์แอมป์เครื่องนี้ เสียงกลางไม่เอนเอียงไปทางอิ่มหนาของกลางต่ำ และไม่ติดบางขาดเนื้อไปทางกลางสูง ที่สำคัญเสียงในย่านนี้ไม่โปร่งสว่างจ้ามาเด่นล้ำ มีความสมดุลของเสียงที่ดี เป็นเสียงกลางที่ฟังเพลงขับร้องได้ความไพเราะ มีความลื่นไหล การให้ไดนามิกที่ดีส่งผลให้เสียงร้องมีพลัง

เสียงแหลม แยกซอยออกมาเป็นเส้นสายย่อย มีมวลเนื้ออยู่ในเส้นสาย ไม่บางขาดน้ำหนัก เสียงไม่สั้นคมสด เสียงมีความกังวานแต่ไม่มากนัก เด่นชัดที่การแยกน้ำหนักแรงกระทบ ความกังวานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายละเอียด ชัดเจนละเอียด เป็นเสียงแหลมที่ช่วยเสริมให้บรรยากาศของบทเพลงโดนรวมสะอาดใสน่าฟัง

มิติเวทีเสียง กว้างลึกได้สมดุล แต่จะโอนเอียงไปทางด้านกว้างมากกว่า พลังนอกจากจะทำให้เสียงหลุดจากลำโพงออกมาได้ดีแล้ว ขอบเขตที่อาณาบริเวณที่เสียงกระจายออกไปยังกว้างขวางโอ่อ่า โฟกัสเสียงตรงกลางเด่นชัดเจน ประเด็นนี้ต้องนั่งฟังกลางลำโพงนะครับ ในด้านตื้นลึกรับรู้ว่าอะไรอยู่แถวหน้าอะไรอยู่อยู่ลึกเข้าไป แต่ไม่ถึงขั้นจำแนกออกมาได้อย่างเด็ดขาดจากกัน แต่หากเทียบด้วยเสียงที่ก้องกังวานจากตำแหน่งที่ลึกเข้าไปในเวทีเสียง เสียงเหล่านี้จะมีปรากฏให้รับรู้ได้จากเพาเวอร์คุณภาพเท่านั้น
  

      สรุปการ การใช้งานผมนำมาใช้งานได้ประมาณ 1เดือนในการขับ คู่หน้า โดยใช้ morel hybrid ovation ii วิทยุ เดิมๆ ฟังดีที่เดียว ครับ ความรู้สึกแบบเดียวกับ รีวิว ครับ

อ้างอิง
  QC Car Audio : http://www.qccaraudio.com/webboard/index.php?board=2.0
  AudioTeams : http://www.audio-teams.com/autosound/poweramp/ARC-fd4150/1.shtml
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 25, 2011, 02:16:49 pm โดย myone » บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #19 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 02:19:26 pm »

  @ Nakavabi อิอิ รถผมกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ครับ อิอิ นัดฟังได้ ครับ หรือ ไปที่ร้าน QC หรือ ร้านใกล้ๆ บ้าน พาไปฟังแต่ละร้านได้นะ อิอิ ยอดเยี่ยม
บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #20 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 02:38:21 pm »

 ยอดเยี่ยม ตอนที่ 2.3

                amp ARC SE4100
4 Channels @ 4 0hms    

4 x 65 watts
4 Channels @ 2 0hms    4 x 110 watts
4 Channels @ 1 0hms    4 x 86 watts
2 Channels @ 8 0hms    2 x 125 x 2watts
2 Channels @ 4 0hms    2 x 215 watts (bridged)
2 Channels @ 2 0hms    2 x 146 watts (bridged)
     
