Languages
หน้า: 1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปรึกษาเสียงรอบเครื่อง2.5 GT ปี2013  (อ่าน 7811 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ตั้ม
The Matrix Has You.
Jr. Member
**

like: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 801



« ตอบ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2014, 09:25:09 am »

ทำไมผมขับจากพัทยาถึงอุบลรวดเดียว นั่ง 5 คนกระเป๋าคนละใบ ความเร็วเฉลี่ย 110-120 ไม่เห็นมีเสียงอะไรเลยครับ ไม่อืดอะไรเลยธรรมดามาตลอดเส้นทาง   u
บันทึกการเข้า

วงจรไฟฟ้าไฮเทค...ไม่มีวันแทนที่มันสมองมนุษย์ได้
นายสบาย
Jr. Member
**

like: 16
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 596


สัน สายสาม (ปา สป)


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2014, 09:44:45 am »

เสียงพัดลมหน้าเครื่องแหละครับ ยิ่งถ้าเปิดแอร์ หลังคาด้วย พัดลมหน้าเครื่องมันจะหมุนเสียงอื้ออึงเลยครับ (พัดลมหน้าเครื่องไม่ใช่พัดลมไฟฟ้าน่ะครับ มันจะทำงานสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ ฉะนั้นเวลาผ่อนคันเร่ง เสียงมันก็จะเบาตามครับ) อาการนี้ปกติครับ (รถไม่อืดน่ะ ถ้าจะรู้สึกอืดบ้างก็น่าจะมาจาก คอมฯ แอร์ ทำงานต่อเนื่องนานครับ) สังเกตุได้ว่าเป็นเฉพาะตอนกลางวัน กลางคืนไม่เป็นครับ
บันทึกการเข้า
rayseed
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 47


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2014, 10:57:00 am »

รถผมก็เป็นครับ ปี2013 ความเร็วประมาน 100-120 ผมใช่วิธียกคันเร่ง แล้วกดให้ได้ความเร็ว 130-140 เสียงเงียบครับ ความรู้สึกส่วนตัวผมว่า เกียร์ไม่เปลี่ยน   ครับ คล้ายๆเวลาเราขับเกียร์ธรรมดาที่เกียร์ 4 ครับ ความรู้สึกส่วนตัวครับ ผมก็อยากรู้วิธีแก้ไขที่จัดเจนครับ สาธุ สาธุ สาธุ 
บันทึกการเข้า
pakkapon
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 33


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2014, 01:01:57 pm »

เป็นเสียงเครื่องคางอือๆ หรือป่าวครับ รถผมจะเป็นช่วงความเร็วประมาณ 100-120 กม/ชม เป็นมาตั้งแต่ตอนออกรถแล้วครับ
เป็นบางครั้ง นานๆ ครั้ง แต่ตอนนี้เป็นเรื่องปกติไปแล้วครับ

ผมแก้โดยถอนคันเร่งลง แล้วกดไปอีกครั้ง หรือเรียกว่า "คลิกดาวน์" ครับ แล้วจะหายไปสักพัก หรือไม่ก็หายไปเลย 
ถ้าอาการเครื่องร้องอือๆ ก็แก้ไขประมาณนี้ครับ แต่ถ้ากรณีอื่นต้องรอป๋าๆ เข้ามาตอบอีกทีครับ 
[/quote

ของผมเป็นแบบพี่เลยคับ เหยียบคันเร่งเสียงเครื่องดังบึ้นแต่รถไม่วิ่ง เหมือนๆเหยียบคลัชแล้วเบิ้ลเครื่องพวกเกียรธรรมาดายังไงยังงั้นเลย ผมสังเกตเวลาขับทางไกลเครื่องร้อนๆมักจะมีอาการนี้(มโนเอาเอง โอ๊ยมึน) น้องปาเวลายกคันเร่งนิดเดียว รอบเครื่องตกเร็วมาก พอกดอีกทีก็ว่าวลมแบบนี้อะคับ หลังๆรำคาญกดอย่างเดียวอาการดีขึ้นคับ..น้องปาชอบซาดิสต์นี่เอง kiki
บันทึกการเข้า
ปาโลมา
Newbie
*

