Languages
หน้า: [1] 2   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเครื่องสำคัญมากสำหรับ PJS V6 3.0  (อ่าน 8059 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Woodyพ่อน้องแป้งฝุ่น
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13



« เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 03:44:42 am »

................................

อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการเลือกน้ำมันเครื่องมาก็พอสมควร เป็นเรื่องทฤษฎีล้วนๆ แต่อ่านยังไงๆ ก็ยังไม่ค่อยเก็ตเท่าไร งงเอา งงเอา ก็จึงอาศัยประสบการณ์ตรงมาเล่าสู่กันฟังนะครับ ..

1.ออก V6 3.0 มา ศูนย์เติมคาสตรอล เบอร์ 10W30 ให้ น้ำมันเกรดนี้ใช้ได้ 5,000 กม.  ศูนย์แนะนำให้ถ่ายทิ้งที่ 500 กม.แรกด้วย เพราะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ รถใหม่ เขาบอกว่าอาจจะมีเศษโลหะอะไรติดมาในห้องแคร้งค์ .. ผมก็ชักจะสงสัยว่าเศษโลหะอะไรจะไปติดในแคร้งค์ และถ้ามันหล่นอยู่ในแคร้งค์จริง ก้นแคร้งค์ก็มีแม่เหล็กดูดโลหะเอาไว้ ไปถ่ายน้ำมันเครื่องทิ้งแล้วจะได้ประโยชน์อะไร (อ๋อ.. ศูนย์ฯ ได้ประโยชน์แน่ มากมายมหาศาล) สำหรับผมเช็คดูแล้วระยะ 500 กม.แล้วน้ำมันเครื่องยังใสแป๋ว ก็เลยถามหัวหน้าช่างแบบเครียดๆ ว่า "ตอน 500 กม.เนี่ย จำเป็นมากมั๊ย?" ... ก็จึงได้รับคำตอบว่า "จะไม่ถ่ายก็ได้ครับ" และพี่แกยังสาธยายต่อไปว่า เครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ ทุกวันนี้อะไรๆ ก็ดีหมดแล้ว .. ผมก็จึงไม่ถ่าย เพราะไม่รู้จะถ่ายไปทำไม .. ไปถ่ายทีเดียวตอน 5,000 กม. (และประหยัดได้อีกเกือบ 2,000 บาท)

การที่ไม่ยอมถ่ายตอน 500 กม. กลับทำให้ได้ประสบการณ์ใหม่ครับ .. คือ พอใช้ต่อมาอีก ไปถึงสัก 4,000 (ไม่ถึง 5,000 กม.ตามกำหนด) รถอืดลงเห็นได้ชัด 1,000 กม.สุดท้ายก่อนครบกำหนดไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องครั้งแรก รถเริ่มเร่งไม่ออก คันเร่งหนักมาก .. ผมชักสงสัยว่า น้ำมันเครื่องยี่ห้อนี้ เบอร์นี้ ท่าจะไม่เวิร์ค .. นี่เป็นประสบการณ์แรก

2. อดทนวิ่งต่อไปตามกติกา เพื่อค้นหาความจริง อดทนวิ่งช้าๆ ใจเย็นๆ ชิดซ้ายเข้าไว้ เพื่อให้ครบ 5,000 กม. จากนั้นก็กลับเข้าศูนย์

ครบ 5,000 กม. ศูนย์ฯ ก็ยังเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเบอร์เดิมให้อีก คือ คาสตรอล 10W30 เพื่อใช้ต่อไปอีก 5,000 กม. ซึ่งเมื่อบวกกับที่ขับมาแล้ว 5,000 ก็จะเป็น 10,000 กม. นั่นคือ กำหนดที่จะต้องนำรถเช้าเช็คระยะนั่นเอง เมื่อเข้าเช็คระยะตอนนั้นจึงค่อยเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเครื่องที่มันจะแล่นได้คราวละ 10,000 กม. ซึ่งก็คือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ..  ที่ควรจะเป็นเช่นนี้ก็เพื่อที่จะได้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตอนไปเช็คทุกระยะ 10,000, 20,000 และ 30,000 ฯลฯ คือมันจำง่าย เราได้ประโยชน์ และศูนย์ก็จะได้ฟาดหนักๆ ในการกลับไปแต่ละครั้ง.. คราวนี้จะไม่ใช่ 2 พัน แต่จะเป็น 3 พันกว่าๆ .. ราคาศูนย์ เพราะเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ซึ่งก็คงจะเป็นยี่ห้อเดิม แต่ยังไม่ทราบเบอร์

