Languages
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: **น้ำในหม้อน้ำหายเกิดจากอะไร หาสาเหตุได้ที่นี่  (อ่าน 66742 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
seto16(เอก)
Hero Member
*****

like: 51
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2190


Soil Science is my life


« ตอบ #15 เมื่อ: เมษายน 28, 2012, 05:40:43 am »

 สาธุ สาธุ
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ไม่เคยคิดเอาชนะใคร แค่เอาชนะตัวเองก็พอแล้ว...
"อยากให้เกษตรกรไทย ใช้ปุ๋ยและสารเคมีอย่างถูกต้อง ไม่น้อยไปจนผลผลิตเสียหาย หรือมากไปจนผู้บริโภคอันตราย"
romGTO
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 59



« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2012, 06:08:10 pm »

ถ้าได้อ่านเจอนี่ก่อน รถคันเก่าคงไม่ต้องฝาสูบโก่ง เปลี่ยนประเก็นฝาสูบ  เพราะตอนโอเวอร์ฮีต รีบเติมน้ำเข้าไปในหม้อน้ำ  ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ดีๆ  สาธุ
บันทึกการเข้า

สมาชิกเลขที่ 793 ย่านสายไหม กม.25 พหลโยธิน
FaHJoNe 1524
Hero Member
*****

like: 85
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3414


ปาโอโม่ ฟ้า เชียงใหม่ 1524 อั๊ยย่ะ 46


« ตอบ #17 เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2012, 12:23:54 am »

 like
บันทึกการเข้า

ขอเชิญพี่น้องชาวปาเจโร่ไทยแลนด์ร่วมงานขึ้นบ้านใหม่และผูกข้อมือวันที่10พย.55ครับ
OperatorTPC
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #18 เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2012, 05:13:30 pm »

 สาธุ สาธุ สาธุ
บันทึกการเข้า
Joe ผู้ชาย*รสส้ม*
PJS.Thai.ID.017
Hero Member
*****

like: 50
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2629


ชิ นะ ปัญ ชะ ระ ปะ ริ ตัง มัง รัก ขะ ตุ สัพ พะ ทา


« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2012, 07:28:28 pm »

พอดีไปเจอมาครับ เห็นว่าเป็นประโยชน์เลย Copy มาให้อ่านครับ


ในกรณีที่เข็มวัความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติ ให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนี้ :

1.ดูระดับน้ำในหม้อน้ำและ หม้อพักน้ำว่าลดลงจากระดับปกติหรือไม่? ถ้าลดลง แสดงว่าน่า
   จะเกิดการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนที่จุดใดจุดหนึ่ง

2.เข็มความร้อนขึ้นเมื่อใด?
   2.1.ถ้าขึ้น เมื่อรถติดและลงเมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากพัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน โดยมี
        สาเหตุจาก พัดลมไฟฟ้า,รีเลย์พัดลมไฟฟ้า,เทอร์โมสวิตช์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง
        หมดเสีย
   2.2.ถ้าขึ้น เมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากหม้อน้ำอุดตัน
   2.3.ถ้าขึ้นตลอด ทั้งรถติดและรถวิ่ง เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น น้ำในระบบไม่เพียงพอ เนื่อง
         จากรั่วซึม(check ได้โดยดูว่ามีคราบน้ำรั่วซึมบ้างรึป่าว) , เทอร์โมสตัทหรือวาวล์น้ำ
         ไม่ทำงานทำให้ไม่มีน้ำไปหล่อเย็นเครื่อง (check เบื้องต้นโดย ลองแตะที่ท่อยางน้ำ
          ที่ต่อจากเครื่องมาที่ด้านบน เทียบกับท่อยางที่ต่อด้านล่างหม้อน้ำ ถ้าท่อยางด้านล่าง
          เย็นกว่าท่อยางด้านบนมาก แสดงว่าวาวล์น้ำผิดปกติ) , ปั้มน้ำเสียทำให้น้ำไปวนหล่อ
          เย็นเครื่องไม่พอ
   2.4.เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวไม่ขึ้น  และก็check อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทุกอย่างแล้วก็ปกติ ก็อาจเป็น
        ไปได้ว่าเกจ์วัดแสดงค่าผิดเพี้ยนไป
 