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 286


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2014, 02:41:37 pm »

มายืนยันอีกเสียงว่าน่าจะเป็นที่พัดลมหน้าเครื่องครับ
อาการลักษณะนี้อยู่กับปาของผมมาตลอดตั้งแต่เริ่มใช้ (แรกๆไม่ดังมาก) ช่วงหลังเริ่มดังมากขึ้น รู้สึกรำคาญมากก็เลยหาทางแก้จนสำเร็จไปแล้ว
เดี๋ยวเอาข้อมูลโดยละเอียดมาลงให้อีกทีครับ (สั้นๆก่อนว่าผมเปลี่ยนชุดฟรีปั้มครับ)
บันทึกการเข้า
ปาโลมา
Newbie
*

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 286


« ตอบ #20 เมื่อ: มิถุนายน 02, 2014, 08:56:13 am »

กลับมาลงข้อมูลเพิ่มเติมครับ
เสียงดังในปาผมประมาณว่าอื้อๆวู้ๆ โดยเฉพาะวิ่งทางไกลช่วงกลางวันร้อนๆ
ผมสงสัยมานานว่าดังมาจากไหน จากเทอร์โบ เกียร์ หรือเครื่อง เคยคุยๆกับช่างในศูนย์หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ติดตามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง (ดังไม่มาก แต่วิ่งทางไกลจะรำคาญพอประมาณ)
ช่วงหลังๆ (ปีที่ 3) มานี่เริ่มดังมากขึ้นและรู้สึกเหมือนว่ารถไม่ค่อยวิ่งทั้งๆที่เหยียบคันเร่งลงไปลึกพอประมาณ (อันนี้เป็นความรู้สึกครับ)

เท่าที่ผมสองสังเกตุดูอาการประมาณนี้ครับ
วิ่งใหม่ๆไม่ดัง (อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นถึงจุดทำงานแล้ว) จะเริ่มดังเมื่อวิ่งไปซัก 20-30 นาทีแล้ว (มีความร้อนสะสมในห้องเครื่อง?)
เสียงทีว่าจะเริ่มดังที่รอบเครื่องประมาณ 2000 ขึ้นไป รอบสูงมากก็จะดังมาก
ช่วงสองปีแรก บางครั้งดัง บางครั้งก็เงียบ แต่วิ่งทางไกลไปซักพักจะดังตลอด ปีที่สามนี่ดังทุกครั้งที่เข้าเงื่อนไขสองข้อด้านบน
ยกเท้าออกจากคันเร่ง รอบเครื่องต่ำลง เสียงเงียบ เหยียบลงไปใหม่ส่วนมากจะดังอีก

เนื่องจากช่วงหลังนี้ดังมากขึ้นผมก็เลยพยายามหาทางแก้อย่างจริงจัง ลองเข้าศูนย์เข้าอู่อยู่หลายที่
ช่างว่าน่าจะเป็นที่ฟรีปั้มพัดลมหน้าเครื่อง (ไม่ใช่พัดลมไฟฟ้านะครับ)
ลองกลับมาหาข้อมูลในเน็ตดูก่อนก็เจอว่า รถดีเซลหลายค่ายและรถยุโรปที่ใช้พัดลมระบายความร้อนแบบนี้เป็นอาการนี้กันเยอะเหมือนกัน
ส่วนรถที่ใช้พัดลมไฟฟ้าไม่ค่อยเห็นเขาบ่นกัน

หลักการสั้นๆของฟรีปั้มพัดลมคือ เมื่อเจ้าน้ำยาฟรีปั้มที่อยู่ในชุดฟรีปั้มพัดลมร้อนมากขึ้นจะมีความหนืดสูงขึ้น ทำให้ใบพัดลมกินลมมากขึ้น (ที่มาของเสียง)
ซึ่งการทำงานตามนี้ก็ตรงตามความต้องการที่ผู้ผลิตเขาออกแบบไว้ละครับ คือเมื่อเครื่องร้อน พัดลมก็ต้องทำงานเต็มที่เพื่อระบายความร้อนออกไปให้มากที่สุด
หากเครื่องเย็น ก็ให้พัดลมทำงานน้อยๆ เครื่องจะได้ร้อนถึงอุณหภูมิทำงานโดยเร็ว
แต่ประเด็นที่เราพูดถึงอยู่คือ หากฟรีปั้มมันหนืดเกินความจำเป็นเสียงพัดลมก็จะดังเกินจนน่ารำคาญและเขาว่ากันว่ามันกินกำลังเครื่องเยอะด้วยเพราะพัดลมแบบนี้หมุนโดยเครื่องยนต์ครับ
ส่วนถ้าหากมันฟรีเกินไปใบพัดลมก็จะกินลมน้อยทำให้เกิดปัญหาความร้อนขึ้นได้