ตอนนี้ผมสรุปว่า ปัญหาที่เจอใน V6 3.0 คันของผมก็คือ น้ำมันเครื่องยี่ห้อนี้ เบอร์นี้ ใช้ไปถึงช่วงปลายๆ แล้วมันหนืดมาก อย่างที่ผมเรียนเอาไว้ใน ข้อ.1 คาสตรอลอาจจะเป็นน้ำมันเครื่องที่เหมาะกับเครื่องยนต์รุ่นอื่นยี่ห้ออื่นครับ สำหรับ PJS V6 3.0 24V คันของผม .. น้ำมันเครื่องยี่ห้อนี้ เบอร์นี้ มีปัญหาแน่นอน

แล้วจะใช้ต่อไปทำไม?

3. ผมใช้น้ำมันเครื่องยี่ห้อเดิมเบอร์เดิมที่ศูนย์ฯ เปลี่ยนถ่ายมาให้ตอน 5,000 กม. ใน ข้อ.2 เพื่อไปให้ได้อีก 5,000 กม. ตามราคาคุย ทั้งนี้ก็เพื่อให้บรรจบครบ 10,000 กม.ตามที่เรียนมาแล้วใน ข้อ.2 .. แต่พอวิ่งไปถึงประมาณ กม.ที่ 8,000 ก็สุดจะทนอีกต่อไป อาการฝืดแบบเดิมนั่นแหละครับ มันทำให้เป็นห่วงเครื่องยนต์และสงสารรถ เนื่องจากมันวิ่งไม่ออกเอามากๆ นอกเสียจากจะเฆี่ยนหนักๆ ให้มันวิ่ง มันก็จะไม่ปฏิเสธ อาการนี้มิใช่อย่างอืื่น แต่เป็นเพราะน้ำมันเครื่องครับ ผมเคยเจอกับคัมรี่ V6 3.0 ประกอบออสเตรเลียเมื่อหลายปีก่อนโน้น อาการเดียวกันเด๊ะ ผมก็จึงตัดสินใจไปศูนย์ฯ มิตซูใกล้บ้าน หิ้วน้ำมันเครื่อง Valvoline Full Synthetic เบอร์ 0W30 ไปด้วย ผมทำการบ้านล่วงหน้ามาแล้วและได้เลือกน้ำมันเครื่องยี่ห้อนี้เบอร์นี้เพื่อจะลองดู ให้ศูนย์ฯ จัดแจงเปลี่ยนถ่าย เปลี่ยนไส้กรอง เปลี่ยนแหวนรอง + ค่าแรง เสร็จสรรพก็ 600 กว่าบาท .. ตอนนี้ปา V6 ของผมวิ่งได้ 15,000 กม.แล้ว คือ วิ่งมาได้ 7,000 กม. นับตั้งแต่เปลี่ยนถ่ายไปใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์เบอร์ 0W30 ยี่ห้อใหม่ .. ถึงตอนนี้ยังไม่พบอาการหนืดจัด ดังที่เรียนมาก่อนหน้านี้ครับ รถวิ่งฉลุยและฉลิว จะเหยียบเอาเร็วเท่าไหร่เครื่่อง V6 3.0 24 วาล์ว ไม่มีกั๊ก ... แต่ยังไม่สรุปหรอกครับ ต้องรอดูช่วงปลายๆ อีกสักหน่อย รอดูอีกสัก 3,000 กม. จะเจออาการฉุดรั้งแบบเดิมๆ หรือไม่

ผมยังจะทดลองต่อไปครับ จนกว่าจะเจอน้ำมันเครื่องในดวงใจ.. เครื่อง V6 3.0 24V ผมคิดว่าจำเป็นต้องพิถีพิถันเรื่องน้ำมันเครื่องเป็นพิเศษครับ แล่นไปถึง 18,000 กม.จะกลับไปศูนย์ฯ ใกล้บ้านอีกครั้งพร้อมน้ำมันเครื่องอีกยี่ห้อหนึ่งและเป็นเบอร์ใหม่ที่เลือกไว้ในใจแล้ว ได้ผลประการใดจะกลับมารายงานอีกที ซึ่งตอนนั้นก็คงจะเป็นตอน 20,000 กม.เศษๆ หลังสงกรานต์น่าจะถึงอะคับ

ป๋าท่านใดผ่านอะไรมาบ้าง โปรดช่วยถ่ายทอดประสบการณ์เป็นวิิทยาทานด้วยนะครับ .. ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 03, 2013, 08:52:47 pm โดย Woodyพ่อน้องแป้งฝุ่น » บันทึกการเข้า
suPreme
Global Mod
Hero Member
*

like: 46
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2418


ปาไทยแลนด์ 2805


« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 04:18:07 am »

