Languages
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: *** หมอบ้าน Pajerosport-Thailand ครับ ***  (อ่าน 62660 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #90 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 04:32:04 pm »

รับเขียนแบบบ้านด้วยไหม ผมมีแบบอยู่ในใจแล้ว

ยินดีครับป๋า
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #91 เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2014, 10:30:29 pm »

จากเหตุการณ์ ภัยแผ่นดินไหว ล่าสุด สร้าง ความ ตื่นตระหนก ให้กับ คนไทยเป็นอย่างมากครับ
วันนี้ผมเลย ยกเรื่องการ สร้างบ้าน เดิมๆของเรา วิศวกร และสถาปนิก ไม่ได้คำนึงถึง เหตุแผ่นดินไหว
เนื่องจาก กฏหมายต่างๆไม่ได้ควบคุมเอาไว้ สำหรับ อาคารประเภทนี้ จะไปควบคุมอาคารสูงเป็นหลัก ครับ
แต่วันนี้คงต้องมองกันใหม่แล้ว หล่ะครับ ใครยังไม่ได้สร้างหรือกำลังจะสร้างก็ เตรียมเงิน ไว้ สำหรับโครงสร้างได้เลยนะครับก่อนการสร้างบ้านให้ป้องกันแผ่นดินไหว วิศวกรจะต้องพิจารณาพื้นที่สภาพดินในเขตนั้น รวมถึงรูปแบบของอาคารเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิบัติในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง โครงสร้างที่ดีควรจะวางตำแหน่งเสาให้มีความสมมาตรในแกนหลักทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร หากเป็นอาคารสูง ควรมีกำแพงรับแรงเฉือนหลายชิ้น วางในตำแหน่งที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดผังอาคาร โดยไม่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณเดียว
ทิศทางการวางแนวผนัง ควรหันด้านยาวของผนังให้สามารถรับแรงด้านข้างจากแผ่นดินไหวได้ทั้งสองทิศทาง ทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร ดังตัวอย่างอาคารที่มีการจัดวางตำหน่งเสาและกำแพงรับแรงเฉือนที่ดี
นอกจากรูปแบบของอาคารที่เหมาะสมแล้ว ความแข็งแรงของโครงสร้างก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเสานอกจากจะรับน้ำหนักบรรทุกปกติ ซึ่งเป็นน้ำหนักของอาคารและน้ำหนักบรรทุกจรตามการออกแบบทั่วไปแล้ว เสาจะต้องมีกำลังรับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นในขณะเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเปรียบเทียบขนาดเสากับอาคารทั่วไปแล้ว เสาอาคารต้านทานแผ่นดินไหว จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีปริมาณเหล็กเสริมตามยาวของเสามากกว่า เพื่อรับน้ำหนักบรรทุกและการดัดตัวที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งต้านการเคลื่อนที่ทางด้านข้างด้วย และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือการเสริมเหล็กให้โครงสร้างมีความเหนียวพอเพียงในการต้านทานแรงแผ่นดินไหว โดยการจัดปริมาณการเสริมเหล็กตามยาวและเหล็กปลอกที่โอบรัดรอบเหล็กเสริมตาม ยาวของเสาและคานให้พอเพียง
ส่วนการสร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหวในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้รับเหมาหลายรายที่นำเสนอบ้านป้องกันแผ่นดินไหวมาเป็นตัวเลือกของคนที่มีงบประมาณสูงขึ้นมาเล็กน้อย และอยากจะได้ความปลอดภัยพร้อมกับความสบายใจในการอยู่อาศัย ซึ่งสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้สูงถึงระดับ 7 เพราะฉะนั้นเราก็คงจะมั่นใจได้ระดับหนึ่ง

บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
Konzilla
PA Meedee ID.4255 เจอะกันแล้วยิ้มแย้มทักทาย ^^
Jr. Member
**

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 307



เว็บไซต์
« ตอบ #92 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 08:17:39 pm »

เห็นด้วยมากครับกับการยกมาตรฐานของบ้านที่ควรมีโครงสร้างป้องกันแผ่นดินไหว ที่บ้านเราไม่เคยมีใครที่จะพูดถึงกัน

 suadyod
บันทึกการเข้า

The Best Solution for All Factory
tee_noi
Full Member
***

like: 18
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1130


ID 1766


« ตอบ #93 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2014, 08:22:20 pm »