วิธีตรวจสอบว่าเกจ์วัดความร้อนผิดปกติหรือไม่ :
ระบบมาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์ จะประกอบด้วย


1.ส่วนแสดงผล(เข็มแสดงอุณหภูมิที่หน้าปัดเรือนไมล์) เป็น moving coil ที่ทำงานโดยรับ
   แรงดันไฟฟ้า จาก ECT gauge sending unit มาแปลงแสดงเป็นระดับค่าอุณหภูมิโดย
   เข็มวัดขึ้นลงตาม scale (check เบื้องต้นโดย :ปิด switch กุญแจมาที่ OFF ,ถอด
   ขั้ว ECT gauge sending unit ออก , ต่อขั้วของสาย ECT gauge sending unit ลง
   ground กับตัวรถ , บิด switch กุญแจไปที่ on และดูว่าถ้าเข็มวัดความร้อนขึ้น ก็แสดงว่า
   ปกติ
ข้อควรระวัง ! ต้อง ปิดswitch กุญแจมาที่ off ก่อนที่เข็มจะขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของ scale

2.ส่วนที่วัดอุณหภูมิ (ECT gauge sending unit = engine coolant temperature gauge
   sending unit) เป็นตัวต้านทานปรับค่าได้ตามอุณหภูมิ ( variable resistor) โดยค่าความ
   ต้านทานปรับแปรผันกับอุณหภูมิ ความต้านทานจะมากที่อุณหภูมิต่ำ และค่าความต้านทาน
   จะน้อยลงทเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น (check เบื้องต้นโดย : ถอดขั้ว ECT gauge sending
   unit ออก , ใช้ Ohm meter มาวัดที่ตัว ECT gauge sending unit โดยขั้ว + ของ ohm
   meterต่อที่ขั้วของตัว ECT gauge sending unit และขั้ว - ของ ohm meter ต่อกับ
   เครื่อง (ground) , ดูค่าที่วัดได้ , ติดเครื่องยนต์เดินเบาจนกว่าพัดลมไฟฟ้าจะทำงาน
   (วาวล์น้ำเปิด) , ดูค่าที่วัดได้อีกครั้ง , ถ้าค่าที่ วัดได้ตอนติดเครื่องแตกต่างจากตอนไม่ติดเครื่องตามที่ spec ระบุไว้แสดงว่า ECT gauge sending unit ปกติ แต่ถ้าค่าที่วัดได้แตกต่างกันไม่ได้ตาม spec ที่ระบุไว้แสดงว่า ผิดปกติ (เปลี่ยนตัวใหม่)


หมายเหตุ

1.ตำแหน่งของ ECT gauge sending unit จะอยู่ที่เครื่องบริเวณด้านล่างของช่องน้ำออก
   จากเครื่องไปยังหม้อน้ำ(ตรงที่ต่อท่อยางตัวบน ไปหม้อน้ำ)

2.บริเวณเดียวกันนี้ จะมี ECT sensor อยู่อีกตัว ข้อสังเกตคือ ECT gauge sending unit
   จะมีสายไปต่ออยู่เส้นเดียว ขณะที่ ECT sensor จะมีสายไฟต่ออยู่ 2 เส้นตัว

3.ตัว ECT gauge sending unit จะอยู่ถัด ECT sensor เข้าไปทางด้านท้ายรถ

4.ค่าความต้านทานของ ECT gauge sending unit ตามที่ระบุใน manual
   4.1.ที่อุณหภูมิ 56 องศาC = 142 ohm
   4.2.ที่อุณหภูมิ 85-100 องศาC = 49-32 ohm
 

วีธีตรวจสอบว่าฝาสูบโก่งหรือปะเก็นฝาสูบแตก ด้วยตัวเอง เบื้องต้น:


1.เปิดฝาหม้อน้ำและดูว่ามีคราบน้ำมันปนเปื้อนอยู่กับน้ำในหม้อน ้ำหรือไม่?

2.ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดูว่ามีน้ำปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่องหรือไม่?

