โดยสรุปคือ เราต้องรู้จักรถ รู้ลิมิตของรถ เรียนรู้รถ ไม่ใช่เฉพาะปานะครับ รถทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ย่อมมีเอกลักษณ์ในการขับขี่ต่างกัน
อันนี้เข้ามากด + ให้เลยฮัฟ
เคยดูสารคดีเกี่ยวกับรถ F 1 เค้าบอกว่า รถนั้นเขาให้ความสำคัญกับเรื่องเครื่องยนต์ 20 % ประสิทธิภาพการควบคุมและการถ่ายทอดกำลัง 20 % โครงสร้างรถและไดนามิกและช่วงล่างต่างๆ 20% ยาง 20% และคนขับอีก 20% ประมาณนี้แหละฮัฟ
(ถ้าในปัจจุบันคงต้องบวกพวกระบบไฟฟ้าและอิเลคโทรนิคต่างเข้าไปด้วยกระมังฮัฟ )
ผมเอามาตีความกลับแล้วคิดเตือนใจว่า ถ้าคนไม่พร้อมนี่ โอกาสเกิดอุบัติเหตุมีเข้าไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์เข้าแล้ว ถ้าบวกมีข้อบกพร่องในปัจจัยของรถบวกมาด้านใดด้านหนึ่งนี่ เปอร์เซ็นต์ที่จะเกิดเหตุไม่คาดฝันนี่ปาเข้าไปเกือบครึ่งนึงแล้ว
ซึ่งคนที่จะมีประสบการณ์พร้อมหรือมีฝีมือระดับนักแข่งที่สามารถแก้อาการรถสะบัด ปัด เป๋ แถ ไถ ไสลด์ กระโจน ดื้อ แหก ฯลฯ ได้ระดับทุกอาการนี่ คงมีจำนวนน้อยมากๆๆ เราๆท่านๆคงมีข้อมีข้อบกพร่องกันทุกคนอยู่แล้ว เมื่อบวกกับรถบกพร่องหรือสึกหรอไปด้านใดด้านหนึ่งไม่ว่าจะจากการใช้งานหรือบำรุงรักษาไม่ถึงก็ตาม มีโอกาสแจ๊กพอตได้ทุกเวลาฮัฟ
สรุปคือ ไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ฮัฟ แบ่งๆกันผิดไป
ส่วนเรื่องศูนย์บริการมิตซูบิชินั้น มีไว้สำหรับถ่ายน้ำมันเครื่องเท่านั้นพอครับ ช่างศูนย์ทำเป็นแค่นั้นจริงๆ ผมก็โดนมาเยอะกับช่างศูนย์
เช๊คระยะเพื่อรักษาสิทธิwarrantyเท่านั้นฮัฟ
อย่างของผมเคยเจออาการวิ่งแล้วดับไปดื้อๆเลย เป็นบ้าง ไม่เป็นบ้าง เวลาแซงนี่ลุ้นฉิบ....จะดับไหมหว่า จิตเสื่อมไปเลย ยี่ห้อ h นี่แหละฮัฟ ช่างศูนย์เปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ โดนฟันไปหลายหมื่น แก้ไม่หาย
สุดท้ายวิ่งไปหาช่างแต่งรถซิ่งแถวๆบ้าน แกเช็คอยู่ครึ่งวัน สรุปคือ แกเปลี่ยนรีเลย์ปั๊มติ๊กตัวเดียว หายขาด
ที่สำคัญ แกเปลี่ยนให้ฟรีด้วย
ในชีวิตไม่เคยมีความรู้เรื่องรถมากนัก เกิดปัญหาเลยวิตกกังวล ผมได้ข้อมูลพอสมควรแล้ว.....น่าจะพอระวังได้ในระดับหนึ่งครับ...คงต้องระวังและทดสอบรถตัวเองเสมอครับ....ขอบคุณขอมูลครับ....และจะติดตามรถแต่ละรุ่นจากคลับต่อไป
อย่างนี้ต้อง + ฮัฟ