Languages
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ร่วมแชร์ และแก้ปัญหาประกันภัยรถยนต์ แบบสบาย ๆ สไตล์ Pajerosport-Thailand ครับ  (อ่าน 17659 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 02:46:51 pm »

ป๋า ๆ ทั้งหลาย เคยมีปัญหาการเคลมประกัน ที่ได้รับคำตอบแล้วแคลงใจบ้างมั้ยครับ ลองมาเล่าสู่กันฟัง เรียนรู้ร่วมกัน
ผม (เม้ง) ขออนุญาตร่วมเรียนรู้ และแลกเปลี่ยนพูดคุยครับ

ขอเริ่มที่ เคลมประกันภัยประเภท 1 ทำไมต้องจ่ายส่วนร่วม โดยมากจะมาจาก 2 สาเหครับ

      1.เป็นความสมัครใจ. จะระบุลงในตารางกรมธรรม์ สามารถระบุตั้งแต่ 2,000 - 5,000 บาทโดยมีผลทำให้เบี้ยประกันภัยถูกลง ดังนั้น การทำประกันภัยรถยนต์ ควรสอบถามให้ชัดเจนว่า มีการระบุส่วนนี้หรือไม่ เพราะตรงนี้ มีผลให้เบี้ยประกันภัยต่ำลง แต่เมื่อเกิดเหตุมีสินไหม ในกรณีเป็นฝ่ายประมาท หรือประมาทร่วม จะต้องจ่ายส่วนร่วมทุกครั้ง

     2.เป็นไปตามคำสั่งนายทะเบียน เป็นเรื่องที่ผู้เอาประกันภัยต้องทราบ แม้ทำประกันภัยชั้น 1 ก็มีกฎหมายรองรับ ให้บริษัทประกันภัย เก็บส่วนร่วม 1,000 บาทได้ หากบาดแผลนั้นไม่ชัดเจน ไม่สามารถระบุคู่กรณี และวันเวลา สถานที่เกิดเหตุได้  ตามคำสั่งนายทะเบียนที่ 11/2552 มีรายละเอียดบางส่วน ดังนี้

       กรณีรถ ชนกับสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่รถยนต์ เช่น ต้นไม้ สัตว์ ก้อนหิน ฯลฯ ที่ทำให้ตัวรถและอุปกรณ์ ได้รับเสียหาย บุบ แตก ร้าว ผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกแต่ต้องสามารถแจ้งให้บริษัททราบถึง ลักษณะการเกิดเหตุ วัน เวลา และสถานที่ได้อย่างชัดเจน

      ในทางปฏิบัติ ผู้เอาประกันภัยสามารถขออุโลมได้ แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัทประกันภัย จะอนุมัติหรือไม่

ด้วยความปรารถณาดีจาก Mr.Prakanpai


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 05, 2014, 11:37:39 am โดย mr.prakanpai » บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 05, 2012, 06:57:05 pm »

เพิ่มเติมอีกครับ การติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งรถเพิ่ม ประกันคุ้มหรือไม่ การติดตั้งพลังงานทางเลือก คุ้มครองอย่างไร บริษัทมีหลักการจ่ายสินไหม ดังนี้

1. การติดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่ม โดยไม่แจ้งประกันภัย ไม่มีการชำระเบี้ยเพิ่ม ทุนประกันไม่เพิ่ม
- หากเกิดเหตุบริษัทประกัน จะคุ้มครองตัวรถ และอุปกรณ์มาตรฐานเท่านั้น หากคู่กรณีมีประกันภัยภาคสมัครใจ
ผู้เอาประกันภัย สามารถเรียกร้องกับคู่กรณี หรือบริษัทประกันของคู่กรณีเพิ่มได้ ต้องกระทำด้วยตนเอง เนื่องจากประกันของเรา
ไม่ช่วงสิทธิ์ในการเรียกร้อง เพราะเราไม่ได้แจ้งคุ้มครอง
- เกิดเหตุเป็นฝ่ายผิด ประกันเราจะคุ้มครองเป็นมาตรฐานตามรุ่นรถเท่านั้น

2. การติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่ม โดยแจ้งบริษัทประกันภัย มีการชำระเบี้ยจ่ายเบี้ยเพิ่ม ทุนประกันเพิ่ม
หรือบางบริษัทประกัน อาจไม่เพิ่มเบี้ย เพิ่มทุน แต่คุ้มครองเพิ่มให้ในจำนวนเงินที่ไม่เกินกำหนด
-หากเกิดเหตุไม่ว่าประมาทหรือไม่ บริษัทประกันเรา จะคุ้มครองอุปกรณ์ตกแต่งทั้งหมด แต่ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ทำไว้

คำถามยอดฮิต คือ หากติดแก๊สแล้วยังไม่แจ้งประกัน เกิดไฟไหม้ขณะใช้งาน ประกันคุ้มครองหรือไม่
ตอบว่า คุ้มครอง ยกเว้น ชุดอุปกรณ์แก๊สที่ไม่คุ้มครอง เนื่องจากยังไม่ได้แจ้งคุ้มครองนั่นเอง

คำแนะนำ ทุกครั้งที่มีการเพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม ควรแจ้งให้บริษัทประกันภัยคุ้มครองเพิ่มเติม
โดยแจ้งผ่านตัวแทนที่ทำประกันภัย หรือ โดยตรงไปที่บริษัทประกันภัยก็ได้ เอกสารที่ใช้ คือ ใบเสร็จ และควรเก็บหลักฐานการแจ้งไว้ด้วยครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2014, 11:02:24 am โดย mr.prakanpai » บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 07, 2012, 10:28:14 am »

เคยถามกันมั้ยครับ ว่าบริษัทประกันภัยที่ไหนดีที่สุด
บ.ประกันภัยที่ไม่เคยโดนด่าเลย ยังไม่เคยเห็น จะกี่มากน้อยก็ว่ากันไป
การเลือกบริษัทประกันภัย ควรพ่วงคำถามว่า เวลามีปัญหา คุณอยากนำรถเข้าซ่อมที่ไหน ดังนี้ครับ

1.เมื่อรถคุณเกิดเหตุ คุณอยากเข้าซ่อมศูนย์บริการ(ซ่อมห้าง) หรืออู่ไหนที่สุด (น่าจะมีคำตอบเบื้องต้น ถ้าไม่มีไปต่อไม่ได้ครับ)
2.ในศูนย์บริการ หรืออู่ที่คุณอยากเข้า เขารับบริษัทประกันภัยที่ไหนบ้าง เอามาแบแล้วคัดมาสัก 3-5 ที่
3.ตรวจสอบชื่อเสียงบริษัทที่เลือกมา(ถาม google หรือเพื่อนในนี้ก็ได้ครับ) ให้เหลือสัก 2-3 ที่
4.ตรวจสอบราคากับตัวแทน หรือนายหน้า ที่มีบัตรอนุญาต และเชื่อถือได้ (อย่าลืมตรวจสอบตัวแทนด้วยครับ)
5.เลือกแบบประกัน ที่ราคาเหมาะกับการใช้งานเรา เช่น ใช้งานเสี่ยงมากก็ต้องเลือกบริษัทที่ชัวร์มาก
ถึงจะแพงหน่อยก็ต้องยอม แต่ถ้ารถไม่ค่อยได้ใช้งานเลย ลองมองหาความคุ้มค่าได้จากแบบประกันได้
เพราะบางท่านจ่ายค่าประกันภัยต่อปี มากกว่าค่าน้ำมันทั้งปีก็มีครับ ประกัน 2+ และ 3+ ก็เป็นทางเลือกครับ

พนง. บริษัทประกันอาจมีการปกป้องผลประโยชน์ ให้กับบริษัทที่ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ แต่ถ้าได้ตัวแทน นายหน้า หรือโบรคเกอร์
ที่มีความรู้สินไหม และที่ทำงานแบบมืออาชีพ โดยเฉพาะมีประสบการณ์ ช่วยประสาน บ. ประกันภัย ทุกอย่างจะง่ายขึ้นครับ  



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2014, 11:02:40 am โดย mr.prakanpai » บันทึกการเข้า
nortirut
Jr. Member
**

like: 14
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 489



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 07, 2012, 11:11:37 am »