3.เปิดฝาหม้อน้ำไว้ แล้วสตาร์ตรถ และดูว่า ในจังหวะสตาร์ตรถ น้ำในหม้อน้ำกระฉอกขึ้นมารึ
   ไม่?
   :-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ใช่ ทั้งหมด ก็สันนิฐานเบื้องต้นได้ว่าฝา
     สูบน่าจะโก่งหรือประเก็นฝาสูบแตก  แก้ไขโดยเปิดฝาสูบมาทำการตรวจสอบทั้งที่ฝาสูบ
     และปะเก็นโดยละเอียดอีกคั้งโดยช ่างผู้ชำนาญ
   :-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ไม่ใช่ ก็สันนิษฐานได้ว่าฝาสูบไม่น่าจะ
     โก่งหรือประเก็นฝาสูบไม่น่าจะแตก

หมายเหตุ

1.ฝาสูบโดยส่วนใหญ่จะไม่โก่งกันง่ายๆ

2.ฝาสูบจะโก่งก็ต่อเมื่อ รถเกิดความร้อนขึ้นสูงเป็นเวลานานๆ จนเครื่องดับไปเอง หรือ เติม
   น้ำลงในหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังเย็นตัวไม่พอ
 
ปล.
1.เรื่องความร้อนที่ผิดปกติเนี่ย อาการพื้นฐานจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าไล่ check อาการโดย
   ละเอียดแล้วจะพบว่า อาการนั้นๆเกิดจากอุปกรณ์ตัวใด โดยไม่ต้องสุ่มเปลี่ยนอุปกรณ์ไป
   เรื่อยๆ

2.เรื่องการเปลี่ยนฝาสูบ อยากให้จัดไว้ท้ายสุด ให้ check จนแน่ใจจิงๆว่า เป็นที่ฝาสูบ แล้ว
   จึงค่อยเปลี่ยน

3.ถ้าต้องเปลี่ยนฝาสูบแน่ๆ แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นของมือสองราคา 3-4 พันบาท ไม่แนะนำ
   ให้ไสหรือปาดฝาสูบเดิม


แก้ไขอย่างไรเมื่อเครื่องโอเวอร์ฮีท

อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ปกติควรอยู่ที่ประมาณ 85-100 องศาเซลเซียส เข็มของมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ควรอยู่ประมาณกึ่งกลาง กรณีอากาศร้อนจัดหรือการจราจรติดขัด อาจเลยขึ้นไปด้านบนได้บ้าง แต่ถ้าขึ้นไปแตะขีดแดง แสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ

เครื่องยนต์ความร้อนสูงเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝาปิดหม้อน้ำเสื่อมสภาพ ปิดไม่สนิท เกิดการรั่วในระบบหล่อเย็น ทำให้มีน้ำไม่เพียงพอต่อการระบายความร้อน ปั๊มน้ำเสีย สายพานขับปั๊มน้ำขาด วาล์วน้ำไม่เปิด หรือท่อทางเดินน้ำบี้แบน-อุดตัน ทำให้น้ำไม่หมุนเวียน พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน หรือทำงานผิดปกติ หรือรังผึ้งหม้อน้ำมีสิ่งสกปรกอุดตัน ทำให้ระบายความร้อนไม่สะดวก
เมื่อสังเกตเห็นมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขึ้นสูง ควรรีบนำรถยนต์เข้าจอดในที่ปลอดภัย จากนั้นเริ่มดับเครื่องยนต์ และเปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน ไม่ควรใช้น้ำราดบริเวณเครื่องยนต์หรือหม้อน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

ถ้ามีไอน้ำพุ่งออกมาจากหม้อน้ำ ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำ เพราะน้ำร้อนมีแรงดันสูง อาจพุ่งขึ้นมาลวกได้ ควรรอประมาณ 15 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์คลายความร้อน การเปิดฝาหม้อน้ำควรใช้ผ้าหนา ๆ หรือใช้ผ้ายางปูพื้นในห้องโดยสารมารองมือ เพื่อป้องกันความร้อน และค่อย ๆ หมุนเพื่อระบายความดันออก

ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพราะน้ำในหม้อน้ำมีระดับต่ำ ก็ให้เติมน้ำเพิ่มเข้าไป หลังจากเครื่องยนต์ดับไปแล้วสักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้เครื่องยนต์คลายความร้อนก่อน ไม่ควรรีบเติมน้ำลงไปทันที เพราะโลหะที่ร้อนจัดเมื่อถูกน้ำเย็น จะหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนเกิดการแตกร้าวได้