เมื่อได้ข้อมูลตามนี้ก็ลองกลับไปแก้ดู
รอบแรกเติมน้ำยาฟรีปั้ม (ผมไม่ได้อยู่ดูเลยไม่แน่ใจว่าช่างเอาน้ำยาเก่าออก หรือเติมเพิ่มเข้าไปเลย) ออกมาวิ่งดูเหมือนจะดี (เครื่องยังไม่ร้อนเต็มที่มั้ง) เอาไปลองใช้ดูก่อน
ใช้ไปได้ซักสองอาทิตย์ สรุปว่าดังเหมือนเดิม ส่วนความร้อนไม่มีปัญหา

กลับไปใหม่ เอาน้ำยาฟรีปั้มออกนิดหน่อย คราวนี้รู้สึกว่าดีขึ้น แต่วิ่งทางไกลก็ยังดังอยู่ ส่วนความร้อนยังไม่มีปัญหาเหมือนเดิม
กลับไปอีกช่างว่า "ไม่น่าจะเอาออกแล้วพี่ น้ำยามันเหลือน้อยอยู่แล้ว ลองใช้ๆดูไปก่อน" โอเค ลองใช้ดู...

ใช้อยู่ซักพักทนไม่ไหว จริงๆมันก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ไม่วิ่งทางไกลก็ไม่ดังมากมายอะไร แต่คิดจะทำแล้วน่าจะได้ดีกว่านี้ ก็เลยไปวิ่งหาอู่อื่นเพื่อลองแก้ดู หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าไปเลย
หาไปหามาไปเจอร้านทำพัดลมไฟฟ้า ก็เลยลองเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านดูเผื่อจะได้คำแนะนำดีๆ
ซึ้งคำตอบที่ได้มาคือแก้กันไม่ค่อยหาย น่าจะต้องเปลี่ยนชุดฟรีปั้มเลยแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหายแน่ๆไหม
พอดีว่าเจ้าของร้านแกขับ triton ซึ่งแกถอดเจ้าพัดลมหน้าเครื่องออกติดพัดลมไฟฟ้าแทนตั้งแต่ป้ายแดง แกก็เลยเอามาให้ลองเปลี่ยนดู
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ทดลองหมุนใบพัดลมดูพบว่าใบพัดหมุนฟรีได้มากกว่าฟรีปั้มเดิมของปาผมแบบรู้สึกได้ชัดเจน

การหมุนทดสอบโดยเบื้องต้นคือใช้นิ้วกวาดใบพัดลม ใบจะหมุนไปได้ซักครึ่งรอบโดยประมาณ (ตรงนี้เป็นการประมาณล้วนๆนะครับ)
ฟรีปั้มเดิมผมกระดิกตามนิ้วไปนิดเดียว
ส่วนถ้าหากกวาดนิ้วแล้วใบพัดหมุนไปเป็นรอบนี่อาจจะฟรีเกิน อาจจะมีปัญหาความร้อนได้ (แต่ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องไปกังวลมันมากนะครับ)

เอาปาออกมาทดลองขับอยู่นานมีเสียงอื้อๆกลับมาบ้างนานๆทีซึ่งน่าจะเป็นปกติ โดยรวมแล้วรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมตอนก่อนเปลี่ยนมากๆครับ  yes!!
บันทึกการเข้า
ตั้ม
The Matrix Has You.
Jr. Member
**

like: 17
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 801



« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2015, 05:05:05 pm »