ขอบคุณมากครับ  ความรู้ๆๆ แต่ตอนนี้ยังติดสินใจไม่ได้เลยประกันปี2 เอาไงดีเนี่ย 555 เชอะ
บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 12, 2012, 07:47:03 am »

เรามักจะได้ยิน มีส่วนลด 20 - 50% และเมื่อมีส่วนลดขนาดนั้นแล้ว เบี้ยประกันภัยควรอยู่ที่เท่าไร Huh?
อันดับแรก มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ส่วนลดเบี้ยประกันภัยนั้น มีกี่แบบ และแบบไหน คือ ส่วนลดจริง ๆ ที่ได้ประโยชน์
ผมขอแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ตามฉบับ Mr.Prakanpai ดังนี้

1. ลดทั่วไป คือ ส่วนลดที่แต่ละบริษัทประกันทำกันทุกที่ ตลอดเวลาอยู่แล้ว บางข้อเป็นไปตามกฎที่ คปภ.
ประกาศ และบังคับใช้อยู่แล้ว ตัวแทน นายหน้า และโบรคเกอร์ มักจะเอาส่วนลดเหล่านี้เป็นตัวดึงลูกค้า ผู้เอาประกันภัย
ต้องละเอียด โดยเฉพาะข้อ 1.4 ที่คนขายอาจแอบใส่ให้ เพื่อให้เบี้ยต่ำ โดยที่ลูกค้าไม่รู้ว่ามีส่วนร่วมด้วย รายละเอียด
ดังต่อไปนี้ครับ
1.1 ส่วนลดจากการระบุผู้ขับขี่ สามารถระบุได้ 2 คน โดยถือเอาอายุคนที่น้อยกว่าเป็นเกณฑ์ในการคำนวน
ส่วนมากได้เฉพาะรถยนต์ที่ใช้ส่วนบุคคลเท่านั้น โดยแบ่งเป็น 4 ระดับอายุ ดังนี้
ช่วงอายุ 18 – 24 ปี ส่วนลด 5%
ช่วงอายุ 25 – 35 ปี ส่วนลด 10%
ช่วงอายุ 36 – 50 ปี ส่วนลด 15%
ช่วงอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป ส่วนลด 20%
1.2 ส่วนลดประวัติดี หรือส่วนลด NCB รถที่เอาประกันภัยไม่เรียกร้องสินไหมเป็นฝ่ายประมาท
จะได้รับส่วนลดประวัติดี ตามลำดับขั้นในแต่ละปี สูงสุดถึง 50% ของเบี้ยประกันภัยในปีที่ต่ออายุ
***ขั้นที่ 1 (ปีแรก) รับส่วนลด 20%
***ขั้นที่ 2 (ปีสอง) รับส่วนลด 30%
***ขั้นที่ 3 (ปีสาม) รับส่วนลด 40%
***ขั้นที่ 4 (ปีสี่ขึ้นไป)รับส่วนลด 50%
1.3 ส่วนลดกลุ่ม กรณีที่ผู้เอาประกันภัยมีรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้กับบริษัทประกันภัยตั้งแต่ 3 คันขึ้นไป
สามารถขอส่วนลดเบี้ยประกันภัยกลุ่ม 10% ได้
1.4 ส่วนลดจากการกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก ในการทำประกันภัย ผู้เอาประกันภัยสามารถลดเบี้ยประกันภัย
ได้ตามจำนวนเงินที่ต้องการระบุ(โดยประมาณ) ส่วนลดจากการกำหนดค่าเสียหายส่วนแรกนี้ผู้ทำประกันภัย
สามารถกำหนดเริ่มต้นได้ตั้งแต่ 2,000 บาท สูงสุดถึง 5,000 บาท