Frequency Response    4Hz - 100KHz
Crossover Range    30Hz - 550Hz (x10 300Hz - 5500Hz)
Bass Boost    0 - 15dB @ 20Hz-80Hz
Fuse    40A x 2
S/N Ratio (a wtg) ref 1Wall 40hm    >93 dB
Separation @ 1kHz    >70 dB
Dampeninig (25W 2x40hm 100Hz)    >1200
Low Level Imput Sensitivity    .3V - 4V
Balanced Input Sensitivity    .6V - 8V
High Level Input    NA
Idle Current    1.50A
Dimensions    15 1/2 "(L) X 8"(W) X2 1/2"(H)

                โดยตัวนี้ผมใช้อยู่ ปัจจุบัน ใช้ ch1,2 ขับแหลม และ ch3,4 ขับกลาง ของ morel hybrid ovation ii


โปรดอ่านรีวิว และ อ้างอิงจาก

QC Car Audio : http://www.qccaraudio.com/webboard/index.php?topic=2113.0

AudioTeams :  http://www.audio-teams.com/webboard/?ca1=17&id=40456
บันทึกการเข้า
Na ratchada
Hero Member
*****

like: 126
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3345



« ตอบ #21 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 02:47:50 pm »

  @ Nakavabi อิอิ รถผมกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ครับ อิอิ นัดฟังได้ ครับ หรือ ไปที่ร้าน QC หรือ ร้านใกล้ๆ บ้าน พาไปฟังแต่ละร้านได้นะ อิอิ ยอดเยี่ยม

ไปไหน  ไปด้วยซิ   อยากฟัง   ชอบ   
บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #22 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 02:53:16 pm »

 good ตอนที่ 2.4

          amp Celestra FA2150 แนวเสียงออกแนว สุขุม ครับ มีเนื้อเสียงกลาง เสียงแหลม มีการทอดตัว แต่ขึ้นอยู่กับลำโพงแหลม นะ

 ยอดเยี่ยม 2x 150W rms nominal output power;
2x 300Wrms (into 2 ohm);
2x 370Wrms (into 1 ohm) - 1x 740Wrms into 2 ohm bridge
tri-mode operation (mono + stereo without any switch or adapter);
bypassable low-pass and high-pass internal cross-over fully independent in tuning (50-5K)Hz;
Double 500W DC (@12V) unregulated switching power supplies;
3 pairs TO3P complementary 20 MHz SANKEN transistors (each ch) on audio output stage;
intelligent electronic protect design capable to put out high impulsive currents;
massive battery and speakers connectors:
heavy duty heatsink design, high cooling thermal capability at full power running;
fine light gray polished finish.

           ตัวนี้นำมาขับ SUB ครับ หรือ ลำโพงกลางแหลมที่กิน Watt

โดย อ้างอิง และ รีวิวจาก

QC Car Audio : http://www.qccaraudio.com/webboard/index.php?topic=2581.0


Celestra  : http://www.celestra.it/eng/home.html
บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #23 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 02:55:16 pm »

 @ Nakavabi อิอิ รถผมกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ครับ อิอิ นัดฟังได้ ครับ หรือ ไปที่ร้าน QC หรือ ร้านใกล้ๆ บ้าน พาไปฟังแต่ละร้านได้นะ อิอิ ยอดเยี่ยม

ไปไหน  ไปด้วยซิ   อยากฟัง   ชอบ  

 u นัดมาเลย ครับ อิอิ ทำรีวิว ระหว่าง ประชุม อิอิ  โอ๊ยมึน โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ
บันทึกการเข้า
Rays
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #24 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 03:35:18 pm »

คนรักเครื่องเสียง เข้ามารายงานตัวด้วยคนครับ    like  red heart
บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #25 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 04:43:27 pm »

 ฮือๆๆ ตอนที่ 2.5

 good มาต่ออีก นิด บทความดีๆ จาก QC Car Audio

 ทนไม่ได้ เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องเสียงรถยนต์

เขียนโดย พงษ์เผ่า ทองธิว

อ้างอิง http://www.qccaraudio.com/webboard/index.php?topic=5302.0

สวัสดีครับสำหรับบทความของ เทคนิคเครื่องเสียง ก็กลับมาโลดแล่นบนเวปไซท์กันอีกครั้ง ผมก็เลยได้โอกาสเอาบทความการเลือกซื้อ HEAD-UNITมาแนะนำกันครับว่าการจะเลือกซื้อวิทยุติดรถยนต์สักเครื่องนั้น คุณจะรู้ว่าเครื่องรับซีดีเครื่องไหนเหมาะสมและมีส่วนสำคัญที่ต้องรู้อย่างไรในการเลือกซื้อ