ควรเติมน้ำครั้งละประมาณครึ่งลิตร และเว้นช่วงประมาณ 3-5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมลงไป ค่อย ๆ ดึงความร้อนเข้ามา เพื่อป้องกันประเก็นฝาสูบแตกหรือฝาสูบโก่ง เมื่อเติมน้ำใกล้เต็มแล้ว ควรติดเครื่องยนต์ไว้ด้วย เพื่อให้น้ำมีการหมุนเวียนและหมั่นตรวจสอบมาตรวัดอุณหภูมิ

เมื่อเติมน้ำจนเต็มแล้ว ให้ตรวจสอบรอยรั่วซึมของน้ำตามจุดต่าง ๆ ถ้าไม่มีและอุณหภูมิลดลงอยู่ในระดับปกติก็เดินทางต่อได้ แต่ถ้าเกิดจากระบบระบายความร้อน เช่น พัดลมบกพร่อง ควรแก้ไขก่อน

วิธีการไล่ลม ไล่อากาศ หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นใหม่ (ไม่จำเป็นต้องหลังการติดตั้งแก๊ส แต่การติดตั้งแก๊ส ต้องตัดต่อท่อน้ำหล่อเย็น เข้าหม้อต้ม , สายต้ม)


1. คลายปลั๊ก ถ่ายน้ำทิ้ง มักจะอยู่ด้านล่างสุดของหม้อน้ำ
2. ปิดปลั๊ก ถ่ายน้ำทิ้ง
3. มองหา น๊อต ส่วนมาก จะเป็นประมาณ เบอร์ 12 บริเวณ ที่อยู่ของ วาล์วน้ำ คลายออกเป็นตัวไล่อากาศ
4. เติมน้ำ ให้เต็ม
5. เดินเครื่อง น้ำจะยุบ เติมให้เต็ม
6. ขันน๊อต ข้อ 3 ปิดให้แน่นพอประมาณ ถ้ามี ซิลิโคน ก็ทากันรั่วเสียหน่อย
7. เดินเครื่องสักพัก พอวาล์วน้ำเปิด สังเกตุจากน้ำไหลผ่านจากท่อน้ำบน ลงหม้อน้ำไปท่อน้ำล่าง(ส่วนมากจะเปิดเมื่อน้ำร้อน ประมาณ 80 - 82 องศา C)
8. เติมน้ำเพิ่มให้เต็ม
9. ปิดฝาหม้อน้ำ ตรวจดูยางกันรั่ว ไม่มีรอยฉีกขาด ไม่เป็นสนิม ถ้าไม่ดีเปลี่ยนใหม่
10. เติมน้ำหม้อพักน้ำให้ได้ระดับ เต็ม Full
11. สำหรับคนที่หาน๊อต ข้อ 3 ไม่พบ ให้เปิดฝาหม้อน้ำ ทิ้งไว้ แล้วเดินเครื่องจนเครื่องยนต์ร้อนได้ที่ วาล์วน้ำเปิด คอยเติมน้ำจนเต็ม จนน้ำไม่ยุบพร่องอีกแล้ว จึงค่อยปิดฝาหม้อน้ำ
หวังว่า รายละเอียด เหล่านี้คงพอทำให้ มือใหม่ทุกคน ดูแลน้ำหล่อเย็นให้ทำงานได้อย่างดี

การไล่ลมในระบบน้ำ ช่างได้ไล่ลมในระบบได้ครบสมบูรณ์หรือไม่ วิธีการไล่ลม ทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุด ให้ทำดังนี้

- หาขวดน้ำตัดตูด คว่ำขวดที่หม้อน้ำรถ แล้วเติมน้ำให้เต็มถึงตูดขวด
- สตาร์ทรถ แล้วเร่งเครื่องเบา ๆ รถจะค่อย ๆ ดูดน้ำเข้าระบบ แล้วให้เติมน้ำให้เต็มขวดตลอดเวลา
- เร่งเครื่องสูง สลับเบา เติมน้ำให้เต็มขวด และ ใช้มือบีบตามท่อน้ำ บีบปล่อย บีบปล่อย ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ และให้สังเกตุที่ขวดน้ำจะมีฟองอากาศลอยขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำจนกว่าฟองอากาศจะน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
- เอาขวดน้ำออก เร่งเครื่องขึ้นอีกครั้ง ปล่อยคันเร่งแล้วให้ดูที่หม้อน้ำว่าน้ำพร่องไปหรือเปล่าถ้าพร่องไปก้อให้เติมน้ำเพิ่มอีก แล้วปิดฝาหม้อน้ำ