ขอบคุณข้อมูลประสบการณ์ครับ สาธุ
2.5GT ผมยังไม่มีข้อมูลมาแชร์ป๋าท่านอื่น ๆ กะไว้แค่ว่าพอวิ่งครบ 5000 โลผมถึงจะเปลี่ยนรอบแรกกับน้ำมันกึ่งสังเคราะห์สักยี่ห้อ หลังจากนั้นรอบ 10000 โลก็ไปใช้น้ำมันตามคูปองของศูนย์ตามระยะครับ
ดีเซลของผมคงต้องสังเกตอาการแบบ V6 ของป๋าบ้างแล้ว
บันทึกการเข้า

"พรีม" คือชื่อลูกสาวผมคร๊าบ แต่ตัวเองชื่อว่า "เก๋"
JAJA-RY
Jr. Member
**

like: 23
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 302



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 09:41:19 am »

ลองดูปัจจัยด้านกรองอากาศเข้ามาเกี่ยวข้องกับอัตราเร่งด้วยนะครับ เพราะทุกครั้งที่ป๋าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเขาก็จะถอดมาเป่าให้ทุกครั้ง น้ำมันเครื่องอาจมีผลอะไรไม่มาก กรองอากาศตันเห็นผลทางด้านอัตราเร่งมากกว่าครับ แวะจอดปั้มที่มีหัวเป่ากรองอากาศบ่อยๆก็ดีครับ ยิ่งเส้นทางที่เราใช้มีฝุ่นมากยิ่งตันไว   
บันทึกการเข้า
kitipat
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 155



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 03:49:36 pm »

จะครบ 10,000 แล้วเตรียม นนค.วาโวลีน ไว้แล้วเพราะน่าดีกว่าของแถมศูนย์ แล้วเขาจะให้ นนค.ทีแถมคืนเราหรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า

PJS#2938 "เรื่องสมุนไพรไว้ใจผม.."
Woodyพ่อน้องแป้งฝุ่น
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13



« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 07:30:52 pm »

ขอคืนได้เลยครับ เพราะบางศูนย์ฯ เขาก็ให้ที่เหลือคืนมา บางศูนย์ฯ ช่างก็จะ (แกล้งๆ) ลืม ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะว่าสะสมได้ครบลิตร มันก็เป็นเงินเป็นทองทันที หากวันหนึ่งมีรถไปเปลี่ยนถ่าย 10 คัน เขาก็ได้ 5 ลิตร เอา 200 บาทเศษๆ คูณ 5 เข้าไป นั่นแหละครับเชื้อโรคร้าย อันเป็นต้นเหตุ "โรคลืม" ของช่างบางคน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 03, 2013, 08:40:49 pm โดย Woodyพ่อน้องแป้งฝุ่น » บันทึกการเข้า
Woodyพ่อน้องแป้งฝุ่น
Newbie
*

like: 3
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 13



« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 03, 2013, 08:34:14 pm »

ผมลืมเรียนเนื้อความสำคัญไปเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องหนืดผิดปรกติ ที่เจอใน V6 คันนี้ แน่นอนครับ.. ไส้กรองอากาศเป็นปัจจัยแรกที่ต้องคำนึง และก็เพราะไส้กรองไม่มีปัญหา ไม่อุดตัน ไม่มีึคราบไคลสกปรก และปัจจัยอื่นๆ ก็ปรกติ อากาศปรกติ ฟืนไฟปรกติก ก็จะเหลือแต่น้ำมันเชื้อเพลิงกับน้ำมันเครื่อง เมื่อน้ำมันเชื้อเพลิงปรกติ ไม่มีอาการกระตุกหรือสะดุดอะไร ก็คือกรองน้ำมันเชื้อเพลิงไม่อุดไม่ตัน (แหม.. ยังป้ายแดงอยู่เลยนะครับป๋า) และเป็นปรกติ ..  ผมก็จึงพุ่งความสงสัยทั้งหมดไปยังน้ำมันเครื่อง อาการนี้จะเห็นได้เมื่อใช้่ นมค.ไปเกือบจะครบไมล์หรือครบอายุอย่างที่เรียนมาแล้ว และ จะปรากฏอาการฉุดรั้ง --- ขณะเครื่องร้อนจัด --- ตอนนั้นแหละรถจะหนักอึ้ง  