กลับมาลงข้อมูลเพิ่มเติมครับ
เสียงดังในปาผมประมาณว่าอื้อๆวู้ๆ โดยเฉพาะวิ่งทางไกลช่วงกลางวันร้อนๆ
ผมสงสัยมานานว่าดังมาจากไหน จากเทอร์โบ เกียร์ หรือเครื่อง เคยคุยๆกับช่างในศูนย์หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ติดตามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง (ดังไม่มาก แต่วิ่งทางไกลจะรำคาญพอประมาณ)
ช่วงหลังๆ (ปีที่ 3) มานี่เริ่มดังมากขึ้นและรู้สึกเหมือนว่ารถไม่ค่อยวิ่งทั้งๆที่เหยียบคันเร่งลงไปลึกพอประมาณ (อันนี้เป็นความรู้สึกครับ)

เท่าที่ผมสองสังเกตุดูอาการประมาณนี้ครับ
วิ่งใหม่ๆไม่ดัง (อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นถึงจุดทำงานแล้ว) จะเริ่มดังเมื่อวิ่งไปซัก 20-30 นาทีแล้ว (มีความร้อนสะสมในห้องเครื่อง?)
เสียงทีว่าจะเริ่มดังที่รอบเครื่องประมาณ 2000 ขึ้นไป รอบสูงมากก็จะดังมาก
ช่วงสองปีแรก บางครั้งดัง บางครั้งก็เงียบ แต่วิ่งทางไกลไปซักพักจะดังตลอด ปีที่สามนี่ดังทุกครั้งที่เข้าเงื่อนไขสองข้อด้านบน
ยกเท้าออกจากคันเร่ง รอบเครื่องต่ำลง เสียงเงียบ เหยียบลงไปใหม่ส่วนมากจะดังอีก

เนื่องจากช่วงหลังนี้ดังมากขึ้นผมก็เลยพยายามหาทางแก้อย่างจริงจัง ลองเข้าศูนย์เข้าอู่อยู่หลายที่
ช่างว่าน่าจะเป็นที่ฟรีปั้มพัดลมหน้าเครื่อง (ไม่ใช่พัดลมไฟฟ้านะครับ)
ลองกลับมาหาข้อมูลในเน็ตดูก่อนก็เจอว่า รถดีเซลหลายค่ายและรถยุโรปที่ใช้พัดลมระบายความร้อนแบบนี้เป็นอาการนี้กันเยอะเหมือนกัน
ส่วนรถที่ใช้พัดลมไฟฟ้าไม่ค่อยเห็นเขาบ่นกัน

หลักการสั้นๆของฟรีปั้มพัดลมคือ เมื่อเจ้าน้ำยาฟรีปั้มที่อยู่ในชุดฟรีปั้มพัดลมร้อนมากขึ้นจะมีความหนืดสูงขึ้น ทำให้ใบพัดลมกินลมมากขึ้น (ที่มาของเสียง)
ซึ่งการทำงานตามนี้ก็ตรงตามความต้องการที่ผู้ผลิตเขาออกแบบไว้ละครับ คือเมื่อเครื่องร้อน พัดลมก็ต้องทำงานเต็มที่เพื่อระบายความร้อนออกไปให้มากที่สุด
หากเครื่องเย็น ก็ให้พัดลมทำงานน้อยๆ เครื่องจะได้ร้อนถึงอุณหภูมิทำงานโดยเร็ว
แต่ประเด็นที่เราพูดถึงอยู่คือ หากฟรีปั้มมันหนืดเกินความจำเป็นเสียงพัดลมก็จะดังเกินจนน่ารำคาญและเขาว่ากันว่ามันกินกำลังเครื่องเยอะด้วยเพราะพัดลมแบบนี้หมุนโดยเครื่องยนต์ครับ
ส่วนถ้าหากมันฟรีเกินไปใบพัดลมก็จะกินลมน้อยทำให้เกิดปัญหาความร้อนขึ้นได้

เมื่อได้ข้อมูลตามนี้ก็ลองกลับไปแก้ดู
รอบแรกเติมน้ำยาฟรีปั้ม (ผมไม่ได้อยู่ดูเลยไม่แน่ใจว่าช่างเอาน้ำยาเก่าออก หรือเติมเพิ่มเข้าไปเลย) ออกมาวิ่งดูเหมือนจะดี (เครื่องยังไม่ร้อนเต็มที่มั้ง) เอาไปลองใช้ดูก่อน
ใช้ไปได้ซักสองอาทิตย์ สรุปว่าดังเหมือนเดิม ส่วนความร้อนไม่มีปัญหา