จากเหตุการณ์ ภัยแผ่นดินไหว ล่าสุด สร้าง ความ ตื่นตระหนก ให้กับ คนไทยเป็นอย่างมากครับ
วันนี้ผมเลย ยกเรื่องการ สร้างบ้าน เดิมๆของเรา วิศวกร และสถาปนิก ไม่ได้คำนึงถึง เหตุแผ่นดินไหว
เนื่องจาก กฏหมายต่างๆไม่ได้ควบคุมเอาไว้ สำหรับ อาคารประเภทนี้ จะไปควบคุมอาคารสูงเป็นหลัก ครับ
แต่วันนี้คงต้องมองกันใหม่แล้ว หล่ะครับ ใครยังไม่ได้สร้างหรือกำลังจะสร้างก็ เตรียมเงิน ไว้ สำหรับโครงสร้างได้เลยนะครับก่อนการสร้างบ้านให้ป้องกันแผ่นดินไหว วิศวกรจะต้องพิจารณาพื้นที่สภาพดินในเขตนั้น รวมถึงรูปแบบของอาคารเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิบัติในรูปแบบต่างๆ นั่นเอง โครงสร้างที่ดีควรจะวางตำแหน่งเสาให้มีความสมมาตรในแกนหลักทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร หากเป็นอาคารสูง ควรมีกำแพงรับแรงเฉือนหลายชิ้น วางในตำแหน่งที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอตลอดผังอาคาร โดยไม่กระจุกตัวอยู่ในบริเวณเดียว
ทิศทางการวางแนวผนัง ควรหันด้านยาวของผนังให้สามารถรับแรงด้านข้างจากแผ่นดินไหวได้ทั้งสองทิศทาง ทั้งตามยาวและตามขวางของอาคาร ดังตัวอย่างอาคารที่มีการจัดวางตำหน่งเสาและกำแพงรับแรงเฉือนที่ดี
นอกจากรูปแบบของอาคารที่เหมาะสมแล้ว ความแข็งแรงของโครงสร้างก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเสานอกจากจะรับน้ำหนักบรรทุกปกติ ซึ่งเป็นน้ำหนักของอาคารและน้ำหนักบรรทุกจรตามการออกแบบทั่วไปแล้ว เสาจะต้องมีกำลังรับน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้นในขณะเกิดแผ่นดินไหว เมื่อเปรียบเทียบขนาดเสากับอาคารทั่วไปแล้ว เสาอาคารต้านทานแผ่นดินไหว จะมีขนาดใหญ่กว่าและมีปริมาณเหล็กเสริมตามยาวของเสามากกว่า เพื่อรับน้ำหนักบรรทุกและการดัดตัวที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งต้านการเคลื่อนที่ทางด้านข้างด้วย และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือการเสริมเหล็กให้โครงสร้างมีความเหนียวพอเพียงในการต้านทานแรงแผ่นดินไหว โดยการจัดปริมาณการเสริมเหล็กตามยาวและเหล็กปลอกที่โอบรัดรอบเหล็กเสริมตาม ยาวของเสาและคานให้พอเพียง
ส่วนการสร้างบ้านป้องกันแผ่นดินไหวในประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้รับเหมาหลายรายที่นำเสนอบ้านป้องกันแผ่นดินไหวมาเป็นตัวเลือกของคนที่มีงบประมาณสูงขึ้นมาเล็กน้อย และอยากจะได้ความปลอดภัยพร้อมกับความสบายใจในการอยู่อาศัย ซึ่งสามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนได้สูงถึงระดับ 7 เพราะฉะนั้นเราก็คงจะมั่นใจได้ระดับหนึ่ง




ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ    suadyod
บันทึกการเข้า

จะไปทุกที่..ที่อยากไป..
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #94 เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2014, 09:11:31 am »