ผมได้อ่านในเว็บคนรักรถทั้งหลายเขาบอกเล่าประสบการณ์สู่กันฟัง เขาเปรียบเทียบ นมค. ยี่ห้อไทยกับยี่ห้อนอก ได้อ่านในเว็บต่างประเทศที่เขาเปรียบเทียบน้ำมันเครื่องเกรดเดียว ข้ามยี่ห้อ ซึ่งบางยี่ห้อบ้านเราไม่มีจำหน่าย ฯลฯ มีหลากหลายมาก เขามีมาตรฐานในการวัด ในการให้คะแนน แต่อ่านมาแล้วได้ความรู้พื้นฐานอยู่อย่างหนึ่งว่า น้ำมันเครื่องนั้น จะสังเคราะห์หรือไม่สังเคราะห์ และไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไทยหรือยี่ห้อเทศ ล้วนได้มาตรฐานโลกหรือสูงกว่าด้วยกันทั้งสิ้น แต่ความแตกต่างในเรื่องคุณภาพจะปรากฏให้เห็นหลังจากใช้ไปจนถึงช่วงปลายๆ อายุ ผ่านความร้อนในห้องเครื่องไปแล้ว วันแล้ววันเล่า... และแล้วในวันหนึ่ง ตอนเครื่องกำลังร้อนจัด และ เราต้องการใช้ความเร็ว ช่วงนั้นแหละครับ จะเห็นความแตกต่าง

ผมขออนุญาตย้อนหลังไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน ที่ได้ประสบการณ์กับเครื่อง V6 3.0 ครั้งแรก ก็คือกับคัมรีท้ายหงส์ดั่งที่เรียนมาแล้วในกระทู้หลักนั่นแหละครับ ใช้รถคันนี้ 7-8 ปีครับ ผมแก้ปัญหาอาการหนืดในครั้งนั้นด้วยน้ำมันเครื่อง Elf ครับ ตอนโน้นไม่ได้รู้อะไรมากไปกว่าว่า มันมีรุ่นผสมโมลิบดินั่มซัลฟายด์ และผมใช้ประจำอยู่ก่อนกับเจ้าโดเรมอน 5,000 กม.ไปเปลี่ยนถ่ายครั้งหนึ่ง (หากจำไม่ผิดตอนโน้น ดูเหมือนศูนย์บริการ Elf เขาให้ถึง 8,000 กม. ด้วยซ้่ำ) ก็จึงลองเปลี่ยนไปใช้กับ V6 ดู มันดีขึ้นอย่างผิดสังเกตทีเดียวครับ เทียบกับยี่ห้อเดิม เบอร์เดิม (ขออนุญาตใม่พาดพิงดีกว่านะครับ) ... แต่พอปลายๆ อายุมันก็หนืดขึ้นอย่างที่ผมว่า ตอนเครื่องร้อนจัดนี่แหละครับมันจะหนืดจัดผิดปรกติ อาการชัดเจนมาก จากที่เคยกดเบาๆ มันพุ่งปรู๊ดปร๊าด คัมรี่ V6 ก็เริ่มชักช้าน่ารำค่ญ ต้องคิ๊กดาวน์หนักจึงยอมทะยาน แต่ก็ไปแบบฝืนๆ .. ทันทีที่ลดคันเร่ง ความเร็วก็จะลดวูบลง แผงหน้าหน้าปัดคัมรี V6 มันเป็นดิจิตอล การขึ้นลงของขีดเครื่องหมายต่างๆ ในการแสดงผล ช้าๆ เร็วๆ มันจะฟ้องความผิดปรกติให้เห็นได้ชัดเจนกว่าแบบเข็มๆ บนหน้าปัดของน้องปาครับ .. นมค Elf รุ่นนั้นก็จึงยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายสำหรับ คัมรี่ V6 ผมจึงต้องแสวงหาต่อไป และ หันไปหาน้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์ของยี่ห้อเดียวกัน .. ซึ่งช่วงปีโน้นราคาแพงมาก เพราะนำเข้าล้วนๆ แต่คุณภาพก็ต่างกันลิบลับกับเกรดโมลิบดินั่มฯ ผมก็จึงอยู่กับ นมค.เครื่องสังเคราะห์ของ Elf จนถึงวันที่ขายรถคันนั้นไปครับ    