หรือหากรถมีที่ไล่ลมในระบบน้ำก้อใช้ใส่ไขควงเปิดไล่ลมออก

น้ำมันเข้าหม้อน้ำ
Oil cooler leak


น่าแปลกครับ หากท่านเปิดฝาหม้อน้ำขึ้นมาแล้วพบว่า มีสิ่งแปลกปลอม น้ำสีชมพูขุ่นๆ เข้ามาแทน น้ำสีๆเขียวหรือฟ้าๆของ Coolant ของท่าน


ความเสียหาย
1 หากดูไม่ทัน หรือไม่ได้ดู ท่านต้องพบความเสียหายของเครื่องยนต์จากการเกิด Over heat เนื่องจากการระบายความร้อนทำไม่ได้ และ เกียร์ออโตเสียหายแน่นอน เนื่องจากไม่มีการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
2 คราบน้ำมันปนน้ำ จะไปทั่วในระบบระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ เป็นคราบเหนียวแน่นไม่สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย เสี่ยงต่อการใช้งานต่อไปในอนาคต

สาเหตุ
1 แสดงว่ามีน้ำมันปนเข้ามาในหม้อน้ำของท่านแน่นอน
2 อาจจะมาจาก Oil cooler รั่ว เลยทำให้น้ำมันเกียร์ออโตที่ไประบายความร้อนในหม้อน้ำรั่วเข้ามาได้
3 น้ำมันเครื่องคงยากหน่อย แต่ก็เป็นไปได้ แต่กรณีนี้สี สรรไม่น่าใช่ เพราะออกสีชมพู ก็น่าจะมาจากแดงของน้ำมันเกียร์ออโตครับ

Oil cooler รั่วได้อย่างไร
1 การสึกกร่อนตามอายุการใช้งาน ยากครับ
2 ใช้สารเคมี มากเกินไปทำให้เกิดการผุกร่อนเร็วกว่าปกติ เช่นการล้างหม้อน้ำโดยไม่ระวัง หรือใช้สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป โดยไม่มีตัวยับยั้งการผุกร่อนอย่างเพียงหรือถูกต้อง
3 Defect หรือมีรอยชำรุดของ oil cooler มาก่อน

การแก้ไข
1 ต้องเปลี่ยนหม้อน้ำและ Oil Cooler ใหม่ครับ ซ่อมคงทำได้ยากและไม่คุ้มค่า
2 ควร Flushing ทั้งเกียร์ออโตและหม้อน้ำ ระบบ Cooling ใหม่ทั้งหมด ไล่เอาน้ำมัน ที่ปนมากับน้ำออกให้หมด ให้มั่นใจว่าหมดจริงๆแล้วจึงใช้งานต่อไปได้
3 ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างอื่นว่า มีอะไรที่พอเป็นสาเหตุที่จะทำให้น้ามันเข้ามาได้อีกหรือไม่ เช่น มาจากเครื่องยนต์ได้หรือไม่ และต้องเฝ้าดูอาการ การใช้อีกสักระยะ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีการรั่วเข้ามาอีกแน่แล้วจึงจะวางใจได้


ครับ ว่างๆก็เปิดดูหม้อน้ำของท่านบ้างนะครับ สกปรกหรือไม่ ฝาหม้อน้ำยังดีอยู่หรือไม่ หรือว่ามีน้ำมันปนอย่างนี้หรือไม่นะครับ การดูแลรักษาง่ายแบบนี้จะช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย แทนที่จะซ่อมแพงๆก็กลายเป็นถูกๆได้นะครับ


ขอบคุณเจ้าของกระทู้  สำหรับข้อความดีๆ   คุณ kasittuw
red heart red heart red heart
บันทึกการเข้า

...จะไปเอาอะไรมากมาย..กับผู้ชาย*รสส้ม*...
Gee
Jr. Member
**

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 344



« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 23, 2012, 12:31:06 pm »