ผมเคยมีโอกาสไปดูงานและทำงานที่เมืองจีนมา เห็นได้ชัดเลยว่า เมืองจีนต้องอยู่ภายใต้  ใต้พื้นดินที่เป็นน้ำ อยู่จำนวนมาก จีนมีวิธีการคำนวนและลงทุนกับโครงสร้างค่อนข้างสูงมากๆเลย มนุษย์ จะอยู่ได้ต้องปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติครับ เพราะธรรมชาติเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาหากเราไม่ปรับตัว เราก็จะสูญพันธ์ แบบ ไดโดเสา นะครับ 5555555
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #95 เมื่อ: สิงหาคม 07, 2014, 08:58:21 pm »

เข้าหน้าฝนแล้วนะครับ เตรียมบ้านให้พร้อมสำหรับหน้าฝนกันครับ 

เคลียร์ท่อและรางน้ำฝนให้โล่ง

         ในช่วงฤดูร้อนหรือฤดูหนาว สายลมอาจจะพัดพาใบไม้ให้ร่วงหล่นตกค้างในท่อน้ำ รางน้ำฝน และหลังคาบ้าน จนอาจจะกลายเป็นสิ่งกีดขวางทางเดินของน้ำ ให้ไหลไม่สะดวก เกิดการเอ่อล้นเสี่ยงน้ำท่วมบ้านได้ ยิ่งถ้ามีสิ่งกีดขวางบนหลังคาบ้านมาก ๆ น้ำฝนที่ตกลงมาก็จะไม่ไหลไปตามร่องกระเบื้องมุงหลังคา แต่จะไหลมาด้านข้าง รดขอบหน้าต่างและผนังให้เสียหายแทน ดังนั้นเราควรจะเคลียร์ท่อน้ำและรางน้ำฝนให้โล่งเสียก่อน ด้วยการปัดกวาดเศษใบไม้และสิ่งอุดตันออกจากท่อให้หมด จากนั้นหากไม่มีอุปกรณ์หรือไม่รู้วิธีลอกท่อที่ถูกต้อง แนะนำให้ปรึกษาช่างผู้ชำนาญการ ให้เขามาลอกท่อให้เลยดีกว่า

 อุดทุกรอยรั่ว

         ตรวจเช็กให้แน่ใจว่าหลังคา ฝ้า และเพดาน ไม่มีรอยรั่ว แตกร้าวหรือมีช่องให้น้ำผ่านเข้ามาได้ ควรซีลขอบหน้าต่างให้เรียบร้อย และจะดีมากถ้าใช้ยางซีลชนิดที่กันน้ำได้ หากจุดใดเกิดการชำรุดก็ต้องจัดการซ่อมแซมโดยทันที เพื่อในวันที่มีพายุฝนกระหน่ำ จะได้ไม่ต้องกังวลว่าน้ำฝนจะเล็ดลอดเข้ามาในบ้านให้ต้องเหนื่อยเช็ดถู และเฟอร์นิเจอร์จะได้ไม่โดนน้ำฝนทำลายให้เสียหายด้วย นอกจากนี้อย่าลืมหาเกราะป้องกันน้ำให้คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศด้วยนะคะ อาจจะต้องลงทุนกันมากหน่อยแต่รับรองว่าคุ้มไปตลอดทั้งปีแน่ ๆ จ้า

 ใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ

         อย่าลืมใส่ใจสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น สระว่ายน้ำ สนามหญ้าหน้าบ้าน ที่ควรต้องลดระดับน้ำในสระ และรดน้ำต้นไม้ให้น้อยลง เผื่อไว้สำหรับรองรับน้ำฝนที่จะตกลงมาด้วย อีกทั้งถ้าหน้าต่างบ้านเป็นหน้าต่างไม้ ก็ควรต้องลงทุนทาสีชนิดกันน้ำได้ แทนสีเก่า เพื่อให้ช่วยป้องกันน้ำฝนซึมลงในเนื้อไม้ จนทำให้หน้าต่างบวมเสียรูป รายละเอียดยิบย่อยแบบนี้แต่ละบ้านก็มีไม่เหมือนกัน ดังนั้นช่วงที่ใกล้จะเข้าหน้าฝนอย่างนี้ แนะนำให้คุณสำรวจดูให้ทั่วบ้าน และจดรายการที่ต้องเตรียมป้องกันน้ำฝนกันให้ดีด้วย