กลับไปใหม่ เอาน้ำยาฟรีปั้มออกนิดหน่อย คราวนี้รู้สึกว่าดีขึ้น แต่วิ่งทางไกลก็ยังดังอยู่ ส่วนความร้อนยังไม่มีปัญหาเหมือนเดิม
กลับไปอีกช่างว่า "ไม่น่าจะเอาออกแล้วพี่ น้ำยามันเหลือน้อยอยู่แล้ว ลองใช้ๆดูไปก่อน" โอเค ลองใช้ดู...

ใช้อยู่ซักพักทนไม่ไหว จริงๆมันก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ไม่วิ่งทางไกลก็ไม่ดังมากมายอะไร แต่คิดจะทำแล้วน่าจะได้ดีกว่านี้ ก็เลยไปวิ่งหาอู่อื่นเพื่อลองแก้ดู หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าไปเลย
หาไปหามาไปเจอร้านทำพัดลมไฟฟ้า ก็เลยลองเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านดูเผื่อจะได้คำแนะนำดีๆ
ซึ้งคำตอบที่ได้มาคือแก้กันไม่ค่อยหาย น่าจะต้องเปลี่ยนชุดฟรีปั้มเลยแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหายแน่ๆไหม
พอดีว่าเจ้าของร้านแกขับ triton ซึ่งแกถอดเจ้าพัดลมหน้าเครื่องออกติดพัดลมไฟฟ้าแทนตั้งแต่ป้ายแดง แกก็เลยเอามาให้ลองเปลี่ยนดู
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ทดลองหมุนใบพัดลมดูพบว่าใบพัดหมุนฟรีได้มากกว่าฟรีปั้มเดิมของปาผมแบบรู้สึกได้ชัดเจน

การหมุนทดสอบโดยเบื้องต้นคือใช้นิ้วกวาดใบพัดลม ใบจะหมุนไปได้ซักครึ่งรอบโดยประมาณ (ตรงนี้เป็นการประมาณล้วนๆนะครับ)
ฟรีปั้มเดิมผมกระดิกตามนิ้วไปนิดเดียว
ส่วนถ้าหากกวาดนิ้วแล้วใบพัดหมุนไปเป็นรอบนี่อาจจะฟรีเกิน อาจจะมีปัญหาความร้อนได้ (แต่ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องไปกังวลมันมากนะครับ)

เอาปาออกมาทดลองขับอยู่นานมีเสียงอื้อๆกลับมาบ้างนานๆทีซึ่งน่าจะเป็นปกติ โดยรวมแล้วรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมตอนก่อนเปลี่ยนมากๆครับ  yes!!

ขอบคุณครับ  สาธุ
บันทึกการเข้า

วงจรไฟฟ้าไฮเทค...ไม่มีวันแทนที่มันสมองมนุษย์ได้
ปาโลมา
Newbie
*

like: 13
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 286


« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2015, 08:23:48 am »

กลับมาลงข้อมูลเพิ่มเติมครับ
เสียงดังในปาผมประมาณว่าอื้อๆวู้ๆ โดยเฉพาะวิ่งทางไกลช่วงกลางวันร้อนๆ
ผมสงสัยมานานว่าดังมาจากไหน จากเทอร์โบ เกียร์ หรือเครื่อง เคยคุยๆกับช่างในศูนย์หลายรอบแต่ก็ไม่ได้ติดตามแก้ไขอย่างต่อเนื่อง (ดังไม่มาก แต่วิ่งทางไกลจะรำคาญพอประมาณ)
ช่วงหลังๆ (ปีที่ 3) มานี่เริ่มดังมากขึ้นและรู้สึกเหมือนว่ารถไม่ค่อยวิ่งทั้งๆที่เหยียบคันเร่งลงไปลึกพอประมาณ (อันนี้เป็นความรู้สึกครับ)