เรียนมายา่วๆ ทั้งหมดนี้ก็เพราะอยากจะขอย้ำว่า น้ำมันเครื่องมีความสำคัญมาก ราคาก็แพงแสนแพงและผู้คนส่วนใหญ่มักจะไม่ได้สังเกต ทั้งๆ ที่ผู้ใช้รถเราๆ ท่านๆ จะเป็นคนรู้ดีเสมอถึงความแตกต่าง มันแสดงออกเป็นพลังตอบสนองและฟีลลิ่งในการขับขี่ .. ทุกคนที่นั่งหลังพวงมาลัยรับรู้เรื่องพวกนี้ได้ไม่ยากครับ เรารู้ได้ทันทีว่าวันไหนรถเราปรกติ และวันใดมีอาการไม่ปรกติ เรารู้ได้ทุกวัน ทุกวินาทีที่ขับขี่ รู้ได้จากการสัมผัสที่พวงมาลัยและเท้า ป๋าทุกท่านคงจะเห็นด้วยครับ .. ผมจึงนึกถึงผู้ที่มีประสบการณ์ซึ่งได้ถ่ายทอดผ่านเว็บไซต์ต่างๆ มาก่อนหน้านี้ว่า น้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อ ทั้งยี่ห้อไทย ยี่ห้อเทศ แต่ละเกรดล้วนเริ่มต้นด้วยมาตรฐานเท่าๆ กัน แต่จะต่างกันทีี่ปลายทาง... ผู้บริโภคเราๆ ท่านๆ จึงควรจะหาให้เจอครับ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและเป็นผลดีโดยตรงต่อรถของเรา  

แต่บางท่านก็อาจจะคิดว่า หยวนๆ น่า.. ยี่ห้ออะไรก็ใช้ไปเถิด ไปๆ มาๆ อยู่แค่นี้ ถึงเวลาก็ไปศูนย์ฯ เปลี่ยนถ่ายตามกำหนด ก็น่าจะพอแล้ว ถ้าคิดแบบนั้นแล้วมีความสุข มันก็น่าจะโอเคนะครับ ง่ายดีด้วย ไม่ต้องกังวน ไม่ต้องคอยเป็นทุกข์ใจ แต่ถ้าหากป๋าท่านใดต้องวิ่งรถวันละ 100 กม. หรือกว่านั้น ก็คงต้องคิดมากขึ้นละครับ .. ป๋าท่านใดมีเวลา มีโอกาส ช่วยกันค้นหาด้วยเถิดครับ และช่วยบอกเล่าสู่กันฟังนะครับ

................................
วันนี้รถมันติดซูเปอร์ติดจริงๆ เลือกตั้งเสร็จก็เลยขับเตลิดออกนอกเมืองไป เพราะไม่ว่าจะไปทางด่วนหรือทางราบมันก็ติดหนึบหนับ ก็เลยซอกแซกหนีออกวงแหวนบางปะอิน ตีโค้งอ้อมเมืองไป และวันนี้เห็นตำรวจจราจรยุ่งกว่าทุกวัน .. เพราะเขาไปเลือกตั้งกัน .. ก็เลยเหยียบแบบเต็มๆ ดูสักที น้ำมันเครื่องยี่ห้อใหม่เบอร์ใหม่ ยังลื่นไหลดีเยี่ยมอยู่ครับ ..นั่นคือหลังใช้งานมากว่า 7,000 กม.แล้วครับ งวดหน้ากะจะลอง Mobil One ดู .. หลายคนบอกว่า มันลื่นจนหมดอายุไข .. กำลังหาช่องทางซื้อในราคามิตรภาพอยู่ .. แล้วจะกลับมาเล่าสู่ฟังครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 03, 2013, 08:49:51 pm โดย Woodyพ่อน้องแป้งฝุ่น » บันทึกการเข้า
kitipat
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 155



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 11, 2013, 02:15:47 pm »

เข้าเช็ค10,000 มาครับ ฟรีแต่เป็น นนค.กึ่งสังเคราะห์ใช้ได้ 5000 ต้องมาเปลี่ยนตอน 15,000 แล้วต้องเสียเงินเอง โดน ^-^แคมเปน ฟรี 30,000 กิโลซะแล้ว เลยจ่ายเงิน 2500 เอาแบบสังเคราะห์จะได้เข้าศูนย์อีกที 20,000 เลย ส่วน นนค.กึ่งสังเคราะห์เขาเก็บมาให้ครับ เอาไว้ใส่เจ้าตัวเล็กยาริส เจอกันอีกที 20,000 โล ใช้ นนค.ศูนย์ไปก่อนสักระยะเพราะช่างบอกการประกันระบบหล่อลื่นขาด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 11, 2013, 02:18:19 pm โดย kitipat » บันทึกการเข้า

PJS#2938 "เรื่องสมุนไพรไว้ใจผม.."
@ เอ เด็กเมืองชล2.4 @ PajeroSport No.2522
Jr. Member
**

like: 44
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 842


เด็กเมืองชล E85 TAP ATD E27AIY


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 11, 2013, 03:35:30 pm »