 

สิ่งแรกที่คุณต้องการทำคือทำให้แน่ใจคุณเลือกวิทยุที่เหมาะสมกับงบประมาณและเหมาะสมกับการใช้งานในรถ ที่สำหรับจะติดตั้งในส่วนที่เรียกว่า in-dash ตรงช่องหน้าปัดรถของเราครับและเราจะต้องดูว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งที่เราต้องการที่จะเล่นกันfrontยี่ห้อไหนมากที่สุดเช่น เครื่องรับวิทยุ-ซีดี หรือ DVD การรู้ชนิดแผ่น program หรือ แผ่น softwareว่าจะเป็นformatอะไรที่คุณต้องการเล่นและสถานที่ที่เราจะสามารถหาข้อมูลก็ได้จากหนังสือหรือจะเป็นร้านติดตั้งหรือร้านตัวแทนจำหน่ายเป็นสถานที่ดีที่จะเริ่มต้นหาข้อมูลก่อนจะซื้อ front สักตัวนึงเพราะถ้าซื้อผิดแล้วก็ต้องคิดหนักละครับเพราะfrontตัวหนึ่งไม่ใช่ราคาถูกๆนี่ครับเครื่องรับซีดีใหม่รุ่นใหม่ๆส่วนมากสามารถเล่นแผ่นบันทึกซีดีได้ทั้งแบบCD-R,CD-RWและDVDเครื่องรับวิทยุ-ซีดีติดรถยนต สมัยใหม่หรือรุ่นใหม่ๆนี้สามารถถอดรหัสMP-3กันได้แทบจะทุกยี่ห้อและยังสามารถ เล่นแผ่น DVD ได้อีกด้วย นอกจากจะสามารถแล่นแผ่นได้หลากหลายแบบแล้วสิ่งที่สำคัญที่เราจะต้องเลือกหาและให้ความสำคัญกับมันนั่นก็คือคุณจะได้ความสะดวกในการปรับแต่งระบบเสียงอย่างไรมีรูปแบบและลูกเล่นอย่างไรบ้างในตัว Front ที่เราต้องการเลือกซื้อ

 

Specification
เนื่องจากเพราะตัว specs นั้น สามารถแบ่งและบ่งบอกบอกได้ถึงคุณภาพของตัวfrontได้มากกว่าการที่เราจะมานั่งฟังหรือทดสอบดูด้วยตัวเองยกตัวอย่างเช่นเครื่องเล่นซีดีที่ให้ค่าอัตราการขยายสัญญาณเสียงต่อสัญญาณกวนหรือค่า S/N(SIGNAL TO NOISE RATIO)สูงกว่าเครื่องเล่นเทปปรกติและจะให้สัญญาณเสียงที่ ใสสะอาดปราศจากเสียงรบกวนภาคถอดรหัสสัญญาณเสียง A to D Converter ดูว่ามีอัตราารสุ่มอยู่ที่เท่าไรโดยมาตรฐานของ CD จะอยู่ที่ 44.1 KHz เท่านั้นครับ (Sampling rate) และจำนวนความละเอียดของสัญญาณเสียงในการแปลงสัญญาณนั้น จะเริ่มตั้งแต่ 16bit ไปจนถึง24bit ไม่นับรวมแบบ1bitซึ่งเป็นการแปลงสัญญาณเสียงคนละรูปแบบกันครับ นอกจากนั้นเครื่องรับวิทยุ-ซีดียังสามารถให้ตอบสนองความถี่ที่กว้างกว่าและมีรายละเอียดของเสียงที่มากมายกว่าครับส่วนจะได้มากน้อยแค่ไหนนั้นคงต้องอาศัยการทดลองฟังดูเอาล่ะครับ