 ป้องกันลมพัดทำลายข้าวของ

         หน้าฝนมักจะมาพร้อมกับพายุ และลมแรง ๆ ซึ่งอาจจะทำลายสวนสวย ร่มกลางสนาม ถังขยะ หรือข้าวของที่สามารถปลิว ร่วงหลุด หรือหักงอได้ง่าย ดังนั้นคงดีกว่าถ้าเราจะเก็บสิ่งของเหล่านี้ในที่ปลอดภัย เช่น ในโรงรถ หรือห้องเก็บของไว้ก่อน เพื่อป้องกันลมแรง ๆ มาพัดข้าวของให้ปลิวกระจัดกระจาย เสียหายในภายหลัง หากเป็นของที่ไม่สามารถเก็บเข้าที่ได้ ลองหาอะไรยึดไว้ให้แข็งแรงก็จะปลอดภัยขึ้นนะ


 

 อย่าลืมเรื่องไฟฟ้า
         
         สำหรับบ้านไหนที่ต่อเติมบ้านไปเมื่อช่วงฤดูร้อนและยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย หรือมีการตั้งโต๊ะจัดปาร์ตี้ที่สนามหน้าบ้าน ก็ควรต้องตรวจเช็กให้ดี ว่ามีสายไฟ หรือการต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นค้างไว้หรือเปล่า เพราะถ้าหากลืมเก็บเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือสายไฟเหล่านี้ อาจเกิดอันตราย เช่น ไฟช็อต ไฟรั่ว ในขณะที่ฝนตกได้นะจ๊ะ

 ตัดกิ่งไม้ให้เรียบร้อย

         หน้าฝนที่ลมแรง ๆ อย่างนี้หากกิ่งไม้หรือต้นไม้เกิดโค่นทับหลังคาบ้านก็คงไม่ดีแน่ ฉะนั้นในวันที่ฟ้าปลอดโปร่ง เราก็จัดการตัดแต่งกิ่งไม้ที่ใกล้จะหัก หรือกิ่งที่ค่อนข้างใหญ่ลงก่อนดีกว่า และอย่าลืมเคลื่อนย้ายต้นไม้ดอกไม้กระถางเล็ก ๆ ที่เสี่ยงจะปลิวไปกับสายลมไว้ในที่ปลอดภัยด้วยนะคะ

 เตรียมไฟฉายให้พร้อม

         ในวันที่มีพายุลูกใหญ่พัดถล่ม ไฟก็อาจจะดับใช้การไม่ได้ ดังนั้นทางที่ดีเราควรเตรียมไฟฉาย หรือเทียนไขให้พร้อมก่อนดีกว่า เช็กให้แน่ใจด้วยว่ามีอุปกรณ์ครบพร้อมใช้งานทุกอย่าง ทั้งถ่านไฟฉาย เทียนไข ไฟแช็ก และควรเก็บของเหล่านี้ไว้ในที่ที่หยิบใช้งานได้สะดวกที่สุดด้วย เผื่อเกิดไฟดับขึ้นมาจะได้ไม่งงอยู่ในความมืดกันนานเกินไป
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #96 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2014, 02:36:26 pm »

เตือนภัย บ้านถล่ม อาคารถล่ม นะครับ พี่ๆน้องๆ ในฐานะ สถาปนิก อยาก แนะนำ เพื่อนๆว่า หาก จำเป็นต้องต่อเติมบ้าน อย่าหลงคารมผู้รับเหมาที่ไม่มีรายการคำนวน วิชาชีพ โครงสร้างทางวิศวกรรม หรือไม่มี ลายเซ็นต์สถาปนิกออกแบบ เด็ดขาดนะครับ เพราะว่า มีอัตราความเสี่ยงที่บ้านของเราจะ ไม่ได้มาตรฐานครับ เนื่องจาก ผู้รับเหมาบางราย จะคิดค้ากำไรเกินควร หลีกเลี่ยง เสป็ค แอบมั่วนิ่ม ลักไก่ มากมาย หากมี กลุ่มวิชาชีพเข้าไปดูแลใกล้ชิด ความผิดพลาดก็จะน้อยลลมากกว่า ครับได้ทั้งบ้านที่ถูกใจถูกหลักโครงสร้าง และคุ้มค่ากับเงิน สำคัญสุดคือความปลอดภัยครับ
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
ถุงเงิน
Toong-Ngoen ID-4677
Jr. Member
**

like: 6
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 578


หยก Software Dev.