ตอบเลยครับ มันไม่ใช่เทคนิคที่จะบอกว่าถ่ายทิ้งบ่อย แล้วจะดีคืน5000  ตามที่ป๋าเค้าทดลองแล้วหมดลื่นนั้นแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้  เสื่อมแล้ว   เค้าเรียกว่าเลือกใช้น้ำมันเกรดดีๆๆ  เท่านั้นเองครับ   

คำว่าดีๆๆในที่นี้ เนื้อน้ำมันเครื่องวิ่งแล้วลื่น ลื่นนานครับ  ที่ทดสอบมา 

ปตท สังเคราะห์เบอรื 30  อ่อน  มาก  10000  วิ่งได้4000 ลื่น ลองสองครั้ง 

topone  สังเคราะห์ใช้อยู่ เบอร์ 50 เนียน   ครับ  อันนี้โอเค 

วาวลีน  เบอร์ 30  ลื่น ดี   ยังดีอยู่ ถ้าครบแล้วจะแจ้ง 


ตามที่ได้ทดลองมานะครับ 


สรุป  เเบอรื 30  ไม่เหมาะกับเครื่องใหญ่ ๆๆๆ  อัดยาว      อันไหนหมดลื่นเร็ว  ตัดทิ้ง

เคยลองเบอร์ 50  เนียนนาน  แต่อาจจะหนืดไปครับ topone   

แต่กำลังจะลองวาวลีน  เบอร์ 40  ครับ เพราะเบอร์ 30  ทำได้ดีครับ 


ผู้รู้แต่งรถ  แนะนำ  topone  วาวลีน   ครับ เลยจำมาทดลองดูครับ 

เคยลองวาวลีนดีเซล เบอร์30 อยากบ้าตาย  เครื่องดังกราวเลยครับ รีบเปลี่ยนทิ้ง 

สรุป ทดลองกันตามสบายครับ  ตอนนี้จบที่ topone  กับ วาวลีน  ใช้40 กับ 50     30  อาจจะใสไปใสมาก จะทำให้การเกาะของน้ำมันน้อยนะครับ  สึกหร่อเร็ว 

ขแบคุณนะครับ 
บันทึกการเข้า

2.4 LPG BSM K&N Emu Sport กล่ององศาจุดระเบิด
รับติดตั้ง(TAP) ของATDโซนชลบุรี
เต้ง
คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
Newbie
*

like: 0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2

รักชาติเยี่ยงชีพ


« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 06, 2014, 11:33:59 pm »

ตอนนี้ยังมีใครที่จะแนะนำน้ำมันเครื่อง ที่คิดว่าเหมาะกับ V6 อีกไหมครับ 
บันทึกการเข้า

คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
may18
Jr. Member
**

like: 25
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 474


« ตอบ #9 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 12:46:09 am »

ผมขอหักมุมป๋าๆทั้งหลายว่า อัน นมค.นั้น  ตั้งแต่เกรด SJ มาแล้ว   ไม่ว่าจะธรรมดา กึ่ง หรือสังเคราะห์ ล้วนกำหนดเปลี่ยนที่ 1 หมื่น กม.ครับ
แล้วปัจจุบันเลยยุค SJ มาได้ประมาณ 13 ปีแล้ว  SJ > SL > SM > ปัจจุบัน SN
(SN กำหนดระยะที่มากกว่า 10000)

การเปลี่ยนถ่ายจริงๆไม่ได้กำหนดว่า ธรรมดา 5000   กึ่ง 7000  สังเคราะห์ 10000  แบบที่ศูนย์ชอบหลอกเราครับ  เพราะเราจะได้เข้าเปลี่ยนเร็ว
ศูนย์ที่ยึดมั่นให้เปลี่ยนที่หมื่นโลมาตลอดตั้งแต่ SJ มา ทั้งๆที่เป็น นมค.ธรรมดา คือ ฮอนด้า  เพราะเคยใช้ฮอนด้าอยู่หลายคัน  ไม่เอาเปรียบลูกค้า

แต่เราถูกยัดเยียดความทรงจำเอาไว้เป็นสูตร  5000  7000  10000 มาตลอด พอใช้ นมค.ไม่ใช่สังเคราะห์เราอาจจะมีอาการกังวล  