จากตัวfront นั้น หากเราต้องการ ทดลองหรือทดสอบอย่างละเอียดแล้วเรายังสามารถใช้เครื่องขยายเสียง เช่น POWER AMP ติดรถยนต์ ที่ร้านติดตั้งนั้นมีอยู่มาใช้ทดสอบเสียงร่วมกันได้อีกด้วยเพื่อให้สามารถรับรู้ถึงคุณภาพของ Front ที่เราจะเลือกซื้อ ได้อีกทางหนึ่งด้วยครับ

กำลังขับ
ปัจจุบันนี้เครื่องเล่น CD RECIVER ที่ใช้สำหรับติดตั้งในรถยนต์ นั้น สามารถ ให้ กำลังขับ ที่ มี Out Put Power ได้ค่อนข้างสูงพอสมควร และโดยมาก ก็จะมี out put มาให้ ถึง 4 out put สำหรับ ลำโพงที่ติดตั้ง ทางด้านหน้า และลำโพง ที่ติดตั้ง อยู่ที่แผง Realdesk ทางด้านหลัง หรือบางยี่ห้อก็จะมีสัญญาณสำหรับSub woofer มาให้ด้วย ซึ่งแต่ละout put นั้น ปัจจุบันก็ให้กำลังขับสูงถึง 50 X 4 WATT แต่สิ่งที่เราควรจะต้องเลือกดูก็คือค่า ของกำลัง watt ที่ ตัวผู้ผลิตกำกับมาให้ที่ตัวFrontนั้นมีค่าลงท้ายเป็นอย่างไรเมื่อตรวจสอบเครื่องรับซีดีจนแน่ใจแล้วว่าเครื่องหมายที่ลงท้ายตัวเลขกำลังขับนั้นเป็นRMSก็ให้แน่ใจได้เลยว่าเราได้ค่ากำลังขับจริงจากตัวFrontที่เราเลือกหาไว้ครับ

ภาคเครื่องรับวิทยุ Tuner
ต้องดูด้วยว่าสามารถที่จะทำการรับสัญญาณวิทยุได้อย่างชัดเจนหรือไม่ลองทดสอบและทำการเปลี่ยนช่องสัญญาณไปเรื่อยเพื่อดูว่าสามารถรับสัญญาณได้ชัดเจนและมีเสียงรบกวนจาก การ ถอดรหัส สัญญาณ วิทยุปนออกมาด้วยหรือไม่เพราะจะเป็นตัวบ่งบอกว่าภาครับวิทยุนั้นมีประสิทธิภาพในการรับสัญญาณ มากน้อยแค่ไหนทั้งภาครับ FMและAM

การปรับแต่งเสียง EQ
โดยส่วนมากเครื่องรับวิทยุ-ซีดีทุกยี่ห้อได้ติดตั้งระบบปรับแต่งสั­­าณเสียงมาให้เพื่อให้เราสามารถปรับแต่งลักษณะรูปแบบของเสียง(shaping)ที่เราฟังจากแผ่นCD โดยเรามารถเริ่มต้นการปรับแต่งได้อย่างง่ายๆด้วยภาคการปรับแต่งเสียงBassและtrebleจากส่วนควบคุมที่หน้าปัทม์ของเครื่องรับวิทยุ-ซีดีและเครื่องรับวิทยุ-ซีดีส่วนมากจะให้มาตั้งแต่หนึ่งหรือมากกว่าFunctionการปรับแต่งเสียง ปรกติที่มีลักษณะการปรับแต่งดังนี้ครับ

loudnessสำหรับเสียงในช่วงความถี่ต่ำโดยรวม เพื่อเพิ่มความรู้สึกให้รับรู้ถึงเสียงต่ำที่เพิ่มมากขึ้นภาค preset เป็นภาคการปรับแต่งที่ ทางโรงงานตั้งมาให้ ซึ่งจะแสดงผลของรูปแบบ EQ เป็นเส้นโค้งบนหน้าจอgraphicสำหรับให้ผู้ใช้งานมองเห็นการปรับแต่งได้อย่างง่ายดายและสวยงามวันนี้เครื่องรับวิทยุ-ซีดีให้ตัวเลือกที่มากมายในการเลือกซื้อเลือกหามากมายและยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เราจะลืมเสียไม่ได้นั่นก็คือ