« ตอบ #97 เมื่อ: สิงหาคม 25, 2014, 12:36:57 pm »

อ่านแล้วได้ประโยชน์มากเลยครับ ขอบคุณที่แบ่งปัน
บันทึกการเข้า

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผล เรื่องบางเรื่องไม่มีเหตุผลที่จะอธิบาย
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #98 เมื่อ: กันยายน 01, 2014, 11:02:13 pm »

ยินดีครับ ป๋าทุกๆท่าน
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
zone
Newbie
*

like: 2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 111



« ตอบ #99 เมื่อ: กันยายน 02, 2014, 10:36:22 pm »

ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ๆครับ ผมมีข้อข้องใจอยากถามนิดครับ
คือบ้านที่ยกสูงเพียงแค่เมตรนึงหรือครึ่งเมตรนี่เขามีจุดประสงค์ทำเพื่ออะไรครับ ตามความคิดของผมคือถ้าไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ (คนเดินผ่านไม่ได้) ก็จะเป็นที่แอบหรืออาศัยของสัตว์ต่างๆ เพราะมันทึบและมืด ส่วนตัวมันจะให้ความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยและระแวงว่าจะมีอะไรอยู่ใต้พื้นที่เราอาศัยตลอดเวลา แต่ถ้าคิดจะยกเพื่อแค่หนีน้ำทำไมไม่ยกสัก 2 เมตรจะได้โล่ง แถมจอดรถได้อีกต่างหาก

บันทึกการเข้า
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #100 เมื่อ: กันยายน 23, 2014, 08:23:13 pm »

ตอบ ป๋านะครับ 
การยกบ้านขึ้น จริงๆแล้วก็คือการเล่นระดับของบ้านนั่นแหละครับ  แต่ วัตถุประสงค์ของแต่ละคนต่างกันครับ ถ้ายกบ้านจากเดิมที่ติดพื้นขึ้นมา 1 เมตร แล้วด้านล่างโล่ง ข้อดี ก็คือ การลดความร้อนที่ มาจากดิน โดยให้ ทิศทางลมช่วยครับ และเป็นการยก ระดับบ้านเพื่อ รับกับ ฮวงจุ้ยอีกด้วย แต่ถามหา การใช้งาน ก็แน่นอนหล่ะครับ ใช้อะไรไม่ได้เลย หากเทียบกับการยกแล้ว สามารถใช้งานได้ แต่ถ้ายกใช้งานได้นั่นหมายถึง บ้านกลายเป็นสองชั้นทันทีนะครับ ป๋า  อันนี้ ต้องดูด้วยถึงผู้ร่วมอาศัยในบ้านว่ามีคนสูงอายุหรือไม่ครับ   การยกบ้าน แบบ 1 เมตร กับ2  เมตร ชัดเจนเรื่องของการหนีน้ำ ป้องกัน สัตว์ และช่วยเรื่องการระบายลม ลดความร้อน    แต่ การยกทั้งสองแบบ จะเกิดขึ้นกับ คน สองประเภทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ  คือ ยก 1 เมตร คือคนชอบบ้านชั้นเดียว สไตร์ รีสอร์ท ผ่อนคลาย ๆ หน่อย ครับ เล่นระดับ    ส่วน ยก 2 เมตร ก็ว่าด้วยเรื่องของการขยายครอบครัวแหละครับ แต่จำกัดพื้นที่ทางด้านข้าง จึงต้องยกสูงทางด้านบนครับ   อันนี้ก็ ความเห็นส่วนตัว กับ การแลกเปลี่ยนความรู้มานะครับ    ยกบ้าน เตี๊ย เป็นความเชื่อของทางภาคอีสานครับ  ส่วนยกสูงก็ภาถกลาง กับภาคเหนือ
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #101 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2014, 10:40:36 pm »