ขอบคุณครับ ผม copy ส่งให้ 0 ไปพร้อมกับอาการความร้อนรถผม ไม่รู้ว่าได้อ่านกันบ้างอ๊ะป่าว
บันทึกการเข้า
หนุ่มอุบล
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 253


« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2012, 10:21:19 am »

ละเอียดดีจัง...ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า
Mr. KUA
Flying Life..
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84


Ratchaburi


« ตอบ #22 เมื่อ: มีนาคม 09, 2013, 08:51:54 pm »

THx You
บันทึกการเข้า

PJS . No. 3212
14oz
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10


« ตอบ #23 เมื่อ: มีนาคม 31, 2013, 09:15:34 pm »

ขอบคุณที่แบ่งปันครับ.  สาธุ
บันทึกการเข้า
J.sarawut
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 61


« ตอบ #24 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2013, 07:49:10 am »

ขอบคุณครับข้อมูลดีๆ สาธุ พึ่งเจอเมื่อวานครับ หลังจากเช็คสี่หมื่นมา (ใช้ได้พันสองร้อยโล,ประมาณไม่ถึงเดือน)อารมย์ดีเลยเช็คน้ำกลั่นแบตดู smile..ทำไมจุกเติมมันหลวมๆสงสัยช่างหมุนไม่แน่น เลยดูต่อหม้อพักน้ำ เวรเลยครับไม่มีซักหยด โทรแจ้งศูนย์เข้ามาดู ท่อไม่รั่ว,น้ำในระบบน่าจะมีเพราะวิ่งความร้อนไม่ขึ้น(ผมไม่วิ่งไกล ใช้ในเมือง)ออกทางไกลคงงานงอกแน่ ช่างสัณนิฐานกะผมได้2ทาง 1.ถ่ายออกตอน4หมื่น เติมแต่ในหม้อน้ำหม้อพักลืมเติม2.เติมแต่ไม่รอติดเครื่องไล่น้ำเข้าระบบน้ำเลยไม่พอดี เกือบไปแล้วครับ ฮือๆๆ ต่อไปคงเหล่ดูระดับความร้อนบ่อยขึ้น กับเช็คหลังจากเข้าศูนย์ละเอียดอีกที
บันทึกการเข้า
kittah2010
Jr. Member
**

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 430


ปาน้ำตาล1625


« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 07:11:29 am »

รถผม 2.5 GT รถออกมา 1 ปี วิ่งมาประมาณ 24000โล น้ำหม้อพักหายไปครึ่งนึงยังไม่ถึงขีด LOW แต่ความร้อนไม่ขึ้นผิดปกติครับ สาธุ
บันทึกการเข้า
tee_noi
Full Member
***

like: 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1130


ID 1766


« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 07:40:13 am »

ขอบคุณครับข้อมูลดีๆ สาธุ พึ่งเจอเมื่อวานครับ หลังจากเช็คสี่หมื่นมา (ใช้ได้พันสองร้อยโล,ประมาณไม่ถึงเดือน)อารมย์ดีเลยเช็คน้ำกลั่นแบตดู smile..ทำไมจุกเติมมันหลวมๆสงสัยช่างหมุนไม่แน่น เลยดูต่อหม้อพักน้ำ เวรเลยครับไม่มีซักหยด โทรแจ้งศูนย์เข้ามาดู ท่อไม่รั่ว,น้ำในระบบน่าจะมีเพราะวิ่งความร้อนไม่ขึ้น(ผมไม่วิ่งไกล ใช้ในเมือง)ออกทางไกลคงงานงอกแน่ ช่างสัณนิฐานกะผมได้2ทาง 1.ถ่ายออกตอน4หมื่น เติมแต่ในหม้อน้ำหม้อพักลืมเติม2.เติมแต่ไม่รอติดเครื่องไล่น้ำเข้าระบบน้ำเลยไม่พอดี เกือบไปแล้วครับ ฮือๆๆ ต่อไปคงเหล่ดูระดับความร้อนบ่อยขึ้น กับเช็คหลังจากเข้าศูนย์ละเอียดอีกที

ต่อไปเราคงต้องดับเบิ้ลเช็ก กันล่ะคับป๋า     อ๋าย!!!!!    ไว้ใจให้ช่าง 0 เช็กอย่างเดียวไม่ปลอดภัยแหล่ะ   Angry    ลืมนู้น ลืมนี่
บันทึกการเข้า