Preamp OUT PUT
เป็นภาคสัญญาณ out-put สำหรับต่อเข้ากับระบบเครื่องเสียงในภาคของ poweramp ที่จะพูดถึงต่อไปในคราวหน้าครับ ซึ่งหากภาค preout นั้นมีหลายชุด ก็จะทำให้การเชื่อมต่อเข้ากับระบบที่เราเพิ่มเติมเข้าไปนั้นมันจะง่ายกว่าทั้งส่วนของลำโพง ทางด้านหน้า ด้านหลังหรือ การต่อร่วมใช้งานกับลำโพง subwoofers และถ้าเครื่องเล่นของคุณ สามารถเล่น แผ่นMP-3และสมัยนี้ก็สามารถเล่นผ่าน USBหรือ SD card แล้วก็ยิ่งทำให้สะดวกจน แทบจะไม่ต้องเปลี่ยนแผ่นกันเลยครับเพราะคุณสามารถควบคุมรายชื่อเพลงหรือเลือกเล่นเพลงได้จากหน้าจอหรือ Remote control ได้ อย่างง่ายดายครับ ก็ลองเลือกเล่นหรือเลือกซื้อหาได้ตามร้านค้าทั่วไปละครับเลือกในด้านของความคุ้มค่าผมว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับคราวหน้าจะมาพูดถึงภาคต่อของ เทคนิคเครื่องเสียงและจะเข้มข้นมากขึ้นสลับกันไปกับบทความอื่นๆ ขนาดไหนลองติดตามอ่านกันต่อไปละกันครับ

Class ของ Power amplifier

รูปแบบของ  "power amplifier" นั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบแต่ที่เราเคยใช้งานและคุ้นเคยนั้นมีอยู่เพียงไม่กี่แบบเท่านั้นในระบบเสียงและโดยทั่วไปแล้ว pออกแบบมาให้ ใช้เป็นตัวส่งผ่านสัญญาณเสียงในลักษณะของการขยายกำลังเพื่อให้ได้ กำลังหรือขนาดของสัญญาณที่ใหญ่ขึ้น (output stage) ซึ่งผลของกำลังที่ได้ออกมานั้นขึ้นอยู่กับรูปแบบของการจัดการวงจรขยายหรือเรียกง่ายๆได้ว่า classes ของ Amplifier นั่นเองครับ