2. ลดใช้งาน เป็นแพ็คเกจที่แต่ละบริษัทคิดค้นขึ้น โดยต้องได้รับความเห็นชอบเป็นทางการจาก คปภ.
แพ็คเกจเหล่านี้ บางครั้งไม่ยั่งยืน เนื่องจากเป็นเกมการตลาดของบริษัทประกันภัย ในการช่วงชิงความได้เปรียบ
บางครั้งออกมาแล้ว เกิดภาวะขาดทุน หรือไม่ได้ผล ก็จะยุบ หรือเปลี่ยนไปค่อนข้างรวดเร็ว เช่น
2.1 ส่วนลดจากวิชาชีพ เช่น ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ แพทย์ พยาบาล จะได้รับสิทธิพิเศษ ในการรับส่วนลด
เบี้ยประกันรถยนต์ (ปัจจุบันเริ่มหยุดขาย เพราะขาดทุน)
2.2 ส่วนลดกำหนดพื้นที่ใช้งาน จากผลการสำรวจการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์พบว่าพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี
สมุทรปราการ และปทุมธานี มีการเกิดอุบัติมากกว่าพื้นที่ต่างจังหวัด จึงทำให้กำหนดเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่มี
ป้ายทะเบียนต่างจังหวัด ได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น
2.3 ส่วนลดการใช้รถ ตามหลักตรรกะรถยนต์ที่ขับขี่น้อย โอกาสในการเกิดอุบัติเหตุมีน้อยลง
ทำให้บางบริษัทกำหนดอัตราเบี้ยที่ลดลงได้

3. ลดวัดใจ เป็นส่วนลดที่มีเป้าหมายต้องการลูกค้าโดยยอมนำเอารายได้ของตน เช่น คอมมิชชั่น
ของตนมาลดให้ลูกค้า ซึ่ง ส่วนลดบางประเภท อาจเข้าข่ายผิดกฎตามที่ คปภ. ประกาศและบังคับใช้
ส่วนลดในข้อนี้ออกแนวรุนแรง และชัดเจนกว่าข้อ 1 และข้อ 2 เป็นส่วนลดที่ผู้บริโภคได้ประโยชน์เต็ม ๆ ครับ
3.1 ส่วนลดแรกเข้า(แคมเปญ) โดยปกติ รถยนต์ที่เคยทำประกันรถยนต์ที่บริษัทประกันภัยอื่นมาแล้ว (อาจจะมีเคลม)
บริษัทประกันแห่งใหม่จะให้ส่วนลดได้ไม่เกิน 20% แต่เมื่อมีความต้องการยอด บางครั้งให้กัน 30 - 40%
ผู้เอาประกันภัยจึงได้ประโยชน์ครับ
3.2 ส่วนลดคอมมิชชั่น เป็น ส่วนลดที่ ตัวแทน นายหน้า หรือโบรคเกอร์ ยอมนำเอารายได้ของตน เช่น คอมมิชชั่น
ของตนมาลด โดยมีเป้าหมาย เช่น ยอดขาย ความสัมพันธ์ ฯลฯ ผู้เอาประกันภัย จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากส่วนลดนี้
และถ้าได้ส่วนลดแล้วตามหัว (3.3) ด้วย จะเป็นเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุดครับ
3.3 ส่วนลดแบบเป้าหมาย เป็นการร่วมมือ ของตัวแทน นายหน้า หรือโบรคเกอร์ ที่มีการเจรจา
และร่วมมือกับบริษัทประกันภัย โดยมีข้อตกลง และมีการท้าทายทั้งยอดขาย และผลประกอบการ
ทำให้ได้เบี้ยประกันภัยที่ต่ำกว่าท้องตลอดอย่างเด่นชัด คนทำต้องมืออาชีพ และมีเป้าหมายที่ท้าทายค่อนข้างมาก

ส่วนลดต่าง ๆ ผมได้อธิบายในฉบับของ Mr.Prakanpai แล้ว ผู้เอาประกันภัย สามารถนำไปใช้ในการ
เลือกซื้อประกันภัยได้ และเบี้ยประกันภัยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง ในการประกอบการตัดสินใจ สิ่งที่มีความสำคัญ
ไม่น้อยกว่า คือ ความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย และรูปแบบประกันภัยที่เหมาะสมกับตัวท่านหรือยัง
หวังว่าข้อความนี้ จะช่วยให้ท่านได้เบี้ยประกันภัยที่ตรงใจครับ