จะไปทุกที่..ที่อยากไป..
kittah2010
Jr. Member
**

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 430


ปาน้ำตาล1625


« ตอบ #27 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2013, 08:46:28 am »

ขอบคุณครับข้อมูลดีๆ สาธุ พึ่งเจอเมื่อวานครับ หลังจากเช็คสี่หมื่นมา (ใช้ได้พันสองร้อยโล,ประมาณไม่ถึงเดือน)อารมย์ดีเลยเช็คน้ำกลั่นแบตดู smile..ทำไมจุกเติมมันหลวมๆสงสัยช่างหมุนไม่แน่น เลยดูต่อหม้อพักน้ำ เวรเลยครับไม่มีซักหยด โทรแจ้งศูนย์เข้ามาดู ท่อไม่รั่ว,น้ำในระบบน่าจะมีเพราะวิ่งความร้อนไม่ขึ้น(ผมไม่วิ่งไกล ใช้ในเมือง)ออกทางไกลคงงานงอกแน่ ช่างสัณนิฐานกะผมได้2ทาง 1.ถ่ายออกตอน4หมื่น เติมแต่ในหม้อน้ำหม้อพักลืมเติม2.เติมแต่ไม่รอติดเครื่องไล่น้ำเข้าระบบน้ำเลยไม่พอดี เกือบไปแล้วครับ ฮือๆๆ ต่อไปคงเหล่ดูระดับความร้อนบ่อยขึ้น กับเช็คหลังจากเข้าศูนย์ละเอียดอีกที

ต่อไปเราคงต้องดับเบิ้ลเช็ก กันล่ะคับป๋า     อ๋าย!!!!!    ไว้ใจให้ช่าง 0 เช็กอย่างเดียวไม่ปลอดภัยแหล่ะ   Angry    ลืมนู้น ลืมนี่
ใช่แล้วครับ เจอช่างดีมีความรับผิดชอบ งานละเอียด ก็โชคดีไป แต่เจอช่างทำงานลวกๆเพื่อจะได้เสร็จไวๆนี่แย่เลยครับ
แต่ยังงัยก็ต้องดูรอบ สองครับ
บันทึกการเข้า
manjer-ptn
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 56


« ตอบ #28 เมื่อ: กันยายน 20, 2013, 04:14:44 pm »

 like สาธุ like
บันทึกการเข้า

ยืนด้วยลำแข้ง นั่งบนปาเจโร่
manjer-ptn (ปาตานี)
โอ๊ต@กันทรลักษ์
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 161



« ตอบ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 12:21:30 am »

 ฮือๆๆ ฮือๆๆ ฮือๆๆ
สอบถาม  ใช้ปา 2.4 ได้พึ่ง2 ปี mdel 2012  ติดแก้สตั้งแต่ออกมา LPG วันก่อน ความร้อนขึ้นเกือบขีดแดง แอร์เลยไม่เย็น  จอดพักครับ  ดูแล้ว คูลแล้นเดือดมากๆ ควันขึ้น เลยรอจนความร้อนลดลงเหลือปกติ  แล้วเติมน้ำเข้าไป ขวด1.5 ลิตร 4ขวด  ผมเลยสงสัยว่าระบบน้ำรั่วแน่ ไม่รู้ว่าหม้อหรือทางเดิน  พอเติมน้ำเต็มครั้งแรกจอดทิ้งไว้ น้ำลดลงประมาณ 2 นิ้ว พอเติมเข้าอีกเต็ม ผ่านมา4 วัน น้ำไม่ลดเลยครับ 
ผมอยากทราบปัญหาครับ  ใครทราบช่วยตอบด้วยครับ
1.น้ำหายไปได้ไง  ทีแรกสงสัยรั่ว(น้ำยา) เพราะแทบจะหายหมดเลย
2. ถ้ารั่วจริง  ทำไมพอเติม(น้ำ) กลับอยู่เท่าเดิม อันนี้ งง
3.รถแค่2ปี มันเป็นไปได้หรอครับ  น้ำจะระเหยจนหมด 
บันทึกการเข้า

ศึกษาเส้นทาง....พร้อมร่วมเดินทาง....
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 20 คำสั่ง