 การจัดรูปแบบของวงจรขยาย
การจัดวงจรของ Power amplifier (output stages) สามารถแบ่งออกได้เป็นรูปแบบแยกย่อยได้ดังนี้ (classified) ได้แก่ Class A, ClassB, Class AB และ ClassC สำหรับการจัดวงจรขยายในแบบ อนาล็อค หรือการทำงานในแบบ Linear และ class D และ E สำหรับการ จัดวงจรในแบบ  switching amplifier ลักษณะการทำงานแบบนี้ไม่ใช่การทำงานในแบบ ดิจิตอล อย่างที่เข้าใจกัน แต่ก็ยังเรียกกันว่าแอมป์ดิจิตอล ตามแบบที่ฝรั่งเขาเรียกกัน เพียงแต่รูปแบบของสัญญาณจะเป็นรูปแบบการทำงานแบบ On และ Off ที่ให้ผลทางเอาท์พุทออกมาไม่เป็น Sine เต็มรูปแบบ คือ มีขอบเหลี่ยมด้านบน มากกว่า เพาเวอร์ แอมป์ในคลาสทั่ว ๆไปทำให้เกิดเป็นรูปทรงที่คล้ายสัญญาณดิจิตอล ซึ่งลักษณะการทำงานก็คล้ายคลึงกับการทำงานของเพาเวอร์แอมป์ PUSH-PULLทั่ว ๆไป ซึ่งเป็นสัญญาณรูปทรงโค้งแบบปรกติ แต่มักจะใช้กันในวงจรสวิทช์ชิ่งเสียมากกว่าในสมัยนั้น เพราะคุณภาพและเทคนิคที่จะทำให้ขอบสีเหลี่ยมมีความโค้งมลนั้นยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มรูปแบบ การส่งผ่านสัญญาณผ่านทางภาคขยายเอาท์พุทของวงจร โดยสัญญาณที่เข้ามาทางอินพุทของวงจรขยายจะออกไปทางเอาท์พุทของวงจรในภาคขยายสุดท้ายซึ่ง จะต้องมีสัญญาณออกมาให้ครบ 360° ( sinusoidal signal) ซึ่งสัญญาณที่ได้ออกมานั้นจะขึ้นอยู่กับประสิทธิผลของวงจรขยาย(power efficiency).  ที่ได้เลือกเอามาใช้งาน ซึ่งในส่วนนี้นั่นเองที่เราจะมาแนะนำให้เข้าใจถึงรูปแบบการใช้งานและรายละเอียดของการจัดรูปแบบสำหรับวงจรขยายว่ามีความเป็นมาอย่างไรและเราสามารถเลือกใช้รูปแบบใดของวงจรขยายเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุดในการ ขยายสัญญาณเสียงได้อย่างไร

ภาคขยายในแบบ Class A
รูปแบบของการจัดวงจรขยายในแบบ Class A นั้นจะใช้ สัญญาณจาก สัญญาณอินพุท ถึง 100% เพื่อให้ได้สัญญาณเอาท์พุท ที่ มีค่าครบตาม ความเป็นจริงของ สัญญาณ ทางอินพุท (360°หรือ 2?) นอกจากนี้วงจรขยายในแบบ  Class A นั้นจะทำงานที่มีความเป็นเชิงเส้นสูง( linear) มีความเพี้ยนต่ำ มากกว่ารูปแบบการขยายในแบบอื่นๆแต่ก็มีอัตราการสูญเสียกำลังงานออกไปรูปแบบของความร้อนที่สูงมากกว่า เนื่องจากมีการไบอัสตลอดเวลาไม่ว่าจะมีสัญญาณอินพุทหรือไม่มีก็ตาม ซึ่งแตกต่างจากรูปแบวงจรการขยายแบบอื่นๆหรือมี power efficiency สูงมากกว่า การทำงานในวงจรขยายแบบอื่นๆแต่มีกำลังขับที่ได้ออกมาต่ำมากเมื่อเทียบกับกำลังงานที่ใช้ไป นั่นเอง (relative inefficiency). แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่เป็นดังผลของกำลังงานที่เสียไปเพราะเพาเวอร์แอมป์ในแบบ Class A นั้น ให้ผลของกำลังขับที่ได้ ต่ำเอามาก ๆ แต่การจัดวงจรขยายนั้นก็ใช้อุปกรณ์ในการทำงานที่น้อยตามไปด้วยซึ่งนับว่าน้อยกว่าในClass อื่นๆมากทีเดียว แต่สำหรับคอ ไฮ-เอ็น แล้ว เพาเวอร์แอมป์ในแบบหลอดสูญญากาศ ­(Vacuum tube)ที่จัดวงจรแบบวงจรเดี่ยวก็สามารถจัดได้ว่า เป็นการทำงานในแบบ class A stages ด้วยเช่นกัน

บันทึกการเข้า
myone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 261



« ตอบ #26 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 04:48:50 pm »