ช่วงนี้ใกล้หนาวแล้วครับ บางท่าน อาจ งง ว่าทำไม เข้าไปบ้านไหนแล้วรู้สึกอุ่นๆไม่หนาว นั่นก็เพราะว่าทิศทางการวางห้องนั้นของบ้านหลังนั้น ไปอยู่ทาง ทิศตะวันออก กับทิศใต้รับ เลยรับ แสงอาทิตย์ไปเต็มๆ ทำให้เกิดการคลายความร้อน อุ่นๆ ครับ แต่หาก ตั้งไว้ทิศเหนือละก็ จะไปมีความสุขตอนหน้าร้อนแทนครับ เพราะจะไม่ค่อยร้อนเท่าไรครับ  การก่อผนังสองชั้นเว้นช่องไว้ตรงกลางก็จะช่วยได้มากๆเลยหล่ะครับ
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #102 เมื่อ: ตุลาคม 29, 2015, 10:19:54 am »

ไม่ได้เข้านานครับ เปลี่ยนคอม ใหม่ ไอดี พาสเวิร์ส หายหมดกว่าจะ นึกออก แทบแย่ครับ 
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #103 เมื่อ: มกราคม 04, 2016, 03:12:47 pm »

เข้าปี 2559 กันแล้ว ปีนี้ การก่อสร้างจะซบเซานะครับ ค่าแรงจะ ถูกลง แต่ค่าของจะแพงขึ้น  วงการอสังหา ประคองตัวเองครับ  ท่านใดวางแผน จะสร้างซ่อม หรือปรับปรุงบ้าน วางแผนดีๆครับ วางระยะเวลาดีๆ  ปีนี้คนงานจะหายากนิสส นึงครับ   
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
architect_tai
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 214



« ตอบ #104 เมื่อ: มกราคม 20, 2016, 09:25:16 am »

      มาสำรวจบ้านของตัวเองดูสิว่า ฮวงจุ้ยของบ้านเข้าข่ายอยู่แล้วจนหรือรวยช้าบ้างหรือเปล่า
1. บ้านที่อยู่ต่ำกว่าถนน ส่วนมากมักจะเกิดกับบ้านที่สร้างมานาน แล้วอยู่ดีๆ ถนนหน้าบ้านเกิดมีการถมให้สูงขึ้น หากบ้านคุณอยู่ไม่ต่ำกว่าครึ่งฟุตถือว่าไม่เป็นไร แต่หากมากกว่านั้น จะเกิดสภาพลาภล้น คือเห็นลาภวิ่งไปมา แต่เอาเข้ามาไม่ได้ถนัดนั่นเอง วิธีแก้อย่างง่ายๆ หากไม่ต่ำมาก จะต้องมีลานกว้างหน้าบ้านสักหน่อย เพื่อเอาไว้กักเก็บพลัง

2. บ้านที่อยู่สูงกว่าถนน ต่ำไปก็ไม่ดี สูงไปก็ไม่ดีอีกนั่นแหล่ะ สำหรับบ้านที่อยู่สูงกว่าถนน มักเกิดกับบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม หรือไม่ก็เป็นการทำเผื่ออนาคตที่อาจจะมีการถมถนนให้สูงขึ้น ซึ่งหากไม่สูงจนเกินไปถือว่าไม่เป็นไร แต่หากสูงมาก กลายเป็นว่าลาภไม่สามารถเข้าบ้านได้ เพราะปากอยู่สูงเกินไป กินลาภไม่สะดวก อีกทั้งทางเชื่อมระหว่างถนนกับตัวบ้าน จะมีลักษณะค่อนข้างลาดชัน ทำให้ลาภในบ้านสามารถไหลออกไปได้ง่าย จึงอาจเกิดเรื่องเสียเงินเสียทองโดยใช่เหตุ

3. บ้านที่อยู่ใต้สะพาน อยู่ดีๆ ก็เจอแจ็คพ็อต มีการตัดถนนทำสะพานผ่านหน้าบ้าน กลายเป็นมองไม่เห็นหน้าบ้านชั้นล่างไปซะงั้น วิธีนี้แก้ได้ด้วยการยกระดับให้ชั้นที่อยู่เสมอถนนเป็นชั้นหลักและทำให้เด่นขึ้นมา