เท่าที่ผมสองสังเกตุดูอาการประมาณนี้ครับ
วิ่งใหม่ๆไม่ดัง (อุณหภูมิน้ำหล่อเย็นถึงจุดทำงานแล้ว) จะเริ่มดังเมื่อวิ่งไปซัก 20-30 นาทีแล้ว (มีความร้อนสะสมในห้องเครื่อง?)
เสียงทีว่าจะเริ่มดังที่รอบเครื่องประมาณ 2000 ขึ้นไป รอบสูงมากก็จะดังมาก
ช่วงสองปีแรก บางครั้งดัง บางครั้งก็เงียบ แต่วิ่งทางไกลไปซักพักจะดังตลอด ปีที่สามนี่ดังทุกครั้งที่เข้าเงื่อนไขสองข้อด้านบน
ยกเท้าออกจากคันเร่ง รอบเครื่องต่ำลง เสียงเงียบ เหยียบลงไปใหม่ส่วนมากจะดังอีก

เนื่องจากช่วงหลังนี้ดังมากขึ้นผมก็เลยพยายามหาทางแก้อย่างจริงจัง ลองเข้าศูนย์เข้าอู่อยู่หลายที่
ช่างว่าน่าจะเป็นที่ฟรีปั้มพัดลมหน้าเครื่อง (ไม่ใช่พัดลมไฟฟ้านะครับ)
ลองกลับมาหาข้อมูลในเน็ตดูก่อนก็เจอว่า รถดีเซลหลายค่ายและรถยุโรปที่ใช้พัดลมระบายความร้อนแบบนี้เป็นอาการนี้กันเยอะเหมือนกัน
ส่วนรถที่ใช้พัดลมไฟฟ้าไม่ค่อยเห็นเขาบ่นกัน

หลักการสั้นๆของฟรีปั้มพัดลมคือ เมื่อเจ้าน้ำยาฟรีปั้มที่อยู่ในชุดฟรีปั้มพัดลมร้อนมากขึ้นจะมีความหนืดสูงขึ้น ทำให้ใบพัดลมกินลมมากขึ้น (ที่มาของเสียง)
ซึ่งการทำงานตามนี้ก็ตรงตามความต้องการที่ผู้ผลิตเขาออกแบบไว้ละครับ คือเมื่อเครื่องร้อน พัดลมก็ต้องทำงานเต็มที่เพื่อระบายความร้อนออกไปให้มากที่สุด
หากเครื่องเย็น ก็ให้พัดลมทำงานน้อยๆ เครื่องจะได้ร้อนถึงอุณหภูมิทำงานโดยเร็ว
แต่ประเด็นที่เราพูดถึงอยู่คือ หากฟรีปั้มมันหนืดเกินความจำเป็นเสียงพัดลมก็จะดังเกินจนน่ารำคาญและเขาว่ากันว่ามันกินกำลังเครื่องเยอะด้วยเพราะพัดลมแบบนี้หมุนโดยเครื่องยนต์ครับ
ส่วนถ้าหากมันฟรีเกินไปใบพัดลมก็จะกินลมน้อยทำให้เกิดปัญหาความร้อนขึ้นได้

เมื่อได้ข้อมูลตามนี้ก็ลองกลับไปแก้ดู
รอบแรกเติมน้ำยาฟรีปั้ม (ผมไม่ได้อยู่ดูเลยไม่แน่ใจว่าช่างเอาน้ำยาเก่าออก หรือเติมเพิ่มเข้าไปเลย) ออกมาวิ่งดูเหมือนจะดี (เครื่องยังไม่ร้อนเต็มที่มั้ง) เอาไปลองใช้ดูก่อน
ใช้ไปได้ซักสองอาทิตย์ สรุปว่าดังเหมือนเดิม ส่วนความร้อนไม่มีปัญหา

กลับไปใหม่ เอาน้ำยาฟรีปั้มออกนิดหน่อย คราวนี้รู้สึกว่าดีขึ้น แต่วิ่งทางไกลก็ยังดังอยู่ ส่วนความร้อนยังไม่มีปัญหาเหมือนเดิม
กลับไปอีกช่างว่า "ไม่น่าจะเอาออกแล้วพี่ น้ำยามันเหลือน้อยอยู่แล้ว ลองใช้ๆดูไปก่อน" โอเค ลองใช้ดู...