Class AB
เพาเวอร์แอมป์ที่ออกแบบ มาเพื่อแก้ปัญหาการทำงานของ Class Aและ Class B ซึ่งมีผลเสีย ของการทำงานที่แตกต่างกัน  ทั้งในแง่ของการใช้พลังงานที่ สูญเสียในรูปของความร้อนหรือรูปแบบการทำงานที่เกิดขึ้นจากความเพี้ยนที่จุดตัดของ ภาคเพาเวอร์เอาท์พุท สำหรับ Class AB นั้น ได้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ของ เพาเวอร์แอมป์ ทั้ง 2แบบ ดังที่กล่าวมาข้างต้นด้วยการใช้รูปแบบ การทำงานของ ทั้ง Class AและB มาทำงานร่วมกัน โดยจะทำการแบ่งกันขยายสัญญาณจากอินพุทซีกละครึ่งช่วงคลื่นของสัญญาณในเวลาเดียวกันและจัดรูปแบบการไบอัสเพื่อจ่ายกระแสอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับClass A แต่ก็สร้างความแตกต่างของสัญญาณที่ทำการขยายที่เหลื่อมกันเล็กน้อยหรือ หรือเรามักจะเรียกกันว่า เกิดการ Cross-over distortions ที่จุดตัดสัญญาณของแต่ละซีกของวงจรขยายนั่นเอง แต่ก็ได้สิ่งที่แลกมาด้วยความสมารถในการขยายสัญญาณที่สูงมาก ๆได้ดีกว่าClass A และมีความเพี้ยนที่ต่ำกว่าClass B เอาล่ะครับนี่ก็เป็นเพียงการเริ่มต้นของรูปแบบวงจรขยายให้เราได้พอกล้อมแกล้มคราวหน้าจะมาเริ่มทำการออกแบบงจรขยายกันต่อล่ะครับ แต่ขอทิ้งท้ายไว้สักนิด ไม่ว่า เพาเวอร์แอมป์ Class A หรือ Class AB เราจะได้กำลังขับสูงสุดที่เท่ากันทำไมถึงเท่ากันเพราะในบท  ความบอกว่าไม่เท่ากัน เอาไว้ ติดตามอ่านไปหลาย ๆตอน จะมาเฉลยให้ฟังกันครับ


 ยอดเยี่ยม ส่วนตัวคงเสนอ CLASS ของ AMP เพียงสอง CLASS นะครับ ส่วนน้าท่านไหนมีข้อมูล จัดมาครับ ร่วมกันสร้างสรรค์ เพื่อประโยชน์ แล ความสุข(คงเสียเงินโดยสบายใจ)
บันทึกการเข้า
SANER
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 50


« ตอบ #27 เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2011, 11:00:59 pm »

รอห้องนี้มานานแล้วคับ..
บันทึกการเข้า
nine
Newbie
*

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 263



เว็บไซต์
« ตอบ #28 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 02:33:36 pm »

ห้องนี้ใครหลงเข้ามา ระวังอาจโดนกับดัก กิเลสติดออกไปด้วยนะครับ +1 ชอบๆๆๆๆ ครับ
บันทึกการเข้า
TAZZ
Sr. Member
****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1538


ปาออสซี่


« ตอบ #29 เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 07:55:05 pm »

คนชอบเครื่องเสียงมารายงานตัวด้วยคนครับ ไปจัดชุดเล็กๆมาแล้วครับจาก qc ตามคำแนะนำของป๋า cheeky ป๋าๆจะมี meeting ที่ qc กันเมื่อไหร่ post เรียกด้วยนะคร้าาาาาบ อยากฟังชุดเทพๆ บ้างครับ  สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า

สังคมล้มเหลว ไม่ใช่เพราะคนไม่ดีมีมากกว่าคนดี แต่เป็นเพราะคนในสังคมเพิกเฉยต่อความไม่ดี เท่ากับสนับสนุนคนไม่ดี สุดท้ายคนดีก็อยู่ไม่ได้
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7 8 9 10 ... 13   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.071 วินาที กับ 20 คำสั่ง