4. พื้นที่หน้าประตูเข้าบ้านแคบ ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่า พลังปราณหรือชี่นั้น จะต้องอาศัยบริเวณลานโล่งเพื่อเป็นบ่อพักพลังหรือกักเก็บพลัง ก่อนที่จะไหลเข้าสู่ตัวบ้าน หากบ้านใดมีบริเวณพื้นที่หน้าประตูเข้าบ้านแคบ วางของระเกะระกะ มีต้นไม้สูง หรือมีสวนหินอยู่ตรงข้ามประตู จะทำให้พลังเข้าบ้านไม่สะดวก

5. หน้าต่างหรือประตูมากเกินจำเป็น พบเห็นได้บ่อยๆ สำหรับบ้านสมัยใหม่ ที่เน้นความโปร่ง โล่งสบาย แต่บ้านแบบนี้ อยู่แล้วเก็บเงินไม่อยู่ วิธีแก้ หากมีบ้านลักษณะนี้ หลีกเลี่ยงการเปิดหน้าต่างหลายบาน และควรติดม่านช่วย
6. ประตูหรือหน้าต่างอยู่ตรงข้ามกัน เป็นไปได้ทั้งในกรณีประตูหน้าบ้านตรงกับหน้าต่างหลังบ้าน และประตูหน้าบ้านตรงกับประตูหลังบ้าน ทำให้ลาภเข้ามาแล้วไหลออกไปเร็วเกินไป ทำให้เก็บเงินไม่อยู่ วิธีแก้ง่ายๆ ให้ปิดหน้าต่าง ติดผ้าม่าน หรือหาฉากวางกั้นไว้

7. รั้วบ้านโปร่ง ส่วนมากจะพบในบ้านเดี่ยวที่ต้องการโชว์ความสวยงามของตัวบ้าน นิยมใช้เป็นรั้วเตี้ย รั้วไม้ระแนง หรือรั้วเหล็กที่ตีเป็นซี่เล็กๆ รั้วลักษณะนี้จะทำให้กักเก็บลาภไว้ไม่อยู่ แต่หากต้องการที่จะทำ ควรทำเฉพาะด้านหน้าบ้าน ส่วนด้านอื่นๆ ให้ทำเป็นรั้วทึบเพื่อกักเก็บพลังเอาไว้

8. เปิดประตูบ้านปุ๊บ เจอบันไดปั๊บ ลักษณะบ้านแบบนี้ เข้าข่ายเก็บเงินไม่อยู่ หาได้เท่าไหร่ เป็นอันมีเรื่องต้องใช้จ่ายออกไปเสมอ ถ้าบ้านของคุณเป็นแบบนี้ แก้ได้ด้วยการหาฉากมากั้นหน้าบันได

9.บ้านที่แวดล้อมไปด้วยน้ำเสีย ขยะ และสิ่งสกปรก จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าพลังปราณหรือชี่ที่ดีนั้น จะชอบบริเวณโล่ง โปร่ง และสะอาด หากบ้านคุณเข้าข่ายลักษณะแบบนี้ จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยในการงาน เพราะนอกจากพลังจะไม่เข้าบ้านแล้ว ยังจะไหลออกไปอีกด้วย ถ้าเป็นไปได้ ควรย้ายไปอยู่ที่ใหม่จะดีกว่า

10. บ้านที่แวดล้อมไปด้วยที่รกร้าง และว่างเปล่า สภาพแบบนี้ มักจะไม่มีพลังชี่อยู่ในบริเวณนั้น เมื่อไม่มีพลังชี่ ก็ไม่มีพลังโชคลาภ หากเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างร้าง แล้วมีบ้านหลังใดหลังหนึ่งที่มีฮวงจุ้ยดีกว่า มันก็จะดึงดูดพลังชี่ไป ทำให้บ้านเรายิ่งแย่หนักเข้าไปอีก

สุดท้าย ก็ให้ครอบครัวสุขสันต์ในสิ่งที่มีอยู่ ก็เพียงพอ แล้วหล่ะครับ 
บันทึกการเข้า

ความทุกข์ที่ทานทน จะหลอมคนให้ทนทาน
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง