Languages
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: **ความรู้เกี่ยวกับเฟืองท้าย อยากรู้ต้องเข้ามาอ่านครับ  (อ่าน 76581 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
[~DREAM~]
Pajero Sport No.0777
Jr. Member
**

like: 54
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 896


♪ น้องปาไวท์ ♫ อั๊ยยะ 95 ♥


« เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 04:33:36 pm »

ไปเจอมาอีกแล้วครับ เป็นความรู้เลยนำมาลงในบ้านเราเยอะๆครับ จะได้อ่านกัน

สำหรับป๋าๆท่านใดที่ไปเจอบทความที่มีประโยชน์ ก็นำมาลงที่ห้องนี้นะครับ จะได้เป็นข้อมูลไว้เพิ่มความรู้ครับ

ที่สำคัญอย่าลืมให้เครดิตเจ้าของบทความด้วยครับผม  Cheesy

ผมได้ืำทำการเน้นในส่วนของหัวข้อ ซึ่งคงอ่านได้ง่ายขึ้นนะครับ   



เฟืองท้าย (Differential)

บางครั้งเรียกว่า Final gear คืออุปกรณ์ส่งต่อแรงหมุนจากเพลาขับ (Axle) ไปยังดุมล้อ (Hub) และในขณะเดียวกัน เฟืองท้าย จะมีอัตราส่วนการทดรอบด้วย แต่จะไม่สามารถเปลี่ยนอัตราส่วนการทดรอบ เป็นหลายระดับเหมือนเกียร์

โครงสร้างและการทำงานของชุดเฟืองท้าย

ภายในชุดเฟืองท้าย ประกอบด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังงานไปยังล้อรถยนต์ ได้แก่ เฟืองเดือยหมู,เฟืองบายศรี, เฟืองดอกจอก,เฟืองขับเพลาข้าง ซึ่งจะประกอบกันในตำแหน่งต่าง ๆชุดเฟืองท้ายทำงานโดยอาศัยการหมุนขบกันของเฟืองต่าง ๆ ซึ่งจะทำหน้าที่ต่าง ๆ กันดังนี้

1. เฟืองเดือยหมู ทำหน้าที่ถ่ายทอดกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังเฟืองบา ยศรี

2. เฟืองบายศรี ทำหน้าที่เปลี่ยนทิศทางการถ่ายทอดกำลังงานที่ถ่ายทอด จากเฟืองเดือยหมู 90 องศา เพื่อขับเพลาข้าง และลดอัตราทดเกียร์ คือ ลดความเร็วรอบ ให้เหมาะสมกับขนาดของล้อรถยนต์ โดยเฟืองบายศรีจะหมุนช้ากว่าเฟืองเดือยหมู

3. เฟืองดอกจอก ทำหน้าที่ แบ่งแยกกำลังงาน ที่จะส่งไปยังเพลาข้างซ้ายและขวา เพื่อความเร็วแตกต่างกันในขณะขับรถเลี้ยวโค้ง

4. เฟืองข้าง ทำหน้าที่ ขับเพลาข้างเพื่อไปหมุนล้อรถยนต์



เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป (Limited slip)

ระบบเฟืองท้ายแบบนี้ จะใช้วิธีเพิ่มคลัทช์ เข้าไปในเฟืองท้าย ไว้สำหรับล็อคเพลาทั้ง 2 ข้าง เพื่อให้เพลาทั้ง 2 ข้าง หมุนไปด้วยความเร็วเท่ากัน เช่น กรณีรถตกหล่ม หรือตกโคลนที่มีความลื่น หากเป็นระบบเฟืองท้ายแบบธรรมดา ล้อข้างที่ตกหล่มจะหมุนฟรี ทำให้ล้อข้างที่เหลือ ไม่มีแรงฉุดเพียงพอที่จะพยุงรถขึ้นมาได้ แต่ถ้าเป็นระบบเฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิป คลัทช์ที่อยู่ในเฟืองท้าย จะล็อคล้อข้างที่อยู่ในหล่ม ไม่ให้หมุนฟรี จึงทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนกับล้อข้างที่เหลือ ในการฉุดรถที่ตกหล่มให้ขึ้นมาได้



ข้อแนะนำการใช้น้ำมันเฟืองท้าย

เพื่อให้ประสิทธิภาพการทำงานของชุดเฟืองท้ายเต็มสมรร ถนะตลอดเวลา ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายทุก ๆ 20,000 กม. หรือ1 ปี
การใช้น้ำมันหล่อลื่นชุดเฟืองท้าย จะขึ้นอยู่กับประเภทของชุดเฟืองท้าย ดังนี้

ชุดเฟืองท้ายด้านหน้า แยกออกเป็น 2 แบบ คือ
ชุดเฟืองท้ายด้านหน้าของรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจะหล่อลื่นด้วยน้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันเครื่อ ง
ชุดเฟืองท้ายด้านหน้าของรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะหล่อลื่นด้วยน้ำมันเฟืองท้าย SAE90 API GL-5

ชุดเฟืองท้ายด้านหลัง แยกออกเป็น 2 แบบ คือ
ชุดเฟืองท้ายด้านหลังของรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง จะหล่อลื่นด้วยน้ำมันเฟืองท้าย SAE 90 หรือ SAE 140 API GL-5 (ตรวจสอบจากคู่มือรถ)
ชุดเฟืองท้ายด้านหลังของรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อจะหล่อลื่นด้วยน้ำมันเฟืองท้ายแบบลิมิตเต็ดสลิป
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายควรเติมน้ำมันเฟืองท้า ยชนิดเดียวกันลงไป

การตรวจสอบและเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย

ยกรถขึ้นให้มีระดับเสมอกัน
ถอดปลั๊กเติมน้ำมันออก
สอดนิ้วเข้าไปในช่องเติมน้ำมัน และตรวจดูว่าปลายนิ้ว สัมผัสถูกน้ำมันเฟืองท้ายหรือไม่ (น้ำมันเฟืองท้ายไม่ควรอยู่ต่ำกว่าช่องเติมน้ำมันเกิ น 5 มม.)
ถ้าน้ำมันอยู่ต่ำกว่าช่องเติมน้ำมันเกิน 5 มม. หรือปลายนิ้ว สัมผัสไม่ถูกน้ำมันเฟืองท้าย ให้เติมน้ำมันเฟืองท้ายลงไปจนได้ ระดับที่กำหนดไว้
ตรวจเช็คว่ามีรอยรั่วของเฟืองท้ายและเสื้อเพลาท้าย

เช็คทำความสะอาดปลั๊กเติมน้ำมัน, ช่องเติมน้ำมัน และ ตรวจดูความเสียหายของปะเก็น
ประกอบปลั๊กเติมน้ำมันเข้าที่เดิมลดรถลง

ข้อควรระวัง

ในการตรวจสอบระดับและการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟืองท้ายค วรหลีกเลี่ยงการตรวจสอบระดับหรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเฟ ืองท้ายในขณะที่น้ำมันเฟืองท้ายยังร้อนอยู่ เพราะอาจจะถูกลวกมือได้
ควรตรวจดูให้แน่ใจก่อนว่า น้ำมันเฟืองท้ายที่จะเติมลงไปในเฟืองท้าย จะต้องเป็นน้ำมันเฟืองท้ายที่ตรงตามกำหนดไว้เพราะถ้า เติมน้ำมันเฟืองท้ายผิดประเภทอาจจะก่อให้เกิดความเสี ยหายกับชุดเฟืองท้ายได้


========================================================================================================


LSD ก็ คือ Limited slip Differrential

หลักการทำงานของลิมิตเต็ดสลิป


เมื่อล้อข้างใดข้างหนึ่งหมุนฟรีกำลังขับเคลื่อนจะถูก ส่งจากล้อที่หมุนเร็วกว่าไปยังล้อที่หมุนช้ากว่า ทำให้ล้อที่หมุนฟรีอยู่มีลดกำลังขับเคลื่อนลง ขณะที่ล้ออีกข้างหนึ่งจะมีกำลังขับเคลื่อนมากกว่า ทำให้สามารถพารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ โดยเทคนิคการออกแบบกลไกนี้จะมีการออกแบบมาหลายลักษณะ แต่โดยรวมจะให้มีการส่งกำลังขับมายังล้อที่อยู่ตรงข้ ามกับล้อที่หมุนฟรี วิธีที่ใช้และใช้มากกว่าวิธีอื่นคือใช้ความฝืดของแผ่ นครัทซ์เปียกซ้อนกันหลายแผ่นเป็นตัวควบคุมกำลังขับเค ลื่อนไปยังล้อทั้งคู่โดยออกแบบกลไกภายในชุดตัวเรือนเ ฟืองดอกจอกให้มีชุดครัทซ์เป็นตัวส่งกำลังร่วมอยู่ที่ ด้านหลังเฟืองดอกจอกตัวใหญ่หรือเฟืองหัวเพลาขับทั้ง2 ข้างแทนที่จะส่งกันโดยตรงเพียงอย่างเดียวในเฟืองท้าย ปกติทั่วไป และมีกลไกที่ทำให้ครัทซ์จับตัวเช่น ใช้สปริงกดเมื่อมีการลื่นไถลของล้อข้างใดข้างหนึ่งทำ ให้เกิดการส่งกำลังขับเคลื่อนไปที่ล้อทั้งคู่ บางรุ่นก็ใช้แรงบิดจากระบบส่งกำลังมาทำให้ครัทซ์จำตั ว หรือ แบบสปริงกดกระทำกับเฟืองแบบจานประกบกันและสวมกับหัวเ พลาขับ เมื่อมีการเลี้ยวหรือล้อทั้ง2ข้างหมุนไม่เท่ากัน เฟืองที่ประกบกันอยู่จะแยกออกจากกัน ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังจากการที่ร่องฟันเฟืองหมุนเส ียดสีกัน ซึ่งแบบนี้มีใช้มานานแล้วในรถบางประเภทเท่านั้น

% เต็ด เท่าไหร่ดี ที่เหมาะกับการดริฟท์

เต็ด 100 % คือ ล้อซ้ายและขวา หมุน เท่ากันตลอดเวลา ข้อดีคือ ดริฟท์ ง่าย ล้อ ไม่มีการสูญเสียกำลัง ล้อฟรีทั้ง 2 ล้อ แต่ข้อเสียคือ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน คง ลำบากหน่อย คับ เลี้ยวยาก มีเสียง ดัง ยางสึก โดยไม่จำเป็น
แต่ ถ้า % น้อยลงมาหน่อยก็ สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ แต่ อาการ ดริฟท์คงสู้ 100 % ไม่ได้
ก็ลอง เลือก ละกาน คับ ได้อย่าง ก็ต้องยอมเสีย อย่าง แต่ถ้าอยากได้ ทั่งสองอย่าง ก็ คงได้แบบไม่เต็มๆ

แนะนำ เฟืองท้ายสกายไลน์ที่มี LSD คับ % จับ ค่อนข้าง ดี ใช้ในชีวิตประจำวันได้ คับ

LSD 1way 1.5way 2way แตกต่างกันยังไง

Limeted slip ทั้ง 3 แบบนั้นเป็น Limited slip แบบที่ใช้แผ่นครัทซ์เปียกเป็นตัวล็อคเพลาข้างทั้งสอง
ซึ่งหลักการทำงานคือ เมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต์กระทำสู่ชุดเรือนเฟืองดอ กจอกที่มีตัว Limited slip อยู่ แรงบิดจะทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์นั้นถ่างออก ทำให้ไปกดแผ่นครัทซ์ให้ล็อคกัน ก็จะทำให้เพลาข้างทั่ง 2 ด้าน ล็อค และหมุนไปพร้อมๆ กันโดยไม่มีการสูญเสียกำลังไปยังด้านใดด้านหนึ่ง
ซึ่งแต่ละแบบนั้นมีหลักการทำงานคล้ายกันแต่ต่างกันตร งที่ลักษณะการส่งแรงบิด

แบบ 1 Way
แบบนี้จะเป็น Limited slip ที่มีการจับตัวกันของแผ่นคลัทซ์ โดยแผ่นคลัทซ์จะจับตัวกันเมื่อมีแรงบิดจากเครื่องยนต ์ในทิศทางเดียวเท่านั้น คือ เข้าเกียร์เดินหน้า แล้วกดคันเร่งส่งแรงบิดไปยังเฟืองท้าย พูดง่ายๆ เมื่อ กดเร่งมากเท่าไหร่ ครัทซ์ก็ยิ่งจับมากขึ้นเท่านั้น
แบบ 2 Way
แบบนี้ การทำงานก็จะคล้ายๆ กับแบบ 1 Way แต่ ว่า แบบ 2Way นั้นแผ่นคลัทซ์สามารถจับตัวกันได้ขณะเครื่องยนต์ส่งแ รงบิดมายังชุดเรือนเฟืองดอกจอก ในทิศทางการหมุน ทั้ง 2 ทิศทาง ( เดินหน้าและถอยหลัง ) แรงที่กดแผ่นครัทซ์จะจับตัวด้วยแรงที่เท่ากัน ทั้งสองทิศทาง
พูดง่ายๆ คือ Limited slip จะทำงานก็ต่อเมื่อ กดคันเร่งเดินหน้า, ถอยหลัง หรือแม้แต่ ขณะ ถอนคันเร่งให้เกิด Engine Brake (แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ก็จะทำให้เกิดการกดของแผ่นคร ัทซ์ด้วย)
แบบ 1.5 Way
แบบนี้ก็เหมือน กับแบบ 2 Way คือจะทำงานได้ ในขณะที่มีแรงบิด ได้ทั่ง 2 ทิศทาง
แต่ !! แรงกดของแผ่นคลัทซ์ในขณะถอยหลัง หรือ ขณะถอนคันเร่งให้เกิด Engine brake นั้น จะน้อยกว่าแรงกดขณะที่กดคันเร่งตอนเดินหน้า เพราะว่า มุมที่ทำให้ตัวกดแผ่นครัทซ์ถ่างออกตอนถอยหลังนั้น น้อยกว่า มุม ตอนเดินหน้า ก็ จะทำให้แรงกดนั้นน้อยกว่า

credit : krabathailand.com
บันทึกการเข้า

I PAJEROSPORT
THAILAND
[~DREAM~]
Pajero Sport No.0777
Jr. Member
**

like: 54
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 896


♪ น้องปาไวท์ ♫ อั๊ยยะ 95 ♥


« ตอบ #1 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 10:23:22 pm »

แถมครับ บทความอาจไม่เกี่ยวกับ pajero sport โดยตรง ลองประยุคใช้ดูนะครับผม Cheesy

เฟืองท้าย 3.73 3.9 4.1 เลือกอย่างไรให้เหมาะสม

ความแรงและความประหยัด สวนทางกันเสมอครับ
มาดูกันก่อนครับว่า อัตราทดเฟืองท้าย คืออะไร ตัวเลข 3.73:1, 3.9:1, 4.1:1 มาจากไหน
ในรถขับเคลื่อนล้อหลัง จะมีเฟืองท้ายลูกใหญ่อยู่ที่เพลาท้าย ในนั้นจะมเฟืองหลักๆ สองตัวที่ขบกัน และส่งกำลังให้กัน
เฟืองตัวแรกคือ เฟืองพีเนียน  ที่ตรงมาจากเกียร์รถยนต์ วิ่งมาตามความยาวของรถ
อีกตัว คือเฟืองวงแหวน ที่จะส่งกำลังไปที่ล้อ



และตัวเลข ก็มาจากการนับฟันเฟือง สองตัวนี้ล่ะครับ
ถ้าริง มี 41 ซี่
พิเนียน มี 10 ซี่




ก็จะได้ 4.1:1 แปลว่า ล้อหมุน 1 รอบ แกนเพลาจากเกียร์ ต้องหมุนถึง 4.1 รอบ

รอบการหมุนของล้อ ก็เกี่ยวข้องกับขนาดยางโดยตรงครับ เพราะยางที่มีเส้นรอบวงไม่เท่ากัน ก็ได้ระยะทางไม่เท่ากันด้วย ในแต่ละรอบ


การเลือกเฟืองท้ายให้เหมาะกับความต้องการ มีตัวแปล 4 ตัวคือ

1 ขนาดยาง (Tire Size )
2 อัตราทด เกียร์ (Transmission Ratio )
3 อัตราทดเฟืองท้าย (Final Gear Ratio )
4 รอบเครื่องยนต์ ที่เราใช้วิ่งแบบสบายๆ ซึ่งก็ประมาณ 55 MPH.(Engine RPM At Cruise Speed)