รถผมรุ่น V6 ก็ใช้ของศูนย์  เนื่องจาก คาสตรอล เป็นยี่ห้อที่ผมเคยใช้มานานพอควรในสมัยรถคันก่อนๆ  ตัวกึ่งสังเคราะห์ความลื่นจะใกล้เคียงกับพวก โมบิล กึ่งสังเคราะห์   จริงๆความลื่นคงทนอยู่ได้ประมาณ 7000 แล้วค่อยๆหนืดจน 10000 จะรู้สึกอยากเปลี่ยนพอดี

แต่ป๋าๆที่ชอบความแรง  ลื่น ไม่ลืมหูลืมตา รอบจัดๆ  คงต้องชอบสังเคราะห์แน่นอนแล้วแต่ศรัทธา  

ส่วนอาการรุ่น V6 อืดนั้น  เป็นปกติครับ  หากเคยใช้เกียร์ระบบ invecs ในมิตซูมาก่อน  (เคยใช้ Lancer ท้ายเบนซ์มาก่อนเลยพอทราบ) จะทราบลักษณะการทำงานของมันว่าฉลาดกว่ายี่ห้ออื่นตรงที่จะค่อยบันทึกพฤติกรรมลักษณะการขับขี่  หากชอบขับเรื่อยๆเกียร์จะเน้นขับนุ่มนวล ไม่เร่ง ไม่กระชาก  ประหยัดน้ำมันแต่หากชอบกดคันเร่งเหยียบไปๆประจำ เกียร์จะคิ๊กดาวน์ให้เร็วและลากรอบสูงเน้นเร็วรอบจัดแต่เปลืองน้ำมัน
หากวิ่งลงเขา เกียร์สุง ความเร็วสูง แต่รอบต่ำ  เหยียบคันเร่งเบาหรือไม่เหยียบ แตะเบรคบ่อย  เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำ เชนจ์เกียร์ให้เองด้วย
หรือขึ้นเขาเกียร์ลงต่ำ  รอบสูง ลากรอบ  แต่ความเร็วต่ำ   ความเร็วไม่ขึ้น  เกียร์จะคงเอาไว้ที่เกียร์นั้นไม่เปลี่ยนขึ้นให้  เป็นต้น

ฉะนั้นหากชอบขับเรื่อยๆประจำ  พอจะใช้ความเร็วมันจะอืดครับไม่ทันใจ เพราะมันเซ็ตตรงนั้นอยู่   แก้ด้วยการกดดันเร่งลึกฉับพลัน เกียร์จะรับรู้และปรับความโหมด sport ทันที  

กลับเข้าเรื่อง นมค.ต่อ  ราคาระหว่างกึ่งสังเคราะห์ กับ สังเคราะห์ต่างกันมากอยู่ครับ  แล้วแต่ความชอบและเปรียบเทียบความคุ้มค่าแต่ละคน ไม่เท่ากัน ครับ

ยืนยันว่ากึ่งสังเคราะห์คุณภาพนั้นย่อมเพียงพอกับการใช้งานตามปกติ   ยกเว้นตามที่ว่าท่านชอบเร็ว แรง รอบจัด ก็ไปเล่นสังเคราะห์จะดีมาก  

ที่ comment มานั้นเพียงแต่จะบอกว่า นมค.ปัจจุบันเกรด SN ไม่ว่าแบบไหน ธรรมดา กึ่ง หรือสังเคราะห์ ใช้ได้เกิน 10000 หมด
คาสตรอลศูนย์ที่ใช้หากใช้วิ่งปกติธรรมดา ผมว่าเพียงพอต่อการใช้งาน เปลี่ยนที่ 10000 แม้ว่าเป็น V6 ก็ตาม เพราะมันไม่ใช่เครื่องรถแข่ง  เพียงแต่ซีซีมากเท่านั้นครับ หรือจะหากึ่งยี่ห้ออื่นมาใช้แล้วแต่ความชอบ  ข้อดี คือ ประหยัดเงิน

ส่วนป๋าใดชอบแรง รอบจัด ก็มองไปสังเคราะห์แท้ ซึ่งต้องย่อมแลกกับเงินในกระเป๋าหน่อยครับ

 joob joob joob
  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 07, 2014, 11:54:38 am โดย may18 » บันทึกการเข้า
[email protected]
Newbie
*

like: 1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 128


« ตอบ #10 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 10:51:50 am »

แนะนำให้ลองhksครับ ผมใช้อยู่10w35 0w30 แต่อาจจะหาแท้ยากสักหน่อย ตามความคิดผมเคร่องหนืดไม่หนืดอยู่ที่เกียร์ด้วย รถผมเคยน่ำมันเกียร์ไหม้2รอบ(v6เหมือนกัน)ลองใส่ออยคูลเลอร์​ช่วยครับ ทุกอย่างมันต้องสัมพันธ์กัน​
บันทึกการเข้า
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #11 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 12:30:32 pm »