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2014, 11:03:14 am โดย mr.prakanpai » บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 12, 2012, 08:59:00 am »

ขอบคุณมากครับ  ความรู้ๆๆ แต่ตอนนี้ยังติดสินใจไม่ได้เลยประกันปี2 เอาไงดีเนี่ย 555 เชอะ

ด้วยความยินดีครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2014, 11:03:38 am โดย mr.prakanpai » บันทึกการเข้า
teerapol
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 46


« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 12, 2012, 01:46:57 pm »

เป็นประโยชน์อย่างมากครับ สาธุ
บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 12, 2012, 08:09:13 pm »

เป็นประโยชน์อย่างมากครับ สาธุ

ขอบคุณครับ ป๋า ๆ ชอบก็ like ที่นี่ ครับ
บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 13, 2012, 05:49:49 pm »

วิธีตรวจสอบสอบความน่าเชื่อถือของตัวแทน และนายหน้า
ทุกวันนี้การตลาดสามารถทำให้ผู้บริโภค เชื่อได้ง่าย ลองมาดูกัน ว่า มีวิธีการคัดเลือกตัวแทน นายหน้า หรือโบรคเกอร์อย่างไรบ้าง

1. ควรมีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง เป็นสถานที่ประกอบอาชีพชัดเจนถาวร คนที่รักในอาชีพ ต้องการความมั่นคง เพื่อสร้างความมั่นใจผู้ใช้บริการ และไม่ฉาบฉวย

2. ถ้าเป็นไปได้ เลือกคนที่ทำเป็นอาชีพหลัก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ ที่จริงจังต่ออาชีพมากกว่าที่จะลองถูกลองผิด สุดท้ายก็อาจเลิกกันกันไป

3. ควรได้รับมอบอำนาจจากบริษัทประกันภัย ให้รับเบี้ยประกันภัยได้ บริษัทจะออกหนังสือให้กับตัวแทน หรือนายหน้า
ที่ไม่มีปัญหาการเงิน และมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะสิ่งที่ตัวแทน หรือนายหน้ากระทำ บริษัทจะปฏิเสธ หรือไม่รับรู้ไม่ได้
บริษัทต้องรับผิดชอบด้วย ตัวแทนมอบอำนาจจากบริษัท ต่อให้เอาเงินลูกค้าหนี บริษัทก็ยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้

4. หากเป็นตัวแทนช่วง (มีบัตรอนุญาต แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งตรงจากบริษัประกัน) อาจมีปัญหา เมื่อต้องประสานสินไหม
ต้องทำผ่านตัวแทนหลักก่อน อาจต้องเสียเวลา เราสามารถโทรตรวจสอบกับบริษัทประกันภัยได้ ว่าเป็นตัวแทนมอบอำนาจหรือไม่

5. มีความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถในอาชีพไปได้ดีหรือไม่ ข้อนี้ผู้เอาประกันภัยที่ไม่เคยเกิดเหตุ
หรือมีสินไหมหนัก ๆ จะไม่เคยมองเลย แต่คนที่เคยมีประสบการณ์ จะรู้ว่าเป็นทุกข์มาก ถ้ามีคนให้คำปรึกษา
หรือช่วยประสานงาน จะแบ่งเบาภาระได้มากมาย วิธีตรวจสอบให้สอบถามถึงความคุ้มครองต่าง ๆ ของกรมธรรม์
ตัวแทนที่มีความรู้ต้องอธิบายได้อย่างชัดเจนครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2014, 11:03:55 am โดย mr.prakanpai » บันทึกการเข้า
khunphum
merchant
Jr. Member
*

like: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 995



« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 21, 2012, 03:48:22 pm »

คุ้นๆ พี่ที่ vigothailand ใช่หรือเปล่าครับ ที่ผมเคยคุยกับพี่เรื่องเคลมประกันโน๊ตบุ๊ค ACER
บันทึกการเข้า
mr.prakanpai
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 81



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 21, 2012, 04:57:41 pm »

คุ้นๆ พี่ที่ vigothailand ใช่หรือเปล่าครับ ที่ผมเคยคุยกับพี่เรื่องเคลมประกันโน๊ตบุ๊ค ACER

ใช่ครับผม เรื่องเคลมคอมพิวเตอร์เรียบร้อยดีนะครับ
บันทึกการเข้า
khunphum
merchant
Jr. Member
*

like: 8
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 995



« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 25, 2012, 12:02:28 am »

คุ้นๆ พี่ที่ vigothailand ใช่หรือเปล่าครับ ที่ผมเคยคุยกับพี่เรื่องเคลมประกันโน๊ตบุ๊ค ACER

ใช่ครับผม เรื่องเคลมคอมพิวเตอร์เรียบร้อยดีนะครับ

เรียบร้อยครับ คืนครบ 80% เต็ม
บันทึกการเข้า
reemza
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 03:29:57 pm »

 Satu Satu มากันเยอะๆนะคับ Satu Satu
บันทึกการเข้า
ปุ่น-ภูเก็ต
Hero Member
*****

like: 236
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11546



« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 17, 2012, 07:42:14 pm »

วิธีตรวจสอบสอบความน่าเชื่อถือของตัวแทน และนายหน้า
ทุกวันนี้การตลาดสามารถทำให้ผู้บริโภค เชื่อได้ง่าย ลองมาดูกัน ว่า มีวิธีการคัดเลือกตัวแทน นายหน้า หรือโบรคเกอร์อย่างไรบ้าง

1. ควรมีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง เป็นสถานที่ประกอบอาชีพชัดเจนถาวร คนที่รักในอาชีพ ต้องการความมั่นคง เพื่อสร้างความมั่นใจผู้ใช้บริการ และไม่ฉาบฉวย

2. ถ้าเป็นไปได้ เลือกคนที่ทำเป็นอาชีพหลัก เนื่องจากมีความเป็นไปได้ ที่จริงจังต่ออาชีพมากกว่าที่จะลองถูกลองผิด สุดท้ายก็อาจเลิกกันกันไป

3. ควรได้รับมอบอำนาจจากบริษัทประกันภัย ให้รับเบี้ยประกันภัยได้ บริษัทจะออกหนังสือให้กับตัวแทน หรือนายหน้า
ที่ไม่มีปัญหาการเงิน และมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะสิ่งที่ตัวแทน หรือนายหน้ากระทำ บริษัทจะปฏิเสธ หรือไม่รับรู้ไม่ได้
บริษัทต้องรับผิดชอบด้วย ตัวแทนมอบอำนาจจากบริษัท ต่อให้เอาเงินลูกค้าหนี บริษัทก็ยากที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้

4. หากเป็นตัวแทนช่วง (มีบัตรอนุญาต แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งตรงจากบริษัประกัน) อาจมีปัญหา เมื่อต้องประสานสินไหม
ต้องทำผ่านตัวแทนหลักก่อน อาจต้องเสียเวลา เราสามารถโทรตรวจสอบกับบริษัทประกันภัยได้ ว่าเป็นตัวแทนมอบอำนาจหรือไม่

5. มีความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถในอาชีพไปได้ดีหรือไม่ ข้อนี้ผู้เอาประกันภัยที่ไม่เคยเกิดเหตุ
หรือมีสินไหมหนัก ๆ จะไม่เคยมองเลย แต่คนที่เคยมีประสบการณ์ จะรู้ว่าเป็นทุกข์มาก ถ้ามีคนให้คำปรึกษา
หรือช่วยประสานงาน จะแบ่งเบาภาระได้มากมาย วิธีตรวจสอบให้สอบถามถึงความคุ้มครองต่าง ๆ ของกรมธรรม์
ตัวแทนที่มีความรู้ต้องอธิบายได้อย่างชัดเจนครับ

ด้วยความปรารถณาดีจาก Mr.Prakanpai


 good good good good red heart red heart red heart red heart like like like like
บันทึกการเข้า
jes2007
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19


« ตอบ #14 เมื่อ: มิถุนายน 21, 2012, 01:36:12 pm »

ที่แถมมากับรถไม่ได้เรื่องเลย
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.044 วินาที กับ 20 คำสั่ง