สูตรข้างล่าง คือสูตรคำนวญ เลือกเฟืองท้าย โดยมีรอบเครื่องยนต์เป็นตัวชี้วัด

MPH x Gear Ratio
---------------------   x 336 = Engine RPM
Tire Diameter

สมมุติว่ายางเดิมติดรถ คือ
195-60 R15  ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาง 24.2 นิ้ว
ผมเปลี่ยนแมก เปลี่ยนยางเป็น 235 45 17 ซึ่งทำให้ยางใหญ่ขึ้น มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 25.33 นิ้ว

25.33 - 24.2 = ใหญ่กว่าเดิม 1.13 นิ้ว นี่ละครับประเด็น เพราะหนึ่งรอบของยางใหม่ ผมไปไกลกว่าเดิมนิดหน่อย

ตัวอย่าง เมื่อใช้ยางเดิม

55 x 3.73
---------------------   x 336 = 2848.36 RPM
24.2

ถ้าใช้ยางเดิมแล้วเปลี่ยนเฟืองท้ายล่ะ จะเป็นไง

55 x 4.1
---------------------   x 336 = 3130.9 RPM
24.2

ปัญหาของผมคือ เฟืองท้ายเดิม ยางใหญขึ้น รอบปกติของผม จะต่ำกว่าตอนที่ใช้ยางเดิมๆ

55 x 3.73
---------------------   x 336 = 2721 RPM
25.33

อูว์ เหลือแค่ 2721 รอบต่อนาทีเอง รอบต่ำดีจริงๆ น่าจะประหยัดเนอะ

จากตัวอย่าง  พี่จะเห็นว่าเฟืองท้ายเลขน้อย เมื่อเทียบกับขนาดยาง จะใช้รอบเครื่องน้อยกว่า และก็จะประหยัดน้ำมันด้วย

อ้าว แล้วอยากเปลี่ยนเฟืองท้ายไปเป็น 4.1 กันทำไมหว่า....................

ก็แหมพี่ รถซิ่งอ่ะครับ
รถผมวางเจ สมมุติว่าเทอร์โบรถผมทำงานดีดีที่ 3500 รอบต่อนาที แรงม้าสูงสุดของผม มันอยู่ที่ 5500 รอบต่อนาที

ถ้าผมขับอยู่ที่ 2721 รอบเรื่อย เกิดต้องการเร่งแซง ผมก็ต้องใช้เวลาไต่รอบนานมาก กว่าจะไปถึง 3500 รอบ
แต่ถ้าผมเปลี่ยนเป็น เฟืองท้าย 4.1 ล่ะ จะเป็นไง


55 x 4.1
---------------------   x 336 = 2991 RPM
25.33

รอบเล็กๆ น้อย คิดกันเป็นเสี้ยววินาที นี่ล่ะครับ ชิงจังหวะกันบนถนนด้วยจุดนี้ รอรอบนิดเดียว เพื่อนหนีไปแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 26, 2012, 09:32:41 am โดย [~DREAM~] » บันทึกการเข้า

I PAJEROSPORT
THAILAND
TAYONG
Full Member
***

like: 57
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1218


ปาเจโร่โซนตะวันตก ป๋าโย่ง คอนถมทีม 082-350-23สามห้า


« ตอบ #2 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2012, 10:42:56 pm »

ชุดเฟืองท้ายด้านหน้าของรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจะหล่อลื่นด้วยน้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันเครื่อง
 Cheesy แจ่มครับป๋าดรีม
จากข้อความข้างบนมันผิดพลาดนิดหน่อย
ชุดเฟืองท้ายด้านหน้าของรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจะหล่อลื่นด้วยน้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันเกียร์เพราะชุดเฟืองเกียร์+ชุดเฟืองท้ายจะอยู่ใน GEAR  BOX อันเดียวกันครับ
บันทึกการเข้า
chanavorn
Jr. Member
**

like: 20
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 947



« ตอบ #3 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2012, 01:45:27 am »

4.1น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบอัตราเร่งมั้งครับ
ถ้ารุ่นปัจจุบันรู้สึกจะเป็น 3.9 น่าจะต่างกันไม่มาก
แต่ตัวเบนซิน2.4เห็นว่าทดไว้ถึง 4.9กันเลย 
ตัว3.73ในน้องปามีด้วยเหรอครับ ม่ายเคยเหนเรย
บันทึกการเข้า
Seaman_4WD
Newbie
*

like: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 281



« ตอบ #4 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2012, 05:29:38 am »