ผมทำพิศดารด้วยตัวเอง  จะเล่าให้ฟังครับ   ผมดูแล้วว่า 0 คิดค่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แพงไป  ผมก็ทุกหมื่นโลไปตามกำหนดแต่ใช้แค่น้ำมันเครื่องราคาถูกพวก Semi ที่บาง 0 ยอมให้ใช้  พอวิ่งครบ 5000 โล (จริงอยู่ใช้ 10000 โลก็ได้) ผมก็เอาน้ำมันเครื่องที่ซื้อมาเองจัดการมุดใต้ท้องรถ  ขันน็อท  ถ่ายทิ้งเลยไม่เปลี่ยนกรองด้วย  แล้วเติมน้ำมันที่ซื้อมาเองแค่ไม่เกิน 600 บาท PTT นี่แหละ เติมลงไป  ผมก็ได้ความสดใหม่สะอาดของน้ำมันเครื่องเหมือนตอนออกจาก 0 ถึงแม้จะมีหลงอยู่ในกรองอีก 300 cc. ก็ ช่างมัน   แต่พอรถผมครบ 100000 โล ผมก็จะไปค่ายทหารเรือกองสวัสดการร้านค้าไปซื้อ แบบสังเคราะห์มาใส่เอง เพราะราคาถูกกว่าร้านอะไหล่มากมาก  กระซิบที่สัตหีบ ซื้อที 5 แกลลอน เลย เอามาเท่าไรเพื่อมันซื้อต่อไปหมดอยู่ดี

พอครบหมื่นโล  ผมก็เข้า 0 อีก แบบเดิม  บิล ออกมาเล็กดีครับ  และอีก 5000 โล ก็ได้น้ำมันเครื่องใหม่เกรดคล้ายกันอยู่ดีแต่ใหม่  ประสิทธิภาพก็น้ำมันใหม่แต่อาจจะดีกว่า สังเคราะหฺที่ผ่านงานมา 5000 โลก็ได้  อันนี้ไม่รู้ครับ  แต่บาง 0 อ้างเอาดื้อดื้อเลยว่า V6 ต้องสังเคราะห์เท่านั้น  0 ใหญ่ที่ขอนแก่นพูดครับ  ผมก็ Easy Going อยู่แล้วไม่เถียง  ยอมตามนั้นเสมียนสวยดี อิ....
บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Petchy
Jr. Member
**

like: 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 883



« ตอบ #12 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 01:16:27 pm »

ถูกกว่าเยอะไหมป๋าเด๋วไปหามั่ง คนธรรมดาได้ราคาสวัสดิการหรือครับ
บันทึกการเข้า
Punpun
MIVEC switch — at 4750 rpm
Hero Member
*****

like: 105
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2652


« ตอบ #13 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 01:32:22 pm »

แลกบัตรเข้าไปซื้อเองได้ครับ  มีหลายอย่าง แต่น้ำมันเครื่องถ้าไปไม่ถูกเวลาที่ของมาลง  ก็หมดง่ายง่ายเลยครับ  พวก OFF Road มาเหมากันไปทีละหลายแกลลอน  และทหารเรือก็มักถ่ายน้ำมันเครื่องกันเอง ไม่ค่อยได้เข้า 0 ถ้าเลย 100000 โลแล้วครับ  แล้วก็ไปหาข้าวเย็นกินที่หาดนางรำด้วยก็ดีนะครับ  เล่นน้ำทะเล ใสแจ๋วมากมาก  มีที่อาบน้ำสะดวกสะบาย คนจอแจสนุกมาก เสาร์อาทิตย์ครับ

แถมรูปบริเวณหาดนางรำที่ไม่ใช่ทหารเรือก็เข้าไปได้  ขอรกกระทู้นิดนะครับ ของดีราคาถูกเอามาฝากกัน บางท่านอาจไม่รู้จักที่แบบนี้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 07, 2014, 01:52:07 pm โดย Punpun » บันทึกการเข้า

เพื่อประโยชน์โดยรวมของสมาชิก  เราจะทำต่อไป....
Petchy
Jr. Member
**

like: 27
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 883



« ตอบ #14 เมื่อ: เมษายน 07, 2014, 02:05:32 pm »

  suadyod ใช่ตรงที่มีเรือหลวงจักรีนฤเบศรให้ชมเดินเข้าไปได้หรือเปล่าครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.18 | SMF © 2006-2009, Simple Machines
by Pajerosport-Thailand TEAM
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 20 คำสั่ง