ใช้อยู่ซักพักทนไม่ไหว จริงๆมันก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ไม่วิ่งทางไกลก็ไม่ดังมากมายอะไร แต่คิดจะทำแล้วน่าจะได้ดีกว่านี้ ก็เลยไปวิ่งหาอู่อื่นเพื่อลองแก้ดู หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าไปเลย
หาไปหามาไปเจอร้านทำพัดลมไฟฟ้า ก็เลยลองเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านดูเผื่อจะได้คำแนะนำดีๆ
ซึ้งคำตอบที่ได้มาคือแก้กันไม่ค่อยหาย น่าจะต้องเปลี่ยนชุดฟรีปั้มเลยแต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะหายแน่ๆไหม
พอดีว่าเจ้าของร้านแกขับ triton ซึ่งแกถอดเจ้าพัดลมหน้าเครื่องออกติดพัดลมไฟฟ้าแทนตั้งแต่ป้ายแดง แกก็เลยเอามาให้ลองเปลี่ยนดู
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ทดลองหมุนใบพัดลมดูพบว่าใบพัดหมุนฟรีได้มากกว่าฟรีปั้มเดิมของปาผมแบบรู้สึกได้ชัดเจน

การหมุนทดสอบโดยเบื้องต้นคือใช้นิ้วกวาดใบพัดลม ใบจะหมุนไปได้ซักครึ่งรอบโดยประมาณ (ตรงนี้เป็นการประมาณล้วนๆนะครับ)
ฟรีปั้มเดิมผมกระดิกตามนิ้วไปนิดเดียว
ส่วนถ้าหากกวาดนิ้วแล้วใบพัดหมุนไปเป็นรอบนี่อาจจะฟรีเกิน อาจจะมีปัญหาความร้อนได้ (แต่ถ้าไม่มีปัญหาก็ไม่ต้องไปกังวลมันมากนะครับ)

เอาปาออกมาทดลองขับอยู่นานมีเสียงอื้อๆกลับมาบ้างนานๆทีซึ่งน่าจะเป็นปกติ โดยรวมแล้วรู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมตอนก่อนเปลี่ยนมากๆครับ  yes!!

ขอบคุณครับ  สาธุ

ขอบคุณป๋าที่ตั้มขุดกระทู้นี้ขึ้นมาผมเลยเจอว่าข้อมูลที่ผมลงไว้ไม่อัพเดท...
เรื่องเสียงดังจากพัดลมฟรีปั้ม (หรือฟรีคลัทช์) ในปาผม สุดท้ายผมจัดการแบบถาวรโดยถอดออกเปลี่ยนเป็นพัดลมไฟฟ้าไปละ  Cheesy
แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ใช้รถทั่วไปเพราะพัดลมติดรถเดิมๆนั้นทำหน้าที่ระบายความร้อนได้ดีและแทบจะไม่ต้องการการดูและรักษาเลย (พังยาก)
รายละเอียดของพัดลมไฟฟ้าที่ผมใช้ หากป๋าๆสนใจอ่านดูเป็นข้อมูล ลองดูกระทู้ในห้อง DIY ครับ
บันทึกการเข้า
Gigalo
-= !รักจะแหวก ต้องแตกต่าง! =-
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13


« ตอบ #23 เมื่อ: มิถุนายน 26, 2015, 09:30:20 am »

 ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม

ผมก็เดือนเนื้อร้อนใจกับปัญหานี้เหมือนกัน...ใช้รถมาจะ สามปีแล้ว ยิ่งนานยิ่งดังชัดขึ้นเรื่อยๆ แก้เฟืองท้ายจบแล้ว ยังหาปัญหานี้ไม่เจอ พออ่าน...เขาใจเลย โดยเฉพาะเรื่อง ฟรีคลัทช์

ขอบพระคุณหลายๆครับที่ขุดขึ้นมา 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 26, 2015, 09:33:12 am โดย Gigalo » บันทึกการเข้า

Keep it Up ?
หน้า: 1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.048 วินาที กับ 20 คำสั่ง