ได้ความรู้ดีมากๆ
ขอบคุณครับ


 Satu  Satu  Satu
บันทึกการเข้า

กวนไปเรื่อย เหนื่อยก็พัก
[~DREAM~]
Pajero Sport No.0777
Jr. Member
**

like: 54
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 896


♪ น้องปาไวท์ ♫ อั๊ยยะ 95 ♥


« ตอบ #5 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2012, 09:34:44 am »

ชุดเฟืองท้ายด้านหน้าของรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจะหล่อลื่นด้วยน้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันเครื่อง
 Cheesy แจ่มครับป๋าดรีม
จากข้อความข้างบนมันผิดพลาดนิดหน่อย
ชุดเฟืองท้ายด้านหน้าของรถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าจะหล่อลื่นด้วยน้ำมันตัวเดียวกับน้ำมันเกียร์เพราะชุดเฟืองเกียร์+ชุดเฟืองท้ายจะอยู่ใน GEAR  BOX อันเดียวกันครับ

ครับป๋า ขอบคุณครับ ตรงนี้เบื้องลึกผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ไปเจอมาเห็นว่าเป็นประโยชน์ดีเลยนำมาให้อ่านกันครับ

4.1น่าจะเหมาะสำหรับคนที่ชอบอัตราเร่งมั้งครับ
ถ้ารุ่นปัจจุบันรู้สึกจะเป็น 3.9 น่าจะต่างกันไม่มาก
แต่ตัวเบนซิน2.4เห็นว่าทดไว้ถึง 4.9กันเลย 
ตัว3.73ในน้องปามีด้วยเหรอครับ ม่ายเคยเหนเรย

ดังที่แจ้งครับผม คือผมไปหาอ่านๆแล้วเจอครับ คิดว่าเป็นประโยชน์เลยนำมาให้อ่านครับ บทความอาจเป็นของรุ่นอื่น ไม่ใช่ของ pajero sport โดยตรงครับผม

บันทึกการเข้า

I PAJEROSPORT
THAILAND
อิษฏ์_สุบิน ปาศาลายา ฮาเฮ..
Jr. Member
**

like: 23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 980


เกิดเจียงใหม่ มาใหญ่สุพรรณ ปัจจุบัน อยู่ศาลายา เจ้า....


« ตอบ #6 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2012, 09:59:00 am »

ได้ความรู้ใหม่ล้วนๆ
บันทึกการเข้า

IP 1168 ปาศาลายา ครับ
BigFather
Hero Member
*****

like: 179
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5258


พงษ์ ลำลูกกา บิ๊กปาดำ940


« ตอบ #7 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2012, 12:25:37 pm »

ได้ความรู้อีกมากเลย..เอา +1 like ไปเลยครับป๋า
บันทึกการเข้า
apichai 139
Jr. Member
**

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 549



« ตอบ #8 เมื่อ: มิถุนายน 27, 2012, 12:13:05 am »

ขอบคุณครับ Smiley
บันทึกการเข้า

ID 1663
ปาดำ 2.5 VG GT 2WD
MY 2012
 
benopenair (เบน)
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127


ID : 1385


เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2012, 09:38:06 pm »

 like ขอบคุณครับ !
บันทึกการเข้า

I Like Pajerosport-Thailand
aood9577
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 58


Pajero is my second home .., ;)


« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 11:03:27 am »


  ยอดเยี่ยมคร้าบ   like like like like like
บันทึกการเข้า

Pajero is my second home... Wink
_TOM_
รักในหลวงที่สุด
Full Member
***

like: 26
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1477



« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 11:20:55 am »

 likeขอบคุณได้ความรู้เพิ่มเติมแล้ว like
บันทึกการเข้า

setta2001 >>> 0363 <<<
Jr. Member
**

like: 7
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 857



« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2012, 08:36:00 pm »

 like like
บันทึกการเข้า

We love PajeroSport
thezecret
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 02:23:04 pm »

ขอบคุณครับ  สาธุ
บันทึกการเข้า
jack
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 65


« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 15, 2012, 11:04:33 pm »

 สาธุ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 20 คำสั่ง